เมื่อเวลา 08.30 น.วานนี้(24ก.ย.) ที่โรงแรมอัมรินทร์ ลากูน จ.พิษณุโลก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความเป็นพรรคประชาธิปัตย์เป็นมากกว่าพรรคการเมืองทั่วไป เพราะพรรคไม่เคยที่จะทำพินัยกรรมยกตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้ใคร แต่มีกระบวนการสรรหาหัวหน้าพรรคอย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อให้ได้คนที่ดีที่สุดเข้ามาทำหน้าที่ เช่นนายชวน หลีกภัย หากไปอยู่ที่พรรคการเมืองอื่นหรือแม้แต่พรรคไทยรักไทย คงไม่มีโอกาสได้เป็นหัวหน้าพรรค เพราะไม่มีเงินเหมือนคนอื่น จนมาถึงปัจจุบัน พรรคมีหัวหน้าพรรคที่ชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดี และถือเป็นโอกาสในการทำพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง โดยจะใช้โอกาสที่พรรคครบรอบ 60 ปี
นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคจะทำทุกอย่างให้ประชาชน มีอำนาจในการกำหนดทิศทางของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการประชุมสมัชชาประชาชนครั้งใหญ่ในวันที่ 8-9 ต.ค.นี้ และจะจัดประชุมกลุ่มย่อยอย่างต่อเนื่องไปทุกภาคและทุกพื้นที่ ก่อนที่จะมาจัดการประชุมใหญ่อีกครั้งในช่วงเดือนต.ค. และจะทำตลอดเวลาอีก 3 ปีจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งจะมีการระดมความคิดเห็นของประชาชนมากำหนดนโยบายของพรรค เรียกได้ว่าจะทำตามความต้องการของประชาชน แต่จะไปเปรียบเทียบกับนโยบายประชานิยมของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นายกฯคิดขึ้นมาเอง เพื่อมอมเมาประชาชนให้ลุ่มหลงและเลือกไทยรักไทยเข้าไปเป็นรัฐบาล แต่สิ่งที่พรรคจะทำคือให้ประชาชนคิดและพรรคเป็นผู้ปฏิบัติ
“บางคนในพรรคอาจจะคลางแคลงใจเพราะไปฟังข่าวว่าตนสนิทกับพ.ต.ท.ทักษิณ กลัวว่าจะไปฮั้วกัน ซูเอี๋ยกัน ต้องขอบอกว่าตนเข้ามาสู่พรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ปี 2522 เป็นส.ส.มาทุกสมัย อยู่กับพรรคมาตลอดเกือบ 30 ปี ทำงานให้พรรคอย่างจริงจังตลอดเวลา เกิดที่ประชาธิปัตย์ หัวใจและเลือดทุกหยดเป็นประชาธิปัตย์ ในวันนี้วิธีคิดวิธีปฏิบัติอาจจะแตกต่างไปบ้าง แต่ที่ยังไม่เปลี่ยนคือความไม่ยอมแพ้ ทุกวันนี้ตนคิดทุกวันทุกคืนว่าจะต้องเอาชนะทักษิณ ต้องตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียว ต้องเอานโยบายที่ประชาชนร่วมกำหนดลงไปปฏิบัติ”นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า เป็นโอกาสที่ดีที่พรรคได้คนอย่างนายอภิสิทธิ์เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค แต่บางคนเห็นว่านายอภิสิทธิ์ เป็นคนดี แต่ไม่เก่งเรื่องการค้าขาย เรี่องเศรษฐกิจ หรือการทำธุรกิจ ต้องขอบอกว่านายอภิสิทธิ์รู้เรื่องเศรษฐกิจดีเพราเรียนจบด้านปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่างอ็อกซ์ฟอร์ด นายอภิสิทธิ์มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจดี เพียงแต่ไม่ได้ตั้งบริษัททำธุรกิจเท่านั้น แต่ตนกลับพอใจ เหมือนกับที่พอใจนายชวนที่ไม่ได้เป็นเถ้าแก่ ตอนที่นายชวนเป็นนายกฯ 2 สมัยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ถ้านายอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกฯก็สบายใจได้ว่าจะให้ความเป็นธรรมกับธุรกิจทุกปรเภทอย่างเท่าเทียมกัน เพราะไม่ได้เอาประโยชน์ของตัวเองเข้าไปบริการประเทศ
