ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เปิดเผยกรณีฟ้องดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร พนักงาน ธ.กรุงไทย และบุคคลภายนอก ผู้ว่า
การธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ ธปท.ยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ
กรรมการบริหาร ผู้บริหาร พนักงาน ธ.กรุงไทย และบุคคลภายนอกจำนวน 21 คน ที่สร้างความเสียหายให้ ธ.
กรุงไทยว่า หลังจากที่ ธปท.ตรวจสอบข้อเท็จจริงสินเชื่อ 12 รายของ ธ.กรุงไทยแล้ว ปรากฏว่า 9 รายไม่พบ
ความผิดปกติหรือเอื้อประโยชน์ และ 1 ใน 9 รายเริ่มทวงหนี้ได้ และอาจจะกลับมาเป็นหนี้ปกติได้ ส่วนอีก 3 ราย
พบว่ามีการเอื้อประโยชน์จนผิดปกติ ทำให้บุคคลภายนอกได้รับผลประโยชน์ รวมจำนวนความเสียหายทั้งสิ้น
15,185 ล้านบาท และบุคคลที่ ธปท.ฟ้องร้องทั้ง 2 คดีมีทั้งสิ้น 21 คน โดยมีทั้งกรรมการบริหาร เจ้าหน้าที่ของ
ธนาคาร และบุคคลภายนอก ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งเป็นบุคคลภายนอก โดยการพิจารณาฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการฟ้องเป็น
รายบุคคล ทั้งนี้ พ.ต.อ.ชาญ วัฒนธรรม รองผู้บังคับการกองคดี รักษาราชการแทน ผู้บังคับการกองคดี (รรท.
ผบก.คด.) กล่าวว่า หลังจากที่ ธปท.ร้องทุกข์กล่าวโทษมา ได้นำส่งเรื่องดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อไปภายใน 30 วัน (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ,
ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, บ้านเมือง)
2. ไทยนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในปี 47 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 13.68 รายงานข่าวจาก ก.
พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 47 ไทยนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้งสิ้น 289,487.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ
13.68 สำหรับสินค้าที่มีมูลค่านำเข้ามากที่สุด คือ เครื่องใช้ไฟฟ้า 60,727.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.00
รองลงมา คือ ผลิตภัณฑ์พลาสติก 50,677.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.76 สบู่ ผงซักฟอก และเครื่อง
สำอาง 25,782.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.56 เสื้อผ้า รองเท้าและผลิตภัณฑ์สิ่งทอ 23,970.8 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.16 สำหรับธัญพืชและธัญพืชสำเร็จรูป 17,549.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.95 ผัก ผลไม้
และของปรุงแต่งที่ทำจากผักผลไม้ 14,153.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.04 ผลิตภัณฑ์นม 12,209.3 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.25 เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด 8,487.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.10 เครื่องแต่งเรือน
7,602.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.95 (เดลินิวส์, ข่าวสด)
3. ก.ล.ต.ส่งหนังสือเวียนเน้นการดำรงความเพียงพอของเงินกองทุนและการทำประกันภัยความรับ
ผิดของ บลจ. รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า
เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่าน ก.ล.ต.ส่งหนังสือเวียนถึงผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่งที่ได้รับใบอนุญาต (ไลเซ่น) ใน
การประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคลเพื่อเน้นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การ
ดำรงความเพียงพอของเงินกองทุนและการทำประกันภัยความรับผิดชอบของบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) โดย
กำหนดให้บริษัทจัดการที่ประกอบธุรกิจจัดการกองทุนรวมหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ไม่ใช่สถาบันการเงินต้องดำรง
ส่วนผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท โดยมีระดับเตือนภัยที่ 30 ล้านบาท ส่วนบริษัทจัดการที่ประกอบธุรกิจจัดการ
กองทุนส่วนบุคคล ต้องดำรงส่วนของผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท โดยมีระดับเตือนภัยที่ 15 ล้านบาท ส่วนการ
ทำประกันภัยสำหรับความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ได้กำหนดวงเงินตามขนาดของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี)
ของกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การจัดการ ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค.48 (กรุงเทพ
ธุรกิจ)
4. น้ำมันเบนซินทุกประเภทปรับเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 40 สตางค์ ขณะที่แก๊ซโซฮอล 95 ปรับลด 75
