เศรษฐกิจภาคเหนือในเดือนพฤษภาคม 2544 ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดย ภาคอุตสาหกรรม ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงทั้งอุตสาหกรรมผลิตเพื่อการส่งออก และอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อใช้ในประเทศตามความต้องการจากตลาดต่างประเทศและในประเทศที่ลดลง ด้าน ภาคบริการ ภาวะการท่องเที่ยวเริ่มชะลอตัว ส่วนหนึ่งเกิดจากนักท่องเที่ยวสำคัญคือ ชาวสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น เดินทางมาท่องเที่ยวน้อยลง เพราะประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในประเทศทั้งสอง และไม่มั่นใจในความปลอดภัยจากปัญหาชายแดนไทย-พม่า สำหรับ การค้าต่างประเทศ การส่งออกซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง จากปัญหาชายแดนด้านพม่าเป็นสำคัญ ทั้งนี้ รายละเอียดมีดังนี้
ภาคการเกษตร ในเดือนพฤษภาคม 2544 เป็นช่วงเริ่มต้นการเพาะปลูกพืชสำคัญได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวโพด สำหรับราคาสินค้าเกษตรโดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยพืชสำคัญ เช่น ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 14-15% ราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 4.3 เป็นเมตริกตันละ 3,805 บาท ตามราคาข้าวในตลาดโลกที่สูงขึ้นและการแทรกแซงราคาของทางการ อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนราคาข้าวยังต่ำกว่าปีก่อนร้อยละ 0.6 นอกจากนี้ มันสำปะหลังสด ราคาสูงขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 29.8 เป็นกิโลกรัมละ 0.61 บาท เนื่องจากเป็นช่วงปลาย ฤดูกาลเก็บเกี่ยว ประกอบกับความต้องการรับซื้อของโรงงานแป้งมันเพิ่มขึ้น ด้านพืชท้องถิ่นราคา กระเทียม ปรับสูงขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อยจากการแซกแทรงราคาของทางการ และศุลกากรเข้มงวดจับกุมการลักลอบมากขึ้น โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.3 เป็นกิโลกรัมละ 15.15 บาท แต่ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 29.8 สำหรับ ลิ้นจี่ ผลผลิตลดลงจากปีก่อน เนื่องจากอากาศหนาวเย็นไม่ เพียงพอรวมทั้งได้รับความเสียหายจากฝนและลูกเห็บ ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพต่ำ ประกอบกับโรงงานแปรรูปลิ้นจี่กระป๋องลดปริมาณการรับซื้อ ส่งผลให้ราคาลิ้นจี่ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 28.9 เหลือกิโลกรัมละ 16.36 บาท
ภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพฤษภาคมไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน อุตสาหกรรมผลิตเพื่อการส่งออกชะลอตัว โดยมูลค่าการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จังหวัดลำพูน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.6 เป็น 82.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 42.9 ปีก่อน เนื่องจากความต้องการจากตลาดต่างประเทศลดลง ทางด้านการผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศชะลอตัว ตามความต้องการในประเทศที่ลดลง โดยการผลิตปูนซีเมนต์ลดลงต่อเนื่อง ขณะที่การผลิตสังกะสีลดลงร้อยละ 3.2 เหลือ 8,806 เมตริกตัน ต่างจากระยะเดียวกันปีก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5
ภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาภาคเหนือในเดือนพฤษภาคม ชะลอตัวลงโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวสำคัญประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว รวมทั้งปัญหาความไม่สงบด้านชายแดนไทย-พม่า ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยลดลงจากปีก่อน รวมทั้งการที่ส่วนราชการจัดประชุมสัมมนาลดลง ทางด้านจำนวนผู้โดยสารผ่าน ท่าอากาศยานในภาคเหนือลดลงร้อยละ 2.9 เป็น 233,186 คน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ทางด้านปริมาณการใช้ไฟฟ้าในภาคบริการเดือนเมษายน 2544 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 ป็น 19.5 ล้านกิโลวัตต์- ชั่วโมง เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 ระยะเดียวกันปีก่อน
