บันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๑ ปีที่ ๑
ครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญทั่วไป)
วันศุกร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔
ณ ตึกรัฐสภา
---------------------
เริ่มประชุมเวลา ๐๙.๓๕ นาฬิกา
เมื่อครบองค์ประชุมแล้ว นางศิริลักษณ์ ปั้นบำรุงกิจ เลขาธิการ
สภาผู้แทนราษฎร ได้ให้รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปเรียนเชิญ
ศาสตราจารย์มารุต บุนนาค ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้มีอายุสูงสุด
ในที่ประชุมทำหน้าที่ประธานชั่วคราว ตามข้อบังคับฯ ข้อ ๑๘
เมื่อประธานชั่วคราวกล่าวเปิดประชุมแล้ว ได้ให้เลขาธิการสภา
ผู้แทนราษฎรอ่านพระบรมราชโองการประกาศ แต่งตั้ง
๑. นายอุทัย พิมพ์ใจชน เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร
๒. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
คนที่หนึ่ง
๓. นายบุญชง วีสมหมาย เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง
ที่ประชุมรับทราบ
จากนั้น ประธานชั่วคราวได้ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ไปเรียนเชิญประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง
และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ขึ้นบังลังก์ เพื่อดำเนินการประชุม
ต่อไป
เมื่อขึ้นบังลังก์แล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวต่อที่ประชุมความว่า
"ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้มีเกียรติ กระผมและท่านรองประธานสภาทั้งสอง
รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้เป็นประธาน
และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรตามที่สภามีมติ กระผมทั้งสามขอขอบคุณท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ
ทุก ๆ ท่าน ที่ได้มอบความไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่อันทรงเกียรตินี้
กระผมและท่านรองประธานทั้งสอง ขอนำกระแสพระราชดำรัส
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานไว้ในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา
เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม เพื่อเป็นหลัก
ในการปฏิบัติหน้าที่ให้สถาบันรัฐสภาแห่งนี้เป็นที่ย่อมรับของสถาบันต่าง ๆ และ
ประชาชนต่อไป แต่การที่ภาระหน้าที่จะบรรลุตามวัตถุประสงค์นี้ กระผม
พร้อมท่านรองทั้งสองคงไม่สามารถกระทำได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือ
จากท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ เพราะในการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภาเพื่อให้เกิด
ประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติบ้านเมืองนั้น ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ต่างมีบทบาทอันสำคัญยิ่งด้วยกันทุก ๆ ท่าน กระผมทั้งสามจึงหวังเป็นอย่างยิ่ง
ว่าจะได้รับความกรุณาจากท่านสมาชิกผู้มีเกียรติที่เคารพทุก ๆ ท่านและ
ขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย"
จากนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวนำสมาชิกสภา
ผู้แทนราษฎรที่ยังไม่ได้ปฏิญาณตนต่อที่ประชุมก่อนเข้ารับหน้าที่
ตามมาตรา ๑๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยถ้อยคำว่า
"ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่
ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย ทั้งจะรักษาไว้
และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ"
ก่อนที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา
เรื่องตามระเบียบวาระการประชุม ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งให้ที่ประชุม
ทราบว่า ได้มีการให้ถ่ายทอดการประชุมทางวิทยุกระจายเสียง โดยวิทยุรัฐสภา
และวิทยุกระจายเสียงของกรมประชาสัมพันธ์
ที่ประชุมรับทราบ
ต่อจากนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา
ระเบียบวาระที่ ๖ เรื่องที่เสนอใหม่ คือ เลือกนายกรัฐมนตรี โดยสมาชิกฯ
ได้ปรึกษาที่ประชุมว่าในวาระการเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีการอภิปรายประกอบ
การพิจารณาได้หรือไม่ หลังจากสมาชิกฯ อภิปรายแสดงความคิดเห็น
จนได้เวลาพอสมควรแล้ว ที่ประชุมได้ลงมติไม่ให้มีการอภิปรายประกอบการ
พิจารณา เลือกนายกรัฐมนตรี
หลังจากนั้น สมาชิกฯ ได้เสนอ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
เป็นบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรี และที่ประชุมได้ออกเสียงลงคะแนน
โดยเปิดเผยให้ความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง ๓๔๐ เสียง ไม่เห็นชอบ
ด้วยคะแนนเสียง ๑๒๗ เสียง งดออกเสียง ๓๐ เสียง ซึ่งคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบ
มีมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสมาชิกสภา
ผู้แทนราษฎร (สมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่จำนวน ๕๐๐ คน) จึงถือว่า
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร
ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา ๒๐๒ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย
เลิกประชุมเวลา ๑๒.๐๕ นาฬิกา
(นางศิริลักษณ์ ปั้นบำรุงกิจ)
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ฝ่ายรายงานการประชุม
กองการประชุม
