กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์
นายปาสกาล ลามี่ (Pascal Lamy) กรรมาธิการด้านการค้าของ EU (สหภาพยุโรป) ได้แถลงเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2542 ว่า EU อยู่ระหว่างเตรียมการเปิดตลาดสิ่งทอขั้นที่ 3 ภายใต้ WTO แต่จะเปิดให้สินค้า ออกที่สำคัญของประเทศกำลังพัฒนามากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่าประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายจะเปิด ตลาดสิ่งทอตอบแทนอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่ ซึ่งต้องมีการเจรจาสองฝ่ายต่อไปนายปาสกาล ลามี่ แจ้งว่า คณะกรรมาธิการฯ อาจขอมติจากคณะมนตรีในการเปิดการเจรจาระดับทวิภาคีกับประเทศคู่ค้าให้เปิดตลาด ของตนมากขึ้นเพื่อแลกกับการขยายปริมาณโควตานำเข้า EU หรือยกเลิกระบบโควตาให้เร็วกว่ากำหนด ปี 2548 ซึ่งไทยอาจเป็นประเทศหนึ่งที่ EU อาจขอเจรจาเปิดตลาดเนื่องจากเป็นประเทศหนึ่งที่ถูกระบุว่า มีอัตราภาษีนำเข้าสินค้าเสื้อผ้าอยู่ในระดับที่สูง โดยไทยได้เคยถูกตัดสิทธิ GSP สำหรับสินค้าเสื้อผ้า (Chapter 61 และ 63) เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2541 และจากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับผลการคำนวณการ ตัดสิทธิ GSP สินค้าสิ่งทอของไทยอาจถูกตัดสิทธิ GSP ด้วยเช่นกันที่ผ่านมา การค้าสิ่งทอเป็นข้อยกเว้น
จากกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศ ถึงแม้จะมีความตกลงหลายฉบับแต่ก็ไม่สอดคล้องกับหลักการสำคัญ ของแกตต์ คือการค้าเสรี ประเทศพัฒนาแล้วซึ่งเป็นตลาดสิ่งทอที่สำคัญจึงสามารถใช้โควตาและกีดกัน การนำเข้ามาโดยตลอด จนถึงการเจรจารอบอุรุกวัย ประเทศกำลังพัฒนาจึงประสบความสำเร็จสามารถนำ ความตกลงสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมาไว้ภายใต้ WTO ซึ่งกำหนดให้ประเทศผู้นำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ต้องเปิดตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็น 4 ขั้นตอนโดยใช้เวลา 10 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2538ในระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตลาดไปแล้ว 2 ขั้นตอน โดยประเทศพัฒนาแล้วรวมทั้ง EU ได้ขยายโควตานำเข้าสิ่งทอ เป็นจำนวนหลายรายการ แต่ส่วนใหญ่เป็นรายการที่ประเทศกำลังพัฒนาส่งออกไปน้อย ส่วนรายการที่ ส่งออกไปมาก EU ก็อ้างว่ามีความอ่อนไหวสูงกระทบต่อการผลิตภายในประเทศ
การเปิดตลาดขั้นตอนที่ 3 จะเริ่มขึ้นภายใน 1 มกราคม 2545 โดย EU ต้องแจ้งรายการสินค้าที่จะนำเข้ามาไว้ภายใต้ WTO ภายใน 31 ธันวาคม ปีนี้การเปิดตลาดของ EU เป็นไปตามพันธกรณีที่ได้จากการเจรจารอบอุรุกวัย ซึ่งการที่ EU ยอมรับพันธกรณีดังกล่าวก็ย่อมแสดงว่า EU พอใจกับผลตอบแทนที่ได้จากการเจรจาแลกเปลี่ยนในรอบ อุรุกวัย จึงไม่ควรที่ EU จะขอเจรจาเรียกร้องผลตอบแทนเพิ่มเติม เพราะการมองผลประโยชน์ไม่ควรมอง เฉพาะสินค้าในสาขาใดสาขาหนึ่ง แต่ควรมองผลประโยชน์ที่ EU ได้รับในภาพรวม การเปิดตลาดสิ่งทอและ เครื่องนุ่งห่มตามพันธกรณีภายใต้ WTO ของ EU ทำให้ผู้ผลิตสินค้าดังกล่าวภายในประเทศได้รับ ผลกระทบแต่ในขณะเดียวกัน EU ก็ได้รับประโยชน์ในการเปิดตลาดของสินค้าอื่นๆ ด้วยเช่นกันนอกจากนี้ การที่ EU เป็นผู้เสนอให้มีการเจรจารอบใหม่ ก็ควรจะแสดงความเป็นผู้นำ ซึ่งการพิจารณาเร่งเลิกระบบ โควตาให้เร็วกว่าปี 2548 ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อาจสามารถจูงใจให้ประเทศกำลังพัฒนาเห็นผลประโยชน์และเข้า ร่วมในการเจรจาต่อไป
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 282-6623--จบ--