สตางค์ต่อลิตรวันนี้ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บ.ปตท.จำกัด เปิดเผยว่า ปตท.ประกาศปรับราคา
น้ำมันเบนซินทุกประเภทขึ้นอีกลิตรละ 40 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่เวลา 6.00 น.ของวันที่ 15 ก.พ.48 เป็นต้นไป
ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ น้ำมันเบนซินออกเทน 95 ราคา
20.09 บาทต่ำลิตร น้ำมันเบนซินออกเทน 91 ราคา 19.29 บาทต่อลิตร ด้านราคาน้ำมันดีเซล ยังตรึงราคาอยู่ที่
14.59 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ การปรับราคาดังกล่าวเป็นไปตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม ปตท. ได้ลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลง 75 สตางค์ต่อลิตร เป็นเวลา 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่
15 ก.พ.-15 มี.ค.48 เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคและส่งเสริมให้หันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มากขึ้น ส่ง
ผลให้มีราคาต่ำกว่าน้ำมันเบนซิน 95 ถึงลิตรละ 1.50 บาท (เดลินิวส์, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตในอังกฤษในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 14 ก.พ.48 ราคาน้ำมันและวัตถุดิบนำเข้าที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตใน
อังกฤษเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ในเดือน ม.ค.48 มากกว่า 2 เท่าของอัตราที่คาดไว้ โดยราคาน้ำมันซึ่งเป็นสาเหตุ
หลักที่ทำให้ราคาวัตถุดิบสูงขึ้นมีราคาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 14.8 ในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.
ค.47 ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นร้อยละ 40.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน และแม้ว่าจะตัดผลกระทบ
จากราคาน้ำมันออกแล้ว ราคาวัตถุดิบก็ยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ในเดือน ม.ค.48 นับเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเดือนสูงสุด
ในรอบ 10 ปี เมื่อราคาวัตถุดิบนำเข้าเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.34 ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นดังกล่าว
สร้างความกังวลให้ ธ.กลางอังกฤษว่าจะสร้างแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 10.7 ในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดในรอบ 15 เดือน นักวิเคราะห์กำลังรอคอยรายงานเงินเฟ้อ
ของ ธ.กลางอังกฤษ ซึ่งมีกำหนดจะเผยแพร่ในวันที่ 16 ก.พ.48 นี้ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะรายงานอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูง
ขึ้นจากราคาบ้านและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้คาดกันว่า ธ.กลางอังกฤษอาจขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้หลังจากคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.75 ตั้งแต่เดือน ส.ค.47 เป็นต้นมา (รอยเตอร์)
2. ราคาบ้านของอังกฤษเดือน ม.ค.48 ลดลงในอัตราต่ำสุดในรอบ 4 เดือน รายงานจากกรุง
ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 15 ก.พ.48 Royal Institution of Chartered Surveyors เปิด
เผยผลสำรวจราคาบ้านของอังกฤษในเดือน ม.ค.48 ว่า ราคาบ้านได้ปรับลดลงอีกครั้งในช่วง 3 เดือนนับถึง
เดือน ม.ค.48 แต่เป็นอัตราลดลงที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 4 เดือน โดยข้อมูลที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วอยู่ที่
ระดับ —36 เทียบกับที่อยู่ในระดับ —38 ในเดือนก่อนหน้า สาเหตุมาจากมุมมองที่ว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ
ร้อยละ 4.75 เป็นระดับที่สูงสุดแล้ว ช่วยทำให้มีการตกลงซื้อขายครั้งแรกเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เดือน เม.ย.47 อย่าง
ไรก็ตาม ยังมีอสังหาริมทรัพย์คงค้างจำนวนมากจากปีก่อน ทำให้ผู้ซื้อมีอำนาจต่อรองในเจรจามากกว่าผู้ขาย และจะ
ส่งผลให้ราคาบ้านลดลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งจะกระทบต่อการฟื้นตัวของการซื้อขายบ้านด้วย รวมถึงผล
กระทบจากความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ทั้งนี้ ความจำเป็นที่จะชะลอการเฟื่องฟู
ของตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ ธ.กลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 5 ครั้ง ใน
ช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากกังวลว่าราคาบ้านที่ปรับขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก อาจจะเป็นการเติบโตที่ไม่มั่นคง
