__นายธวัชชัย สัจจกุล ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากพรรคฯ ให้เป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ ได้กล่าวถึงความพร้อมในการลงแข่งขันในครั้งนี้ ว่า "มีความพร้อมมานานแล้ว และเมื่อพรรคมีมติส่งตนลงนามของพรรค ประชาธิปัตย์ยิ่งมีความมั่นใจ และพร้อมมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ตนจะต้องเจอศึกหนัก อย่างเช่น อดีตรองนายกฯสมัคร สุนทรเวช อดีต รมต.สุดารัตน์ ซึ่งตนคิดว่าทั้งสอง ท่านนั้นเป็นคู่แข่งที่หนักแต่ตนเชื่อว่าการผนึกกำลังของพรรคประชาธิปัตย์ ในทุกรูป แบบไม่ว่าจะเป็นการประสานความคิดในเชิงนโยบาย และจากประสบการณ์ของตน เมื่อนำมารวมกันแล้วตนคิดว่าวันนี้ตนพร้อมจะรับใช้พี่น้องประชาชนชาวกทม.ม าก ยิ่งขึ้น" นายธวัชชัยกล่าวถึงเรื่องนโยบายว่า "พรรคประชาธิปัตย์ และตนนั้นได้มีการ ประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับแนวนโยบายที่จะนำมาทำงานในกทม. นั้นมีหลายเรื่ อง ที่จะนำไปใช้ เช่น เรื่องการจราจร ซึ่งเป็นปัหาให่ของพี่น้องชาวกทม. เรื่องน้ำ ท่วม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำเหนือบ่า หรือฝนตกหนักแล้วท่วม ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีแนวนโย บายที่จะเข้าไปแก้ปัหาโดยไม่ต้องใช้เงิน หรือใช้เงินให้น้อยที่สุดตามฐานะที่ กทม. จะสามารถดูแลได้ ปัหาการศึกษานั้นก็มีแนวทางการขยายโรงเรียนตาม พรบ.การ ศึกษา ให้ความมั่นใจกับผู้ปกครองในเขตโรงเรียนในกทม. โดยส่วนใหญ ่แล้วการศึก ษาในระดับประถมนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยให้มีความต่อเนื่องตั้งแต่ระดับชั้นประ ถมศึกษาจึนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและสร้างมาตรฐานของการเรียนด้วย เพื่อ สร้างความสบายใจใหักับผู้ปกครองว่าบุตรหลานของตนมีที่เรียนอย่างแน่นอนนอก จาก นั้นยังมีนโยบายในเรื่องมลภาวะ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางคืนชีวิตให้ลำคลอง สร้างกรุงเทพ ฯให้เป็น เวนิชตะวันออก แนวทางแก้ปัญ หามลภาวะทางอากาศโดยการใช้เชื้อเพลิงอื่น เข้ามาใช้แทนอย่างที่เรียกว่า E85 ที่ผลิตจากอ้อย และมันสัปหลัง ปัญ หาชุมชนแออัด ปัญ หาหมู่บ้านจัดสรรที่สร้างแล้วเจ้าของโครงการทิ้งร้างไปไม่ดูแลในเรื่องปัญ หาน้ำเสีย ปัหาไฟฟ้า เรื่องสนามกีฬา สนามเด็กเล่น ปัหาคนจรจัดเข้าไปอาศัยอยู่ เหล่านี้ ตน และทีมงานของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น สก. สข. รวมทั้ง ส.ส. ซึ่งปัหาเหล่านี้ตน และทีมงานทราบดี และพร้อมที่จะเข้าไปแก้ปัหา"
นายธวัชชัย ยังได้กล่าวต่อไปว่าในเรื่องความพร้อมนั้นตนเองได้เปิดตัวอย่างไม่เป็นทาง การตั้งแต่เดือน มี.