-อน-
นายปาสกาล ลามี่ (Pascal Lamy) กรรมาธิการด้านการค้าของ EU (สหภาพยุโรป) ได้แถลงเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2542 ว่า EU อยู่ระหว่างเตรียมการเปิดตลาดสิ่งทอขั้นที่ 3 ภายใต้ WTO แต่จะเปิดให้สินค้า ออกที่สำคัญของประเทศกำลังพัฒนามากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่าประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายจะเปิด ตลาดสิ่งทอตอบแทนอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่ ซึ่งต้องมีการเจรจาสองฝ่ายต่อไปนายปาสกาล ลามี่ แจ้งว่า คณะกรรมาธิการฯ อาจขอมติจากคณะมนตรีในการเปิดการเจรจาระดับทวิภาคีกับประเทศคู่ค้าให้เปิดตลาด ของตนมากขึ้นเพื่อแลกกับการขยายปริมาณโควตานำเข้า EU หรือยกเลิกระบบโควตาให้เร็วกว่ากำหนด ปี 2548 ซึ่งไทยอาจเป็นประเทศหนึ่งที่ EU อาจขอเจรจาเปิดตลาดเนื่องจากเป็นประเทศหนึ่งที่ถูกระบุว่า มีอัตราภาษีนำเข้าสินค้าเสื้อผ้าอยู่ในระดับที่สูง โดยไทยได้เคยถูกตัดสิทธิ GSP สำหรับสินค้าเสื้อผ้า (Chapter 61 และ 63) เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2541 และจากข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับผลการคำนวณการ ตัดสิทธิ GSP สินค้าสิ่งทอของไทยอาจถูกตัดสิทธิ GSP ด้วยเช่นกันที่ผ่านมา การค้าสิ่งทอเป็นข้อยกเว้น
จากกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศ ถึงแม้จะมีความตกลงหลายฉบับแต่ก็ไม่สอดคล้องกับหลักการสำคัญ ของแกตต์ คือการค้าเสรี ประเทศพัฒนาแล้วซึ่งเป็นตลาดสิ่งทอที่สำคัญจึงสามารถใช้โควตาและกีดกัน การนำเข้ามาโดยตลอด จนถึงการเจรจารอบอุรุกวัย ประเทศกำลังพัฒนาจึงประสบความสำเร็จสามารถนำ ความตกลงสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมาไว้ภายใต้ WTO ซึ่งกำหนดให้ประเทศผู้นำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ต้องเปิดตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็น 4 ขั้นตอนโดยใช้เวลา 10 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2538ในระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตลาดไปแล้ว 2 ขั้นตอน โดยประเทศพัฒนาแล้วรวมทั้ง EU ได้ขยายโควตานำเข้าสิ่งทอ เป็นจำนวนหลายรายการ แต่ส่วนใหญ่เป็นรายการที่ประเทศกำลังพัฒนาส่งออกไปน้อย ส่วนรายการที่ ส่งออกไปมาก EU ก็อ้างว่ามีความอ่อนไหวสูงกระทบต่อการผลิตภายในประเทศ
การเปิดตลาดขั้นตอนที่ 3 จะเริ่มขึ้นภายใน 1 มกราคม 2545 โดย EU ต้องแจ้งรายการสินค้าที่จะนำเข้ามาไว้ภายใต้ WTO ภายใน 31 ธันวาคม ปีนี้การเปิดตลาดของ EU เป็นไปตามพันธกรณีที่ได้จากการเจรจารอบอุรุกวัย ซึ่งการที่ EU ยอมรับพันธกรณีดังกล่าวก็ย่อมแสดงว่า EU พอใจกับผลตอบแทนที่ได้จากการเจรจาแลกเปลี่ยนในรอบ อุรุกวัย จึงไม่ควรที่ EU จะขอเจรจาเรียกร้องผลตอบแทนเพิ่มเติม เพราะการมองผลประโยชน์ไม่ควรมอง เฉพาะสินค้าในสาขาใดสาขาหนึ่ง แต่ควรมองผลประโยชน์ที่ EU ได้รับในภาพรวม การเปิดตลาดสิ่งทอและ เครื่องนุ่งห่มตามพันธกรณีภายใต้ WTO ของ EU ทำให้ผู้ผลิตสินค้าดังกล่าวภายในประเทศได้รับ ผลกระทบแต่ในขณะเดียวกัน EU ก็ได้รับประโยชน์ในการเปิดตลาดของสินค้าอื่นๆ ด้วยเช่นกันนอกจากนี้ การที่ EU เป็นผู้เสนอให้มีการเจรจารอบใหม่ ก็ควรจะแสดงความเป็นผู้นำ ซึ่งการพิจารณาเร่งเลิกระบบ โควตาให้เร็วกว่าปี 2548 ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อาจสามารถจูงใจให้ประเทศกำลังพัฒนาเห็นผลประโยชน์และเข้า ร่วมในการเจรจาต่อไป
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 282-6623--จบ--
-อน-