การใช้จ่ายภาคเอกชน แสดงทิศทางที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยเครื่องชี้ที่สำคัญคือ การจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ใหม่เดือนเมษายน 2544 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 เป็น 8,677 คัน ชะลอลงเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.6 ระยะเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ลดลงร้อยละ 22.6 เหลือ 1,551 คัน ลดลงมากในส่วนของการจดทะเบียนรถบรรทุกส่วนบุคคล อย่างไรก็ดี การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งเป็นเครื่องชี้การใช้จ่ายที่สำคัญ ปรากฏว่าในเดือนพฤษภาคม 2544 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 เป็น 257.4 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเพราะเร่งรัดการจัดเก็บและขยายฐานภาษี ทั้งนี้เป็นการจัดเก็บเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน
การลงทุน/ก่อสร้าง ยังคงซบเซาต่อเนื่องจากเดือนก่อน ด้านการลงทุนจริง เงินลงทุนในโรงงานอุตสาหกรรมตั้งใหม่ในเดือนเมษายน 2544 ลดลงร้อยละ 18.6 เหลือ 119.5 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 24.0 ปีก่อน ด้านความสนใจลงทุนยังอยู่ในเกณฑ์ดี พื้นที่ได้รับอนุญาตให้ ก่อสร้างในเขตเทศบาลเดือนเมษายน 2544 เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.9 เป็น 37,142 ตารางเมตร เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 11.8 ปีก่อน ทั้งนี้เป็นการเพิ่มขึ้นมากในส่วนของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชยกรรมในจังหวัดนครสวรรค์และเพชรบูรณ์ ด้านเงินลงทุนของโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเดือนพฤษภาคม 2544 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.9 เป็น 1,595 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการส่งออกในเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จังหวัดลำพูน
ฐานะการคลัง ในเดือนพฤษภาคม 2544 มีเงินในงบประมาณขาดดุล 8,032.2 ล้านบาท เทียบกับที่ขาดดุล 6,940.3 ล้านบาทเดือนก่อน ด้านรายจ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.7 เป็น 8,977.4 ล้านบาท เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณ โดยรายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.6 เป็น 3,281.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากในรายจ่ายหมวดเงินอุดหนุนร้อยละ 39.0 เป็น 1,478.4 ล้านบาท จากการเร่งจ่ายโอนให้กับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขณะที่รายจ่ายประจำลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.4 เหลือ 5,696.0 ล้านบาท โดยลดลงในรายจ่ายหมวดงบกลางและค่าสาธารณูปโภคร้อยละ 20.2 และ 10.6 เหลือ 730.4 และ 113.8 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.5 เป็น 945.2 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 ระยะเดียวกันปีก่อน จากการเร่งรัดจัดเก็บภาษี โดยการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 เป็น 288.2 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นมากในส่วนที่จัดเก็บจากเงินได้ร้อยละ 19.1 เป็น 216.2 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนที่จัดเก็บจากดอกเบี้ยเงินฝากลดลงร้อยละ 18.1 เหลือ 72.0 ล้านบาท ตามภาวะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ) ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.2 และร้อยละ 18.4 เป็น 383.3 ล้านบาท และ 257.5 ล้านบาท ตามลำดับ
การค้าต่างประเทศ ในเดือนพฤษภาคม การส่งออก มีมูลค่า 105.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.3 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 4,788.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นปีก่อนร้อยละ 14.2) โดยการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ มีมูลค่า 82.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.6 ชะลอลงเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.9 ปีก่อน ตามความต้องการของต่างประเทศที่ชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก ขณะที่การส่งออกผ่านชายแดนมีมูลค่า 11.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 37.2 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 509.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 26.5) โดยการส่งออกไปพม่าลดลงจากปีก่อนร้อยละ 63.3 เหลือ 5.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. (ในรูปเงินบาทลดลงร้อยละ 57.1 เหลือ 261.3 ล้านบาท) จากปัญหาประเทศพม่ายังคงเข้มงวดการนำเข้าและการปิดด่านท่าขี้เหล็ก (ฝั่งพม่า) ตรงข้ามด่านแม่สาย จังหวัดเชียงราย การส่งออกไปลาวมีมูลค่า 1.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนกว่าเท่าตัว ส่วนการ ส่งออกไปจีน (ตอนใต้) มีมูลค่า 3.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนเกือบสอง เท่าตัว