ค. 42 เรื่อยมา ซึ่งแสดงว่าตนมีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเข้ามารับใช้พี่ น้องประชาชนเพียงไร และตนเชื่อว่าในฐานะที่เป็นนักการเมืองกรุงเทพฯ คนของพรรค ประชาธิปัตย์ตั้งแต่บรรพบุรุษเป็นเลือดนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ใคร แต่แน่นอนผู้ชนะย่อมมีคน เดียว ถึงเวลาประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเองเมื่อการเลือกตั้งในวันที่ 23 ก.ค. 42 ถึง เวลานั้นคงจะมองออกว่าใครจะเป็นคนที่ชาวกทม.ให้ความไว้วางใจ สำหรับตนนั้นต้อง ยอมรับว่าเมื่อลงสมัครรับเลือกตั้งแล้วก็มุ่งหวังถึงชัยชนะอย่างแน่นอนแต่ ถ้าไม่ชนะก็ต้อง ยอมรับเพราะตนเป็นลูกผู้ชายเลือดนักกีฬา
นายธวัชชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่มีคนแสดงความคิดเห็นว่าตนมีภาพของความบันเทิงมาก กว่าภาพของนักบริหารนั้น ตนขอชี้แจงว่า คำว่านักบริหารนั้นมาจากนิสัยของการเป็นนัก บริหาร ไม่จำเป็นต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดนั่งอยู่กับโต๊ะทั้งวัน นักบริหารในยุคปัจจุบันคือนัก ระดมความคิด เป็นนักประสานใจ เพื่อให้ภารกิจบรรลุเป้าหมาย ดังนั้นตนคิดว่าสไตล์ ของกทม. ซึ่งมีภารกิจมากมายแต่มีอำนาจตามกฎหมายน้อยมากนั้น เท่าที่ตนทราบ อำนาจทางกฎหมายที่สัมผัสได้ในสายตาประชาชน คือ เทศกิจจับแม่ค้า หรือ โยธา ตรวจ จับบ้านที่ต่อเติมโดยไม่ขออนุาต ดั้งนั้นในแนวนี้ตนคิดว่า ผู้ว่าฯกทม. จะต้องเป็นคน อารมณ์ดี จะต้องเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสไปหาใครก็ได้โดยไม่มีความรู้สึกตะขิดตะขวงใ จ ไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งเราไม่มีอำนาจนอกจากการขอความช่วยเหลือ ถ้าเป็นคนลักษณะเช่นนั้นตนเชื่อว่าตนใช่ ถ้าถามถึงพื้นฐานการศึกษาตนก็จบวิศวะโยธา ตนจบปริาโทการจัดการ และเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ทั้งหมดคือการเป็น นักบริหารที่แท้จริงในสายตาของตน และตนก็พร้อมแล้วในขณะนี้ ซึ่งตนก็อยากจะฝากผู้มี สิทธิเลือกตั้งในกทม. ซึ่งจริง ๆ แล้วแบ่งเป็นหลายกลุ่ม ระดับผู้ใหญ ่หน่อยก็มีความข้องใจ ว่าตนมีพื้นฐานบริหารกทม.ได้หรือไม่ ตนอยากจะเรียนฝากไปถึง พี่น้อง หลาน ๆ เพื่อน ๆ และแฟนฟุตบอลของตนที่รักชอบตน วันนี้ตนเสนอตัวมารับใช้ในบทบาทผู้บริหารกทม. ขอ โอกาสให้ตนได้ทำงานในฐานะผู้ว่าฯกทม. ดูแลพี่น้องชาวกทม. อย่างที่เคยไว้ใจตนมาแล้ว ในเรื่องกีฬา ตนมีความพร้อมอย่างที่ตนได้เรียนมาแล้ว ในทุกรูปแบบ และตนเชื่อว่าตนมี ความสามารถประสานใจ ชาวกทม. และ พี่น้องประชาชนทั้ง 60 ล้านคน ที่เคยเชียร์ทีมไทย ให้ชนะมาแล้ว และตนคิดว่าตนจะช่วยประสานใจช่วยหน่วยงานราชการ กทม. และหน่วยราช การอื่น เพื่อทำให้ กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่นายธวัชชัยกล่าว.--จบ--