“ใน 3 ปีที่เหลือนี้เราจะต้องทำงานหนัก ภายในเดือนพ.ค. 2549 จะต้องมีผู้สมัครครบทุก 400 เขต และลงพื้นที่ทำงานทันที และพรรคจะมีการประเมินผลการทำงานตลอด ถ้าทำไม่ดี ประชาชนไม่พอใจ เราจะปลดออกเปลี่ยนคนใหม่ เราทำงานตลอดอีก 3 ปีจะเพียงพอ เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปคือปี 2552 ผมไม่หวังอุบัติเหตุ ไม่หวังฟลุ๊ค ตอนนี้ผมเอาใจช่วยนายกฯทักษิณให้อยู่จนครบ 4 ปี เพื่อให้ประชาชนได้เห็นชัดเจนว่าทักษิณไม่เอาไหนจริงๆ”นายสุเทพกล่าว
ภายหลังการสัมมนา นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ว่า การมาสัมมนาที่ภาคเหนือในครั้งนี้ก็เพื่อมาทำความเข้าใจกับสาขาพรรค และผู้สนับสนุนของพรรคเดินไปในแนวทางดังกล่าว หากเราทำแนวคิดนี้ให้สำเร็จประชาชนทั้งประเทศเข้าใจ และเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศจะให้การสนับสนุนพรรค ทั้งนี้ระยะเวลาที่เหลืออีก 3 ปี พรรคต้องทำงานแข่งกับเวลาและจะพยายามทำให้ดีที่สุด และจะลงทำให้ทุกพื้นที่
ด้านนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รองหัวหน้าพรรครับผิดชอบภาคเหนือ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายส.ส. 38 คนจาก 76 เขตเลือกตั้งนั้น พรรคคาดหวังจากฐานคะแนนนิยมของพรรคที่ยังดีอยู่ รวมทั้งคะแนนแบบบัญชีรายชื่อที่มีมาก ซึ่งเขตที่พรรคหวังมากนั้น คือ จังหวัดตาก พิจิตร พิษณุโลก เชียงใหม่ ซึ่งถือว่ามีลุ้นทุกเขต ลำพูน แพร่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ รองลงมาก็คือสุโขทัย ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน และอุตรดิตถ์ โดยเราจะใช้วิธีการจัดประชุมสัมมนา ทั้งระดับพื้นที่และระดับภาค โดยจะใช้แกนนำของพรรคลงมาช่วยกัน อาทิ นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นายไพฑูรย์ แก้วทอง นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู นางผุสดี ตามไท โดยจะสับเปลี่ยนกันลงพื้นที่พร้อมช่วยผู้สมัครลงพื้นที่ แต่ในส่วนของผู้สมัครนั้นจะมีการประเมินผลงานทุก 3 เดือน หากไม่เหมาะสมก็สามารถเปลี่ยนได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ก.ย. 2548--จบ--
นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคจะทำทุกอย่างให้ประชาชน มีอำนาจในการกำหนดทิศทางของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการประชุมสมัชชาประชาชนครั้งใหญ่ในวันที่ 8-9 ต.ค.นี้ และจะจัดประชุมกลุ่มย่อยอย่างต่อเนื่องไปทุกภาคและทุกพื้นที่ ก่อนที่จะมาจัดการประชุมใหญ่อีกครั้งในช่วงเดือนต.ค. และจะทำตลอดเวลาอีก 3 ปีจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งจะมีการระดมความคิดเห็นของประชาชนมากำหนดนโยบายของพรรค เรียกได้ว่าจะทำตามความต้องการของประชาชน แต่จะไปเปรียบเทียบกับนโยบายประชานิยมของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นายกฯคิดขึ้นมาเอง เพื่อมอมเมาประชาชนให้ลุ่มหลงและเลือกไทยรักไทยเข้าไปเป็นรัฐบาล แต่สิ่งที่พรรคจะทำคือให้ประชาชนคิดและพรรคเป็นผู้ปฏิบัติ