ด้าน การนำเข้า มีมูลค่า 79.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.9 (ในรูปเงินบาท 3,583.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7.5) ส่วนใหญ่เป็นการลดการนำเข้าวัตถุดิบตามภาวะการส่งออกที่ลดลง โดยการนำเข้าของนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือมีมูลค่า 69.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.5 ขณะที่การนำเข้าผ่านชายแดนมีมูลค่า 9.0 เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนกว่าเท่าตัว (ในรูปเงินบาท 407.2 ล้านบาท) เป็นการนำเข้าจากพม่ามูลค่า 7.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนเกือบสองเท่าตัว (ในรูปเงินบาท 327.8 ล้านบาท) เนื่องจากการนำเข้าแร่สังกะสีของบริษัทผาแดงอินดัสตรี จำกัด ผ่านด่านศุลกากรแม่สอดมูลค่า 5.0 ล้านดอลลาร์ สรอ (ในรูปเงินบาท 229.0 ล้านบาท) หากหักรายการนี้ออกมูลค่าการนำเข้าผ่านชายแดนจะไม่แตกต่างจากปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าโคมีชีวิต อาหารทะเล และเฟอร์นิเจอร์ การนำเข้าจากลาวมีมูลค่า 1.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 (ในรูปเงินบาท 327.8 ล้านบาท) สำหรับการนำเข้าจากจีน (ตอนใต้) มีมูลค่า 0.6 เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนเกือบกว่าสอง 2 เท่าตัว (ในรูปเงินบาท 25.4 ล้านบาท) ส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เคยนำเข้าผ่านด่านแม่สาย สำหรับดุลการค้าในเดือนนี้เกินดุล 26.6 ล้านดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้นจาก ปีก่อนที่เกินดุล 8.2 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ระดับราคา ในเดือนพฤษภาคม ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.5 โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 2.0 และหมวดไม่รวมอาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 4.3 โดยราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น เป็นผลจากราคาสินค้ากลุ่มผักและผลไม้สูงขึ้นร้อยละ 8.4 เนื่องจากพืชผักโตช้าและได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศร้อน รองลงมาคือกลุ่มข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งราคาสูงขึ้นร้อยละ 5.8 ขณะที่ราคาสินค้ากลุ่มอาหารที่ซื้อจากตลาดลดลงร้อยละ 3.6 และกลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ราคาลดลงร้อยละ 1.9 จากการที่ผู้ประกอบการส่งเสริมการขาย
ส่วนราคาสินค้าหมวดไม่รวมอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.3 โดยในหมวดยานพาหนะ การขนส่งและสื่อสารสูงขึ้นมากถึงร้อยละ 8.7 ตามราคาน้ำมันในประเทศที่สูงขึ้น รองลงมาได้แก่หมวดยาสูบและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 จากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต และหมวดเคหสถานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 จากการปรับค่ากระแสไฟฟ้าสูงขึ้น ส่วนราคาสินค้าในหมวดอื่นๆ เปลี่ยนแปลงไม่มากนัก
การเงิน ในเดือนพฤษภาคม เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดคงค้างรวม 275,235.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดกำแพงเพชร สุโขทัย ตาก และแม่ฮ่องสอน ส่วน สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ มียอดคงค้าง 170,368.6 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.6 ลดลงมากที่จังหวัดลำพูน อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ และแม่ฮ่องสอน