นายธวัชชัย ยังได้กล่าวต่อไปว่าในเรื่องความพร้อมนั้นตนเองได้เปิดตัวอย่างไม่เป็นทาง การตั้งแต่เดือน มี.ค. 42 เรื่อยมา ซึ่งแสดงว่าตนมีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเข้ามารับใช้พี่ น้องประชาชนเพียงไร และตนเชื่อว่าในฐานะที่เป็นนักการเมืองกรุงเทพฯ คนของพรรค ประชาธิปัตย์ตั้งแต่บรรพบุรุษเป็นเลือดนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ใคร แต่แน่นอนผู้ชนะย่อมมีคน เดียว ถึงเวลาประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเองเมื่อการเลือกตั้งในวันที่ 23 ก.ค. 42 ถึง เวลานั้นคงจะมองออกว่าใครจะเป็นคนที่ชาวกทม.ให้ความไว้วางใจ สำหรับตนนั้นต้อง ยอมรับว่าเมื่อลงสมัครรับเลือกตั้งแล้วก็มุ่งหวังถึงชัยชนะอย่างแน่นอนแต่ ถ้าไม่ชนะก็ต้อง ยอมรับเพราะตนเป็นลูกผู้ชายเลือดนักกีฬา
นายธวัชชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่มีคนแสดงความคิดเห็นว่าตนมีภาพของความบันเทิงมาก กว่าภาพของนักบริหารนั้น ตนขอชี้แจงว่า คำว่านักบริหารนั้นมาจากนิสัยของการเป็นนัก บริหาร ไม่จำเป็นต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดนั่งอยู่กับโต๊ะทั้งวัน นักบริหารในยุคปัจจุบันคือนัก ระดมความคิด เป็นนักประสานใจ เพื่อให้ภารกิจบรรลุเป้าหมาย ดังนั้นตนคิดว่าสไตล์ ของกทม. ซึ่งมีภารกิจมากมายแต่มีอำนาจตามกฎหมายน้อยมากนั้น เท่าที่ตนทราบ อำนาจทางกฎหมายที่สัมผัสได้ในสายตาประชาชน คือ เทศกิจจับแม่ค้า หรือ โยธา ตรวจ จับบ้านที่ต่อเติมโดยไม่ขออนุาต ดั้งนั้นในแนวนี้ตนคิดว่า ผู้ว่าฯกทม. จะต้องเป็นคน อารมณ์ดี จะต้องเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสไปหาใครก็ได้โดยไม่มีความรู้สึกตะขิดตะขวงใ จ ไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งเราไม่มีอำนาจนอกจากการขอความช่วยเหลือ ถ้าเป็นคนลักษณะเช่นนั้นตนเชื่อว่าตนใช่ ถ้าถามถึงพื้นฐานการศึกษาตนก็จบวิศวะโยธา ตนจบปริาโทการจัดการ และเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ทั้งหมดคือการเป็น นักบริหารที่แท้จริงในสายตาของตน และตนก็พร้อมแล้วในขณะนี้ ซึ่งตนก็อยากจะฝากผู้มี สิทธิเลือกตั้งในกทม. ซึ่งจริง ๆ แล้วแบ่งเป็นหลายกลุ่ม ระดับผู้ใหญ ่หน่อยก็มีความข้องใจ ว่าตนมีพื้นฐานบริหารกทม.ได้หรือไม่ ตนอยากจะเรียนฝากไปถึง พี่น้อง หลาน ๆ เพื่อน ๆ และแฟนฟุตบอลของตนที่รักชอบตน วันนี้ตนเสนอตัวมารับใช้ในบทบาทผู้บริหารกทม. ขอ โอกาสให้ตนได้ทำงานในฐานะผู้ว่าฯกทม. ดูแลพี่น้องชาวกทม. อย่างที่เคยไว้ใจตนมาแล้ว ในเรื่องกีฬา ตนมีความพร้อมอย่างที่ตนได้เรียนมาแล้ว ในทุกรูปแบบ และตนเชื่อว่าตนมี ความสามารถประสานใจ ชาวกทม. และ พี่น้องประชาชนทั้ง 60 ล้านคน ที่เคยเชียร์ทีมไทย ให้ชนะมาแล้ว และตนคิดว่าตนจะช่วยประสานใจช่วยหน่วยงานราชการ กทม. และหน่วยราช การอื่น เพื่อทำให้ กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่นายธวัชชัยกล่าว.--จบ--