โทร. ๒๔๔๑๑๑๕-๖
โทรสาร ๒๔๔๑๑๑๕-๖
ครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญทั่วไป)
วันศุกร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔
ณ ตึกรัฐสภา
---------------------
เริ่มประชุมเวลา ๐๙.๓๕ นาฬิกา
เมื่อครบองค์ประชุมแล้ว นางศิริลักษณ์ ปั้นบำรุงกิจ เลขาธิการ
สภาผู้แทนราษฎร ได้ให้รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปเรียนเชิญ
ศาสตราจารย์มารุต บุนนาค ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้มีอายุสูงสุด
ในที่ประชุมทำหน้าที่ประธานชั่วคราว ตามข้อบังคับฯ ข้อ ๑๘
เมื่อประธานชั่วคราวกล่าวเปิดประชุมแล้ว ได้ให้เลขาธิการสภา
ผู้แทนราษฎรอ่านพระบรมราชโองการประกาศ แต่งตั้ง
๑. นายอุทัย พิมพ์ใจชน เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร
๒. นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
คนที่หนึ่ง
๓. นายบุญชง วีสมหมาย เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง
ที่ประชุมรับทราบ
จากนั้น ประธานชั่วคราวได้ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ไปเรียนเชิญประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง
และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ขึ้นบังลังก์ เพื่อดำเนินการประชุม
ต่อไป
เมื่อขึ้นบังลังก์แล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวต่อที่ประชุมความว่า
"ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้มีเกียรติ กระผมและท่านรองประธานสภาทั้งสอง
รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้เป็นประธาน
และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรตามที่สภามีมติ กระผมทั้งสามขอขอบคุณท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ
ทุก ๆ ท่าน ที่ได้มอบความไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่อันทรงเกียรตินี้
กระผมและท่านรองประธานทั้งสอง ขอนำกระแสพระราชดำรัส
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานไว้ในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา
เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม เพื่อเป็นหลัก
ในการปฏิบัติหน้าที่ให้สถาบันรัฐสภาแห่งนี้เป็นที่ย่อมรับของสถาบันต่าง ๆ และ
ประชาชนต่อไป แต่การที่ภาระหน้าที่จะบรรลุตามวัตถุประสงค์นี้ กระผม
พร้อมท่านรองทั้งสองคงไม่สามารถกระทำได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือ
จากท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ เพราะในการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภาเพื่อให้เกิด
ประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติบ้านเมืองนั้น ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ต่างมีบทบาทอันสำคัญยิ่งด้วยกันทุก ๆ ท่าน กระผมทั้งสามจึงหวังเป็นอย่างยิ่ง
ว่าจะได้รับความกรุณาจากท่านสมาชิกผู้มีเกียรติที่เคารพทุก ๆ ท่านและ
ขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย"
จากนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวนำสมาชิกสภา
ผู้แทนราษฎรที่ยังไม่ได้ปฏิญาณตนต่อที่ประชุมก่อนเข้ารับหน้าที่
ตามมาตรา ๑๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยถ้อยคำว่า
"ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่
ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย ทั้งจะรักษาไว้
และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ"
ก่อนที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา
เรื่องตามระเบียบวาระการประชุม ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งให้ที่ประชุม
ทราบว่า ได้มีการให้ถ่ายทอดการประชุมทางวิทยุกระจายเสียง โดยวิทยุรัฐสภา
และวิทยุกระจายเสียงของกรมประชาสัมพันธ์
ที่ประชุมรับทราบ
ต่อจากนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา
ระเบียบวาระที่ ๖ เรื่องที่เสนอใหม่ คือ เลือกนายกรัฐมนตรี โดยสมาชิกฯ
ได้ปรึกษาที่ประชุมว่าในวาระการเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีการอภิปรายประกอบ
การพิจารณาได้หรือไม่ หลังจากสมาชิกฯ อภิปรายแสดงความคิดเห็น
จนได้เวลาพอสมควรแล้ว ที่ประชุมได้ลงมติไม่ให้มีการอภิปรายประกอบการ
พิจารณา เลือกนายกรัฐมนตรี
หลังจากนั้น สมาชิกฯ ได้เสนอ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
เป็นบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรี และที่ประชุมได้ออกเสียงลงคะแนน
โดยเปิดเผยให้ความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง ๓๔๐ เสียง ไม่เห็นชอบ
ด้วยคะแนนเสียง ๑๒๗ เสียง งดออกเสียง ๓๐ เสียง ซึ่งคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบ
มีมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสมาชิกสภา
ผู้แทนราษฎร (สมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่จำนวน ๕๐๐ คน) จึงถือว่า
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร
ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา ๒๐๒ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย
เลิกประชุมเวลา ๑๒.๐๕ นาฬิกา
(นางศิริลักษณ์ ปั้นบำรุงกิจ)
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ฝ่ายรายงานการประชุม
กองการประชุม
โทร. ๒๔๔๑๑๑๕-๖
โทรสาร ๒๔๔๑๑๑๕-๖