แต่ในขณะที่ตลาดซื้อขายบ้านชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่กลางปีก่อน ราคาบ้านในเดือน พ.ย.47 กลับเพิ่มขึ้น
สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ (รอยเตอร์)
3. จำนวนคนมีงานทำในเยอรมนีเพิ่มขึ้น 16,000 คนเป็น 38.570 ล้านคนในเดือน ธ.ค.47 เพิ่ม
ขึ้นเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 14 ก.พ.48 สนง.สถิติกลางของเยอรมนีรายงานการจ้าง
งานในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้น 16,000 คนมีจำนวนคนมีงานทำทั้งสิ้น 38.570 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 12
ติดต่อกัน โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 47 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 มีจำนวน 73,000 คนโดยมีจำนวนคน
มีงานทำทั้งสิ้น 38.549 ล้านคนโดยเป็นผลจากการสนับสนุนของรัฐบาลทำให้มีการจ้างงานที่มีการจ่ายค่าแรงต่ำเพิ่ม
ขึ้นซึ่งไม่ช่วยให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรเพิ่มขึ้นมากนัก เมื่อประกอบกับการที่อัตราการออมของชาวเยอรมนีไม่ได้
ลดลง การบริโภคภาคครัวเรือนจึงยังไม่เพิ่มขึ้น สนง.สถิติกลางรายงานจำนวนคนมีงานทำโดยเฉลี่ยในปี 47 มี
38.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 หรือเท่ากับ 128,000 คนจากระดับเฉลี่ยในปี 46 (รอยเตอร์)
4. เดือน ธ.ค.47 ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.1 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียว
เมื่อ 14 ก.พ.48 ก.คลังเปิดเผยว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.47 อยู่ที่ระดับ 1.6160
ล้านล้านเยน (15.33 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.1 เทียบต่อปี สูงกว่าการคาดการณ์ของนัก
เศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 ที่ระดับ 1.25 ล้านล้านเยน ทั้งนี้ ดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลเพิ่มขึ้นมี
สาเหตุจากการที่ดุลบัญชีรายรับเกินดุลเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.1 เทียบต่อปี เนื่องจากปัจจัยต่างๆ อาทิเช่น กำไรจาก
การดำเนินงานของบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทในเครือในต่างประเทศ ผลตอบแทนจากการลงทุนในหลักทรัพย์ และการลง
ทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงการที่ดุลการค้าเกินดุลเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เทียบต่อปี อยู่ที่ระดับ
1.3046 ล้านล้านเยน เนื่องจากการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 เป็นจำนวน 5.1262 ล้านล้านเยน ขณะที่การนำ
เข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เป็นจำนวน 3.8216 ล้านล้านเยน สำหรับยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ปรับฤดูกาลแล้วเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 28.2 เทียบต่อเดือน อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอาจจะหดตัวลง
ในช่วงเวลาต่อจากนี้ เนื่องจากการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวลดลงโดยเฉพาะการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่ง
เห็นได้จากตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค.47 ที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.8 เทียบต่อเดือน ขณะที่การนำ
เข้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามทิศทางการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและสินค้าอุปโภคบริโภค (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ก.พ. 48 14 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.421 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.2489/38.5373 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 728.80/15.48 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,700/7,800 7,700/7,800 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 39.29 38.98 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 20.09*/14.59 19.69*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 15 ก.พ.48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เปิดเผยกรณีฟ้องดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร พนักงาน ธ.กรุงไทย และบุคคลภายนอก ผู้ว่า
การธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ ธปท.ยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ
กรรมการบริหาร ผู้บริหาร พนักงาน ธ.กรุงไทย และบุคคลภายนอกจำนวน 21 คน ที่สร้างความเสียหายให้ ธ.