“บางคนในพรรคอาจจะคลางแคลงใจเพราะไปฟังข่าวว่าตนสนิทกับพ.ต.ท.ทักษิณ กลัวว่าจะไปฮั้วกัน ซูเอี๋ยกัน ต้องขอบอกว่าตนเข้ามาสู่พรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ปี 2522 เป็นส.ส.มาทุกสมัย อยู่กับพรรคมาตลอดเกือบ 30 ปี ทำงานให้พรรคอย่างจริงจังตลอดเวลา เกิดที่ประชาธิปัตย์ หัวใจและเลือดทุกหยดเป็นประชาธิปัตย์ ในวันนี้วิธีคิดวิธีปฏิบัติอาจจะแตกต่างไปบ้าง แต่ที่ยังไม่เปลี่ยนคือความไม่ยอมแพ้ ทุกวันนี้ตนคิดทุกวันทุกคืนว่าจะต้องเอาชนะทักษิณ ต้องตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียว ต้องเอานโยบายที่ประชาชนร่วมกำหนดลงไปปฏิบัติ”นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า เป็นโอกาสที่ดีที่พรรคได้คนอย่างนายอภิสิทธิ์เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค แต่บางคนเห็นว่านายอภิสิทธิ์ เป็นคนดี แต่ไม่เก่งเรื่องการค้าขาย เรี่องเศรษฐกิจ หรือการทำธุรกิจ ต้องขอบอกว่านายอภิสิทธิ์รู้เรื่องเศรษฐกิจดีเพราเรียนจบด้านปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่างอ็อกซ์ฟอร์ด นายอภิสิทธิ์มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจดี เพียงแต่ไม่ได้ตั้งบริษัททำธุรกิจเท่านั้น แต่ตนกลับพอใจ เหมือนกับที่พอใจนายชวนที่ไม่ได้เป็นเถ้าแก่ ตอนที่นายชวนเป็นนายกฯ 2 สมัยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ถ้านายอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกฯก็สบายใจได้ว่าจะให้ความเป็นธรรมกับธุรกิจทุกปรเภทอย่างเท่าเทียมกัน เพราะไม่ได้เอาประโยชน์ของตัวเองเข้าไปบริการประเทศ
“ใน 3 ปีที่เหลือนี้เราจะต้องทำงานหนัก ภายในเดือนพ.ค. 2549 จะต้องมีผู้สมัครครบทุก 400 เขต และลงพื้นที่ทำงานทันที และพรรคจะมีการประเมินผลการทำงานตลอด ถ้าทำไม่ดี ประชาชนไม่พอใจ เราจะปลดออกเปลี่ยนคนใหม่ เราทำงานตลอดอีก 3 ปีจะเพียงพอ เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปคือปี 2552 ผมไม่หวังอุบัติเหตุ ไม่หวังฟลุ๊ค ตอนนี้ผมเอาใจช่วยนายกฯทักษิณให้อยู่จนครบ 4 ปี เพื่อให้ประชาชนได้เห็นชัดเจนว่าทักษิณไม่เอาไหนจริงๆ”นายสุเทพกล่าว
ภายหลังการสัมมนา นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ว่า การมาสัมมนาที่ภาคเหนือในครั้งนี้ก็เพื่อมาทำความเข้าใจกับสาขาพรรค และผู้สนับสนุนของพรรคเดินไปในแนวทางดังกล่าว หากเราทำแนวคิดนี้ให้สำเร็จประชาชนทั้งประเทศเข้าใจ และเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศจะให้การสนับสนุนพรรค ทั้งนี้ระยะเวลาที่เหลืออีก 3 ปี พรรคต้องทำงานแข่งกับเวลาและจะพยายามทำให้ดีที่สุด และจะลงทำให้ทุกพื้นที่
ด้านนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รองหัวหน้าพรรครับผิดชอบภาคเหนือ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายส.ส. 38 คนจาก 76 เขตเลือกตั้งนั้น พรรคคาดหวังจากฐานคะแนนนิยมของพรรคที่ยังดีอยู่ รวมทั้งคะแนนแบบบัญชีรายชื่อที่มีมาก ซึ่งเขตที่พรรคหวังมากนั้น คือ จังหวัดตาก พิจิตร พิษณุโลก เชียงใหม่ ซึ่งถือว่ามีลุ้นทุกเขต ลำพูน แพร่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ รองลงมาก็คือสุโขทัย ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน และอุตรดิตถ์ โดยเราจะใช้วิธีการจัดประชุมสัมมนา ทั้งระดับพื้นที่และระดับภาค โดยจะใช้แกนนำของพรรคลงมาช่วยกัน อาทิ นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นายไพฑูรย์ แก้วทอง นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู นางผุสดี ตามไท โดยจะสับเปลี่ยนกันลงพื้นที่พร้อมช่วยผู้สมัครลงพื้นที่ แต่ในส่วนของผู้สมัครนั้นจะมีการประเมินผลงานทุก 3 เดือน หากไม่เหมาะสมก็สามารถเปลี่ยนได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ก.ย. 2548--จบ--