ด้านปริมาณการใช้เช็คในเดือนพฤษภาคม 2544 มีปริมาณ 379,191 ฉบับ ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.6 ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 เป็น 24,492.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน สุโขทัย แพร่ และเชียงใหม่-ลำพูน ทางด้านปริมาณเช็คคืนมีจำนวน 7,712 ฉบับ มูลค่า 392.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.2 และร้อยละ 16.4 ตามลำดับ ปริมาณและมูลค่าเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บมีสัดส่วนร้อยละ 2.0 และร้อยละ 1.6 เทียบกับร้อยละ 1.9 และร้อยละ 1.7 เมื่อเดือนก่อน และร้อยละ 2.0 และร้อยละ 1.9 ของระยะเดียวกันปีก่อน
--ส่วนวิชาการ ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคเหนือ--
-ยก-
ภาคการเกษตร ในเดือนพฤษภาคม 2544 เป็นช่วงเริ่มต้นการเพาะปลูกพืชสำคัญได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวโพด สำหรับราคาสินค้าเกษตรโดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยพืชสำคัญ เช่น ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง 14-15% ราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 4.3 เป็นเมตริกตันละ 3,805 บาท ตามราคาข้าวในตลาดโลกที่สูงขึ้นและการแทรกแซงราคาของทางการ อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนราคาข้าวยังต่ำกว่าปีก่อนร้อยละ 0.6 นอกจากนี้ มันสำปะหลังสด ราคาสูงขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 29.8 เป็นกิโลกรัมละ 0.61 บาท เนื่องจากเป็นช่วงปลาย ฤดูกาลเก็บเกี่ยว ประกอบกับความต้องการรับซื้อของโรงงานแป้งมันเพิ่มขึ้น ด้านพืชท้องถิ่นราคา กระเทียม ปรับสูงขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อยจากการแซกแทรงราคาของทางการ และศุลกากรเข้มงวดจับกุมการลักลอบมากขึ้น โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.3 เป็นกิโลกรัมละ 15.15 บาท แต่ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 29.8 สำหรับ ลิ้นจี่ ผลผลิตลดลงจากปีก่อน เนื่องจากอากาศหนาวเย็นไม่ เพียงพอรวมทั้งได้รับความเสียหายจากฝนและลูกเห็บ ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพต่ำ ประกอบกับโรงงานแปรรูปลิ้นจี่กระป๋องลดปริมาณการรับซื้อ ส่งผลให้ราคาลิ้นจี่ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 28.9 เหลือกิโลกรัมละ 16.36 บาท
ภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพฤษภาคมไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน อุตสาหกรรมผลิตเพื่อการส่งออกชะลอตัว โดยมูลค่าการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จังหวัดลำพูน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.6 เป็น 82.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 42.9 ปีก่อน เนื่องจากความต้องการจากตลาดต่างประเทศลดลง ทางด้านการผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศชะลอตัว ตามความต้องการในประเทศที่ลดลง โดยการผลิตปูนซีเมนต์ลดลงต่อเนื่อง ขณะที่การผลิตสังกะสีลดลงร้อยละ 3.2 เหลือ 8,806 เมตริกตัน ต่างจากระยะเดียวกันปีก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5
ภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาภาคเหนือในเดือนพฤษภาคม ชะลอตัวลงโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวสำคัญประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว รวมทั้งปัญหาความไม่สงบด้านชายแดนไทย-พม่า ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยลดลงจากปีก่อน รวมทั้งการที่ส่วนราชการจัดประชุมสัมมนาลดลง ทางด้านจำนวนผู้โดยสารผ่าน ท่าอากาศยานในภาคเหนือลดลงร้อยละ 2.9 เป็น 233,186 คน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ทางด้านปริมาณการใช้ไฟฟ้าในภาคบริการเดือนเมษายน 2544 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 ป็น 19.5 ล้านกิโลวัตต์- ชั่วโมง เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 ระยะเดียวกันปีก่อน
การใช้จ่ายภาคเอกชน แสดงทิศทางที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยเครื่องชี้ที่สำคัญคือ การจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ใหม่เดือนเมษายน 2544 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 เป็น 8,677 คัน ชะลอลงเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.6 ระยะเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ลดลงร้อยละ 22.6 เหลือ 1,551 คัน ลดลงมากในส่วนของการจดทะเบียนรถบรรทุกส่วนบุคคล อย่างไรก็ดี การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งเป็นเครื่องชี้การใช้จ่ายที่สำคัญ ปรากฏว่าในเดือนพฤษภาคม 2544 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 เป็น 257.4 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเพราะเร่งรัดการจัดเก็บและขยายฐานภาษี ทั้งนี้เป็นการจัดเก็บเพิ่มขึ้นมากในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน
การลงทุน/ก่อสร้าง ยังคงซบเซาต่อเนื่องจากเดือนก่อน ด้านการลงทุนจริง เงินลงทุนในโรงงานอุตสาหกรรมตั้งใหม่ในเดือนเมษายน 2544 ลดลงร้อยละ 18.6 เหลือ 119.5 ล้านบาท เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 24.0 ปีก่อน ด้านความสนใจลงทุนยังอยู่ในเกณฑ์ดี พื้นที่ได้รับอนุญาตให้ ก่อสร้างในเขตเทศบาลเดือนเมษายน 2544 เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.9 เป็น 37,142 ตารางเมตร เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 11.8 ปีก่อน ทั้งนี้เป็นการเพิ่มขึ้นมากในส่วนของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชยกรรมในจังหวัดนครสวรรค์และเพชรบูรณ์ ด้านเงินลงทุนของโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเดือนพฤษภาคม 2544 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.9 เป็น 1,595 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการส่งออกในเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จังหวัดลำพูน
ฐานะการคลัง ในเดือนพฤษภาคม 2544 มีเงินในงบประมาณขาดดุล 8,032.2 ล้านบาท เทียบกับที่ขาดดุล 6,940.3 ล้านบาทเดือนก่อน ด้านรายจ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.7 เป็น 8,977.4 ล้านบาท เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณ โดยรายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.6 เป็น 3,281.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากในรายจ่ายหมวดเงินอุดหนุนร้อยละ 39.0 เป็น 1,478.4 ล้านบาท จากการเร่งจ่ายโอนให้กับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขณะที่รายจ่ายประจำลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.4 เหลือ 5,696.0 ล้านบาท โดยลดลงในรายจ่ายหมวดงบกลางและค่าสาธารณูปโภคร้อยละ 20.2 และ 10.6 เหลือ 730.4 และ 113.8 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.5 เป็น 945.2 ล้านบาท เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 ระยะเดียวกันปีก่อน จากการเร่งรัดจัดเก็บภาษี โดยการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 เป็น 288.2 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นมากในส่วนที่จัดเก็บจากเงินได้ร้อยละ 19.1 เป็น 216.2 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนที่จัดเก็บจากดอกเบี้ยเงินฝากลดลงร้อยละ 18.1 เหลือ 72.0 ล้านบาท ตามภาวะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ) ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.2 และร้อยละ 18.4 เป็น 383.3 ล้านบาท และ 257.5 ล้านบาท ตามลำดับ
การค้าต่างประเทศ ในเดือนพฤษภาคม การส่งออก มีมูลค่า 105.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.3 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 4,788.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นปีก่อนร้อยละ 14.2) โดยการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ มีมูลค่า 82.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.6 ชะลอลงเมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.9 ปีก่อน ตามความต้องการของต่างประเทศที่ชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก ขณะที่การส่งออกผ่านชายแดนมีมูลค่า 11.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 37.2 (ในรูปเงินบาทมีมูลค่า 509.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 26.5) โดยการส่งออกไปพม่าลดลงจากปีก่อนร้อยละ 63.3 เหลือ 5.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. (ในรูปเงินบาทลดลงร้อยละ 57.1 เหลือ 261.3 ล้านบาท) จากปัญหาประเทศพม่ายังคงเข้มงวดการนำเข้าและการปิดด่านท่าขี้เหล็ก (ฝั่งพม่า) ตรงข้ามด่านแม่สาย จังหวัดเชียงราย การส่งออกไปลาวมีมูลค่า 1.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนกว่าเท่าตัว ส่วนการ ส่งออกไปจีน (ตอนใต้) มีมูลค่า 3.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนเกือบสอง เท่าตัว