กรุงไทยว่า หลังจากที่ ธปท.ตรวจสอบข้อเท็จจริงสินเชื่อ 12 รายของ ธ.กรุงไทยแล้ว ปรากฏว่า 9 รายไม่พบ
ความผิดปกติหรือเอื้อประโยชน์ และ 1 ใน 9 รายเริ่มทวงหนี้ได้ และอาจจะกลับมาเป็นหนี้ปกติได้ ส่วนอีก 3 ราย
พบว่ามีการเอื้อประโยชน์จนผิดปกติ ทำให้บุคคลภายนอกได้รับผลประโยชน์ รวมจำนวนความเสียหายทั้งสิ้น
15,185 ล้านบาท และบุคคลที่ ธปท.ฟ้องร้องทั้ง 2 คดีมีทั้งสิ้น 21 คน โดยมีทั้งกรรมการบริหาร เจ้าหน้าที่ของ
ธนาคาร และบุคคลภายนอก ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งเป็นบุคคลภายนอก โดยการพิจารณาฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการฟ้องเป็น
รายบุคคล ทั้งนี้ พ.ต.อ.ชาญ วัฒนธรรม รองผู้บังคับการกองคดี รักษาราชการแทน ผู้บังคับการกองคดี (รรท.
ผบก.คด.) กล่าวว่า หลังจากที่ ธปท.ร้องทุกข์กล่าวโทษมา ได้นำส่งเรื่องดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อไปภายใน 30 วัน (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ,
ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, บ้านเมือง)
2. ไทยนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในปี 47 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 13.68 รายงานข่าวจาก ก.
พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 47 ไทยนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้งสิ้น 289,487.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ
13.68 สำหรับสินค้าที่มีมูลค่านำเข้ามากที่สุด คือ เครื่องใช้ไฟฟ้า 60,727.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.00
รองลงมา คือ ผลิตภัณฑ์พลาสติก 50,677.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.76 สบู่ ผงซักฟอก และเครื่อง
สำอาง 25,782.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.56 เสื้อผ้า รองเท้าและผลิตภัณฑ์สิ่งทอ 23,970.8 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.16 สำหรับธัญพืชและธัญพืชสำเร็จรูป 17,549.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.95 ผัก ผลไม้
และของปรุงแต่งที่ทำจากผักผลไม้ 14,153.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.04 ผลิตภัณฑ์นม 12,209.3 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.25 เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด 8,487.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.10 เครื่องแต่งเรือน
7,602.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.95 (เดลินิวส์, ข่าวสด)
3. ก.ล.ต.ส่งหนังสือเวียนเน้นการดำรงความเพียงพอของเงินกองทุนและการทำประกันภัยความรับ
ผิดของ บลจ. รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า
เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่าน ก.ล.ต.ส่งหนังสือเวียนถึงผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่งที่ได้รับใบอนุญาต (ไลเซ่น) ใน
การประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคลเพื่อเน้นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การ
ดำรงความเพียงพอของเงินกองทุนและการทำประกันภัยความรับผิดชอบของบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) โดย
กำหนดให้บริษัทจัดการที่ประกอบธุรกิจจัดการกองทุนรวมหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ไม่ใช่สถาบันการเงินต้องดำรง
ส่วนผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท โดยมีระดับเตือนภัยที่ 30 ล้านบาท ส่วนบริษัทจัดการที่ประกอบธุรกิจจัดการ
กองทุนส่วนบุคคล ต้องดำรงส่วนของผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท โดยมีระดับเตือนภัยที่ 15 ล้านบาท ส่วนการ
ทำประกันภัยสำหรับความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ได้กำหนดวงเงินตามขนาดของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี)
ของกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การจัดการ ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค.48 (กรุงเทพ
ธุรกิจ)
4. น้ำมันเบนซินทุกประเภทปรับเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 40 สตางค์ ขณะที่แก๊ซโซฮอล 95 ปรับลด 75
สตางค์ต่อลิตรวันนี้ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บ.ปตท.จำกัด เปิดเผยว่า ปตท.ประกาศปรับราคา
