กรุงเทพฯ--29 มิ.ย.--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์
นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นำคณะผู้แทนไทยเดินทางไปเยือน สาธารณเช็ก ระหว่างวันที่ 13-16 มิถุนายน 2543 เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้า (JTC) ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเช็ก ครั้งที่ 2 และในโอกาสนี้ได้เข้าพบหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีช่วย ว่าการอุตสาหกรรมและการค้า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง การต่างประเทศด้วย ในการเยือนครั้งนี้ได้หารือถึงแนวทางความร่วมมือที่จะสนับสนุนและผลักดันให้การค้า ทั้ง 2 ฝ่ายขยายตัวเพิ่มขึ้น และพบว่าการค้าระหว่าง2ประเทศที่มีแนวโน้มลดลงในช่วงก่อนหน้านี้
สืบเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ประสบในเวลาใกล้เคียงกัน และขณะนี้เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว ระหว่างนี้ สาธารณรัฐเช็กได้ปรับกฎระเบียบต่างๆให้สอดคล้องกับสหภาพยุโรป (EU) และมีความพร้อมที่จะเข้าเป็น สมาชิก EU ในปี 2003 ภาคเอกชนไทยมีโอกาสที่จะใช้เช็กเป็นฐานในการขยายตลาดเข้าสู่ตลาด EU เพิ่มมากขึ้น สำหรับสินค้าที่ไทยมีโอกาสในตลาดเช็กได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อาหารทะเลกระป๋อง เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เครื่องวิดิโอและส่วนประกอบ และไก่แช่แข็ง เป็นต้น ปัญหาหลักที่ไทย ประสบในการค้ากับสาธารณรัฐเช็กในช่วงที่ผ่านมา คือการที่สาธารณรัฐเช็ก ห้ามนำเข้าไก่แช่แข็งของไทย เนื่องจากตรวจพบสารหนูเกินอัตราที่กำหนด และหลังจากการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสองฝ่าย สาธารณรัฐเช็กได้ยกเลิกกฎระเบียบการห้ามนำเข้าดังกล่าว แต่ยังคงมีมาตรการตรวจสอบ ที่เข้มงวดในการประชุม JTC ครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งการดำเนินการตรวจตราดูแล ซึ่งสร้างความมั่นใจ และการยอมรับจากฝ่ายเช็ก ในการนี้ได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือ ด้านปศุสัตว์ และสุขอนามัยสัตว์ ระหว่างกรมปศุสัตว์ของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะช่วยให้ปัญหาผ่อนคลายลง และเกิดความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ในเรื่องการจัดทำเขตการค้าเสรีซึ่งเคยมีดำริที่จะจัดให้มีขึ้น ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเช็กนั้น ได้มีการตกลงกันให้จัดตั้งคณะทำงานระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส เพื่อศึกษา และเสนอแนะขั้นตอนและการจัดทำข้อตกลงจัดตั้งเขตการค้าเสรีอย่างเป็นรูปธรรมระหว่าง 2 ประเทศ ในอนาคต นอกจากนี้ยังได้มีการหารือกันในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวการลงทุน โดยไทยได้ชักชวนให้ เช็กมาลงทุนในสาขาที่เช็กมีศักยภาพในการผลิต เช่น เครื่องแก้วเจียรนัย และเครื่องจักร รวมทั้งเสนอแนะ ให้ฝ่ายเช็กเข้ามาตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย เพื่อเป็นฐานการผลิต เพื่อส่งออกไปยังประเทศ ในภูมิภาคเอเชียด้วย ซึ่งเช็กจะสามารถใช้เขตการค้าเสรีอาเซียนเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนดังกล่าวด้วย--จบ--
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 282-6623--จบ--
-อน-
นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นำคณะผู้แทนไทยเดินทางไปเยือน สาธารณเช็ก ระหว่างวันที่ 13-16 มิถุนายน 2543 เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้า (JTC) ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเช็ก ครั้งที่ 2 และในโอกาสนี้ได้เข้าพบหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีช่วย ว่าการอุตสาหกรรมและการค้า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง การต่างประเทศด้วย ในการเยือนครั้งนี้ได้หารือถึงแนวทางความร่วมมือที่จะสนับสนุนและผลักดันให้การค้า ทั้ง 2 ฝ่ายขยายตัวเพิ่มขึ้น และพบว่าการค้าระหว่าง2ประเทศที่มีแนวโน้มลดลงในช่วงก่อนหน้านี้
สืบเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ประสบในเวลาใกล้เคียงกัน และขณะนี้เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว ระหว่างนี้ สาธารณรัฐเช็กได้ปรับกฎระเบียบต่างๆให้สอดคล้องกับสหภาพยุโรป (EU) และมีความพร้อมที่จะเข้าเป็น สมาชิก EU ในปี 2003 ภาคเอกชนไทยมีโอกาสที่จะใช้เช็กเป็นฐานในการขยายตลาดเข้าสู่ตลาด EU เพิ่มมากขึ้น สำหรับสินค้าที่ไทยมีโอกาสในตลาดเช็กได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อาหารทะเลกระป๋อง เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เครื่องวิดิโอและส่วนประกอบ และไก่แช่แข็ง เป็นต้น ปัญหาหลักที่ไทย ประสบในการค้ากับสาธารณรัฐเช็กในช่วงที่ผ่านมา คือการที่สาธารณรัฐเช็ก ห้ามนำเข้าไก่แช่แข็งของไทย เนื่องจากตรวจพบสารหนูเกินอัตราที่กำหนด และหลังจากการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสองฝ่าย สาธารณรัฐเช็กได้ยกเลิกกฎระเบียบการห้ามนำเข้าดังกล่าว แต่ยังคงมีมาตรการตรวจสอบ ที่เข้มงวดในการประชุม JTC ครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งการดำเนินการตรวจตราดูแล ซึ่งสร้างความมั่นใจ และการยอมรับจากฝ่ายเช็ก ในการนี้ได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือ ด้านปศุสัตว์ และสุขอนามัยสัตว์ ระหว่างกรมปศุสัตว์ของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะช่วยให้ปัญหาผ่อนคลายลง และเกิดความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ในเรื่องการจัดทำเขตการค้าเสรีซึ่งเคยมีดำริที่จะจัดให้มีขึ้น ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเช็กนั้น ได้มีการตกลงกันให้จัดตั้งคณะทำงานระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส เพื่อศึกษา และเสนอแนะขั้นตอนและการจัดทำข้อตกลงจัดตั้งเขตการค้าเสรีอย่างเป็นรูปธรรมระหว่าง 2 ประเทศ ในอนาคต นอกจากนี้ยังได้มีการหารือกันในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวการลงทุน โดยไทยได้ชักชวนให้ เช็กมาลงทุนในสาขาที่เช็กมีศักยภาพในการผลิต เช่น เครื่องแก้วเจียรนัย และเครื่องจักร รวมทั้งเสนอแนะ ให้ฝ่ายเช็กเข้ามาตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย เพื่อเป็นฐานการผลิต เพื่อส่งออกไปยังประเทศ ในภูมิภาคเอเชียด้วย ซึ่งเช็กจะสามารถใช้เขตการค้าเสรีอาเซียนเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนดังกล่าวด้วย--จบ--
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 282-6623--จบ--
-อน-