ด้าน การนำเข้า มีมูลค่า 79.1 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.9 (ในรูปเงินบาท 3,583.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7.5) ส่วนใหญ่เป็นการลดการนำเข้าวัตถุดิบตามภาวะการส่งออกที่ลดลง โดยการนำเข้าของนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือมีมูลค่า 69.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.5 ขณะที่การนำเข้าผ่านชายแดนมีมูลค่า 9.0 เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนกว่าเท่าตัว (ในรูปเงินบาท 407.2 ล้านบาท) เป็นการนำเข้าจากพม่ามูลค่า 7.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนเกือบสองเท่าตัว (ในรูปเงินบาท 327.8 ล้านบาท) เนื่องจากการนำเข้าแร่สังกะสีของบริษัทผาแดงอินดัสตรี จำกัด ผ่านด่านศุลกากรแม่สอดมูลค่า 5.0 ล้านดอลลาร์ สรอ (ในรูปเงินบาท 229.0 ล้านบาท) หากหักรายการนี้ออกมูลค่าการนำเข้าผ่านชายแดนจะไม่แตกต่างจากปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าโคมีชีวิต อาหารทะเล และเฟอร์นิเจอร์ การนำเข้าจากลาวมีมูลค่า 1.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 (ในรูปเงินบาท 327.8 ล้านบาท) สำหรับการนำเข้าจากจีน (ตอนใต้) มีมูลค่า 0.6 เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนเกือบกว่าสอง 2 เท่าตัว (ในรูปเงินบาท 25.4 ล้านบาท) ส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เคยนำเข้าผ่านด่านแม่สาย สำหรับดุลการค้าในเดือนนี้เกินดุล 26.6 ล้านดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้นจาก ปีก่อนที่เกินดุล 8.2 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ระดับราคา ในเดือนพฤษภาคม ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.5 โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 2.0 และหมวดไม่รวมอาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 4.3 โดยราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น เป็นผลจากราคาสินค้ากลุ่มผักและผลไม้สูงขึ้นร้อยละ 8.4 เนื่องจากพืชผักโตช้าและได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศร้อน รองลงมาคือกลุ่มข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งราคาสูงขึ้นร้อยละ 5.8 ขณะที่ราคาสินค้ากลุ่มอาหารที่ซื้อจากตลาดลดลงร้อยละ 3.6 และกลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ราคาลดลงร้อยละ 1.9 จากการที่ผู้ประกอบการส่งเสริมการขาย
ส่วนราคาสินค้าหมวดไม่รวมอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.3 โดยในหมวดยานพาหนะ การขนส่งและสื่อสารสูงขึ้นมากถึงร้อยละ 8.7 ตามราคาน้ำมันในประเทศที่สูงขึ้น รองลงมาได้แก่หมวดยาสูบและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 จากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต และหมวดเคหสถานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 จากการปรับค่ากระแสไฟฟ้าสูงขึ้น ส่วนราคาสินค้าในหมวดอื่นๆ เปลี่ยนแปลงไม่มากนัก
การเงิน ในเดือนพฤษภาคม เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดคงค้างรวม 275,235.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดกำแพงเพชร สุโขทัย ตาก และแม่ฮ่องสอน ส่วน สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ มียอดคงค้าง 170,368.6 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.6 ลดลงมากที่จังหวัดลำพูน อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ และแม่ฮ่องสอน
ด้านปริมาณการใช้เช็คในเดือนพฤษภาคม 2544 มีปริมาณ 379,191 ฉบับ ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.6 ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 เป็น 24,492.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน สุโขทัย แพร่ และเชียงใหม่-ลำพูน ทางด้านปริมาณเช็คคืนมีจำนวน 7,712 ฉบับ มูลค่า 392.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.2 และร้อยละ 16.4 ตามลำดับ ปริมาณและมูลค่าเช็คคืนต่อเช็คเรียกเก็บมีสัดส่วนร้อยละ 2.0 และร้อยละ 1.6 เทียบกับร้อยละ 1.9 และร้อยละ 1.7 เมื่อเดือนก่อน และร้อยละ 2.0 และร้อยละ 1.9 ของระยะเดียวกันปีก่อน
--ส่วนวิชาการ ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคเหนือ--
-ยก-