น้ำมันเบนซินทุกประเภทขึ้นอีกลิตรละ 40 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่เวลา 6.00 น.ของวันที่ 15 ก.พ.48 เป็นต้นไป
ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ น้ำมันเบนซินออกเทน 95 ราคา
20.09 บาทต่ำลิตร น้ำมันเบนซินออกเทน 91 ราคา 19.29 บาทต่อลิตร ด้านราคาน้ำมันดีเซล ยังตรึงราคาอยู่ที่
14.59 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ การปรับราคาดังกล่าวเป็นไปตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม ปตท. ได้ลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลง 75 สตางค์ต่อลิตร เป็นเวลา 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่
15 ก.พ.-15 มี.ค.48 เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคและส่งเสริมให้หันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มากขึ้น ส่ง
ผลให้มีราคาต่ำกว่าน้ำมันเบนซิน 95 ถึงลิตรละ 1.50 บาท (เดลินิวส์, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตในอังกฤษในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 14 ก.พ.48 ราคาน้ำมันและวัตถุดิบนำเข้าที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตใน
อังกฤษเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ในเดือน ม.ค.48 มากกว่า 2 เท่าของอัตราที่คาดไว้ โดยราคาน้ำมันซึ่งเป็นสาเหตุ
หลักที่ทำให้ราคาวัตถุดิบสูงขึ้นมีราคาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 14.8 ในเดือน ม.ค.48 เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.
ค.47 ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นร้อยละ 40.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน และแม้ว่าจะตัดผลกระทบ
จากราคาน้ำมันออกแล้ว ราคาวัตถุดิบก็ยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ในเดือน ม.ค.48 นับเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเดือนสูงสุด
ในรอบ 10 ปี เมื่อราคาวัตถุดิบนำเข้าเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.34 ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นดังกล่าว
สร้างความกังวลให้ ธ.กลางอังกฤษว่าจะสร้างแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 10.7 ในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดในรอบ 15 เดือน นักวิเคราะห์กำลังรอคอยรายงานเงินเฟ้อ
ของ ธ.กลางอังกฤษ ซึ่งมีกำหนดจะเผยแพร่ในวันที่ 16 ก.พ.48 นี้ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะรายงานอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูง
ขึ้นจากราคาบ้านและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้คาดกันว่า ธ.กลางอังกฤษอาจขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้หลังจากคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.75 ตั้งแต่เดือน ส.ค.47 เป็นต้นมา (รอยเตอร์)
2. ราคาบ้านของอังกฤษเดือน ม.ค.48 ลดลงในอัตราต่ำสุดในรอบ 4 เดือน รายงานจากกรุง
ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 15 ก.พ.48 Royal Institution of Chartered Surveyors เปิด
เผยผลสำรวจราคาบ้านของอังกฤษในเดือน ม.ค.48 ว่า ราคาบ้านได้ปรับลดลงอีกครั้งในช่วง 3 เดือนนับถึง
เดือน ม.ค.48 แต่เป็นอัตราลดลงที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 4 เดือน โดยข้อมูลที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วอยู่ที่
ระดับ —36 เทียบกับที่อยู่ในระดับ —38 ในเดือนก่อนหน้า สาเหตุมาจากมุมมองที่ว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ
ร้อยละ 4.75 เป็นระดับที่สูงสุดแล้ว ช่วยทำให้มีการตกลงซื้อขายครั้งแรกเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เดือน เม.ย.47 อย่าง
ไรก็ตาม ยังมีอสังหาริมทรัพย์คงค้างจำนวนมากจากปีก่อน ทำให้ผู้ซื้อมีอำนาจต่อรองในเจรจามากกว่าผู้ขาย และจะ
ส่งผลให้ราคาบ้านลดลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งจะกระทบต่อการฟื้นตัวของการซื้อขายบ้านด้วย รวมถึงผล
กระทบจากความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ทั้งนี้ ความจำเป็นที่จะชะลอการเฟื่องฟู
ของตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ ธ.กลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 5 ครั้ง ใน
