อาบูดาบี (Abu Dhabi) เป็นเมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates: UAE) ที่มีคนรู้จักค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับดูไบ (Dubai) ซึ่งเป็นรัฐหนึ่งของ UAE ที่มีชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางการส่งออกต่อ (re-exports) ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
อย่างไรก็ตาม อาบูดาบีก็มีความสำคัญต่อ UAE ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าดูไบเนื่องจากมั่งคั่งไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้ UAE มีแผนการพัฒนาอาบูดาบีให้เป็นศูนย์กลางการส่งออกต่อที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความสำคัญให้กับอาบูดาบีมากยิ่งขึ้น โดยมีสาระที่น่าสนใจ ดังนี้
- แหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ อาบูดาบีมีรายได้จากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสูงถึง 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 12% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product) ของ UAE โดยอาบูดาบีมีแหล่งน้ำมันดิบสำรองสูงถึง 92 พันล้านบาร์เรล หรือประมาณ 10% ของปริมาณน้ำมันดิบสำรองของโลก นอกจากนี้ ยังมีแหล่งก๊าซธรรมชาติสำรองที่มีขนาดใหญ่ถึง 53 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หรือประมาณ 5% ของปริมาณก๊าซธรรมชาติ สำรองของโลกอีกด้วย ทั้งนี้คาดว่าปริมาณน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสำรองที่อาบูดาบีมีอยู่จะสามารถใช้ไปได้อีกนานกว่า 100 ปี
- การพัฒนาให้อาบูดาบีกลายเป็นศูนย์กลางการส่งออกต่อ (re-exports) ที่สำคัญของโลก รัฐบาล UAE ได้จัดตั้งเขตการค้าเสรี (Free Trade Zone) บนเกาะซาอาดิยัต (Saadiyat Island) ซึ่งอยู่ห่างจากอาบูดาบีเพียง 5 กิโลเมตร และมีสะพานแขวนเชื่อมเกาะซาอาดิยัตกับท่าเรือ Mina Zayed และสนามบินนานาชาติของอาบูดาบี เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าจากต่างประเทศรวมทั้งการส่งออกต่อไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
- การเร่งพัฒนาสนามบินนานาชาติอาบูดาบีให้ได้มาตรฐานสากล กรมการบินพาณิชย์ของอาบูดาบีกำลังเร่งปรับปรุงและขยายสนามบินอาบูดาบี ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จไปกว่า 50% และคาดว่าการก่อสร้างจะเสร็จสมบูรณ์ ในอีก 4 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งจะทำให้สนามบินอาบูดาบีกลายเป็นสนามบินนานาชาติที่มีขนาดใหญ่และสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึงปีละ 7.3 ล้านคน โดยกรมการบินพาณิชย์ของอาบูดาบีมีแผนจะจัดซื้ออุปกรณ์เรดาห์ระบบดิจิตอล เพื่อช่วยให้ระบบขนส่งในสนามบินอาบูดาบีมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย--จบ--
----ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย--
-อน-
อย่างไรก็ตาม อาบูดาบีก็มีความสำคัญต่อ UAE ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าดูไบเนื่องจากมั่งคั่งไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้ UAE มีแผนการพัฒนาอาบูดาบีให้เป็นศูนย์กลางการส่งออกต่อที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความสำคัญให้กับอาบูดาบีมากยิ่งขึ้น โดยมีสาระที่น่าสนใจ ดังนี้
- แหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ อาบูดาบีมีรายได้จากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสูงถึง 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 12% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product) ของ UAE โดยอาบูดาบีมีแหล่งน้ำมันดิบสำรองสูงถึง 92 พันล้านบาร์เรล หรือประมาณ 10% ของปริมาณน้ำมันดิบสำรองของโลก นอกจากนี้ ยังมีแหล่งก๊าซธรรมชาติสำรองที่มีขนาดใหญ่ถึง 53 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หรือประมาณ 5% ของปริมาณก๊าซธรรมชาติ สำรองของโลกอีกด้วย ทั้งนี้คาดว่าปริมาณน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสำรองที่อาบูดาบีมีอยู่จะสามารถใช้ไปได้อีกนานกว่า 100 ปี
- การพัฒนาให้อาบูดาบีกลายเป็นศูนย์กลางการส่งออกต่อ (re-exports) ที่สำคัญของโลก รัฐบาล UAE ได้จัดตั้งเขตการค้าเสรี (Free Trade Zone) บนเกาะซาอาดิยัต (Saadiyat Island) ซึ่งอยู่ห่างจากอาบูดาบีเพียง 5 กิโลเมตร และมีสะพานแขวนเชื่อมเกาะซาอาดิยัตกับท่าเรือ Mina Zayed และสนามบินนานาชาติของอาบูดาบี เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าจากต่างประเทศรวมทั้งการส่งออกต่อไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
- การเร่งพัฒนาสนามบินนานาชาติอาบูดาบีให้ได้มาตรฐานสากล กรมการบินพาณิชย์ของอาบูดาบีกำลังเร่งปรับปรุงและขยายสนามบินอาบูดาบี ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จไปกว่า 50% และคาดว่าการก่อสร้างจะเสร็จสมบูรณ์ ในอีก 4 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งจะทำให้สนามบินอาบูดาบีกลายเป็นสนามบินนานาชาติที่มีขนาดใหญ่และสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึงปีละ 7.3 ล้านคน โดยกรมการบินพาณิชย์ของอาบูดาบีมีแผนจะจัดซื้ออุปกรณ์เรดาห์ระบบดิจิตอล เพื่อช่วยให้ระบบขนส่งในสนามบินอาบูดาบีมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย--จบ--
----ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย--
-อน-