ช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากกังวลว่าราคาบ้านที่ปรับขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก อาจจะเป็นการเติบโตที่ไม่มั่นคง
แต่ในขณะที่ตลาดซื้อขายบ้านชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่กลางปีก่อน ราคาบ้านในเดือน พ.ย.47 กลับเพิ่มขึ้น
สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ (รอยเตอร์)
3. จำนวนคนมีงานทำในเยอรมนีเพิ่มขึ้น 16,000 คนเป็น 38.570 ล้านคนในเดือน ธ.ค.47 เพิ่ม
ขึ้นเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 14 ก.พ.48 สนง.สถิติกลางของเยอรมนีรายงานการจ้าง
งานในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้น 16,000 คนมีจำนวนคนมีงานทำทั้งสิ้น 38.570 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 12
ติดต่อกัน โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 47 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 มีจำนวน 73,000 คนโดยมีจำนวนคน
มีงานทำทั้งสิ้น 38.549 ล้านคนโดยเป็นผลจากการสนับสนุนของรัฐบาลทำให้มีการจ้างงานที่มีการจ่ายค่าแรงต่ำเพิ่ม
ขึ้นซึ่งไม่ช่วยให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรเพิ่มขึ้นมากนัก เมื่อประกอบกับการที่อัตราการออมของชาวเยอรมนีไม่ได้
ลดลง การบริโภคภาคครัวเรือนจึงยังไม่เพิ่มขึ้น สนง.สถิติกลางรายงานจำนวนคนมีงานทำโดยเฉลี่ยในปี 47 มี
38.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 หรือเท่ากับ 128,000 คนจากระดับเฉลี่ยในปี 46 (รอยเตอร์)
4. เดือน ธ.ค.47 ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.1 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียว
เมื่อ 14 ก.พ.48 ก.คลังเปิดเผยว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นในเดือน ธ.ค.47 อยู่ที่ระดับ 1.6160
ล้านล้านเยน (15.33 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.1 เทียบต่อปี สูงกว่าการคาดการณ์ของนัก
เศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 ที่ระดับ 1.25 ล้านล้านเยน ทั้งนี้ ดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลเพิ่มขึ้นมี
สาเหตุจากการที่ดุลบัญชีรายรับเกินดุลเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.1 เทียบต่อปี เนื่องจากปัจจัยต่างๆ อาทิเช่น กำไรจาก
การดำเนินงานของบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทในเครือในต่างประเทศ ผลตอบแทนจากการลงทุนในหลักทรัพย์ และการลง
ทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงการที่ดุลการค้าเกินดุลเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เทียบต่อปี อยู่ที่ระดับ
1.3046 ล้านล้านเยน เนื่องจากการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 เป็นจำนวน 5.1262 ล้านล้านเยน ขณะที่การนำ
เข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เป็นจำนวน 3.8216 ล้านล้านเยน สำหรับยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ปรับฤดูกาลแล้วเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 28.2 เทียบต่อเดือน อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอาจจะหดตัวลง
ในช่วงเวลาต่อจากนี้ เนื่องจากการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวลดลงโดยเฉพาะการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่ง
เห็นได้จากตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค.47 ที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.8 เทียบต่อเดือน ขณะที่การนำ
เข้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามทิศทางการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและสินค้าอุปโภคบริโภค (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 ก.พ. 48 14 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.421 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.2489/38.5373 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 728.80/15.48 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,700/7,800 7,700/7,800 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 39.29 38.98 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 20.09*/14.59 19.69*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 15 ก.พ.48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--