กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
รัฐบาลไทยและกัมพูชาได้ตกลงที่จะจัดทำกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-กัมพูชาเพื่อให้เป็นแผนแม่บทในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาศักยภาพทางเศรษฐกิจ ประกอบเป็นข้อมูลสำหรับจัดทำกรอบความร่วมมือฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมการประชุมระดับนโยบายร่วม (Joint Policy Conference) เพื่อพิจารณาร่างเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ ก่อนจะสรุปเป็นรายงานการศึกษาขั้นกลาง (Interim Report) โดยการประชุมดังกล่าวกำหนดที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 เมษายน 2544 ที่กรุงพนมเปญ
ฝ่ายไทยได้เสนอเรื่องการจัดทำแผนแม่บทในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน ในโอกาสที่อดีตนายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย เยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543 หลังจากนั้น รัฐบาลไทยได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 20 ล้านบาท ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาต (สคช.) ซึ่ง สคช. ได้ว่าจ้างสถาบันวิจัยและพัฒนาและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยความร่วมมือจากบริษัทที่ปรึกษาซึ่งมีความชำนาญในการวางแผนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เป็นผู้ดำเนินการศึกษาศักยภาพทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายพร้อมกับจัดตั้งคณะกรรมการกำกับการศึกษาโครงการจัดทำแผนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและแผนปฏิบัติการระหว่างไทย-กัมพูชา ประกอบด้วยผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการศึกาา การดำเนินงานศึกาาได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2543 และได้มีผลคือหน้าด้วยดี โดยสามารถสรุปรายงานเบื้องต้น (Inception Report) และรายงามกรอบแนวความคิด (Conceptual Report) เมื่อมกราคม และกุมภาพันธ์ 2544 ตามลำดับ โดยรายงานทั้งสองฉบับได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับการศึกษา (ฝ่ายไทย) แล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของฝ่ายกัมพูชา นอกจากนั้น ในส่วนของไทย ยังได้จัดการสัมมนาระหว่างวันที่ 21-23 กุมภาพันธื 2544 เพื่อรับฟังความคิดเห้นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการจัดทำกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจฯ ได้แก่ ประชาชนและส่วนราชการต่าง ๆ ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งปรากฎว่าได้รับการขานรับด้วยดีจากกลุ่มประชาสังคม รวมทั้งส่วนราชการในระดับท้องถิ่นต่าง ๆ
ในส่วนของรัฐบาลกัมพูชาได้จัดตั้งคณะกรรมการซึ่งมีนายจาม ประสิทธิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา เป็นประธาน และสมาชิกประกอบด้วยผู้แทนส่วนราชการกัมพูชาที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการศึกษา พร้อมกับเจ้าหน้าที่ระดับเทคนิคอีกจำนวนหนึ่งทำหน้าที่ประสานงานคณะผู้เชี่ยวชาญฝ่ายไทย เพื่อศึกษาข้อมูลในการจัดทำกรอบความร่วมมือฯ
สารัตถะผลการศึกษาศักยภาพทางเศรษฐกิจ ที่คณะผู้วิจัยและที่ปรึกษาจัดทำขึ้นสรุปได้ ดังนี้
1. พื้นที่โครงการความร่วมมือ ครอบคลุมพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ฝั่งไทยได้แก่ จังหวัดตราด จันทบุรี สระแก้ว ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ และอุบุลราชธานี ฝั่งกัมพูชา ได้แก่ จังหวัดเกาะกง โพธิสัต ไพลิน พระตะบอง บันเตียเมียนเจย อุดรมีชัย เสียมราฐ และพระวิหาร
2. สาขาความร่วมมือ 4 สาขา โดยในแต่ละสาขาเน้นหนักในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
-การท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันในทางด้านวัฒนธรรมแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเล และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
-การค้า เน้นในเรื่องการค้าทวิภาคี และการร่วมลงทุนเพื่อส่งเสริมการค้าไปยังประเทศที่สาม
-การเกษตรฯ เน้นหนักในเรื่องการผลิตข้าว ประมงน้ำจืดในทะเลสาบ ประมงทะเลและป่าไม้
-อุตสาหกรรม เน้นการสร้าง cross-border economic zone บน 2 แนวทาง ได้แก่
(1) การสร้างเขตเศรษฐกิจการผลิตร่วม (Co-Production Areas) ใน 2 พื้นที่ คือ อรัญประเทศ-ปอยเปต และจันทบุรี-ไพลิน โดบเสนอทางเลือก 2 แนวทางคือ
-Co-Production Areas คร่อมพรมแดนของแต่ละฝ่าย
-Co-Production Areas ลึกเข้ามาในเขตแดนของแต่ละฝ่าย แต่ให้เชื่อมโยงกันโดยเส้นทางคมนาคม
(2) การสร้างเขตอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก (Export Processing Zone) ในพื้นที่ตราด-เกาะกง
(3) กรอบแนวความคิดในการพัฒนาพื้นที่เชื่อมโยง แบ่งออกเป็น 2 ระดับ แต่ละระดับมีแนวคิดโดยสังเขป ดังนี้
-แนวพื้นที่พัฒนา (Corridors of Opportunity)แบ่งออกเป็น 2 แนวคือ พื้นที่พัฒนาตอนใน (เชื่อมโยงไทย-กัมพูชาตั้งแต่จังหวัดนครนายก-ปราจีนบุรี-สระแก้ว ของไทย กับจังหวัดบันเตียเมียนเจย-พระตระบอง-โพธิสัต ของกัมพูชา) และพื้นที่พัฒนาชายฝั่งทะเล (เชื่อมโยงจังหวัดจันทรบุรี-ตราด ของไทย เข้ากับ เกาะกง-กัมปงโสม-กัมปอด ของกัมพูชา)
-แนวเชื่อมโยงระหว่างแนวพื้นที่พัฒนา (Inter-Corrider Linkage) เพื่อเชื่อมโยงเมืองหลักในแนว Corridors of Opportunity เข้าด้วยกันผ่านระบบโครงข่ายถนน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
รัฐบาลไทยและกัมพูชาได้ตกลงที่จะจัดทำกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-กัมพูชาเพื่อให้เป็นแผนแม่บทในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาศักยภาพทางเศรษฐกิจ ประกอบเป็นข้อมูลสำหรับจัดทำกรอบความร่วมมือฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมการประชุมระดับนโยบายร่วม (Joint Policy Conference) เพื่อพิจารณาร่างเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ ก่อนจะสรุปเป็นรายงานการศึกษาขั้นกลาง (Interim Report) โดยการประชุมดังกล่าวกำหนดที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 เมษายน 2544 ที่กรุงพนมเปญ
ฝ่ายไทยได้เสนอเรื่องการจัดทำแผนแม่บทในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน ในโอกาสที่อดีตนายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย เยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543 หลังจากนั้น รัฐบาลไทยได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 20 ล้านบาท ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาต (สคช.) ซึ่ง สคช. ได้ว่าจ้างสถาบันวิจัยและพัฒนาและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยความร่วมมือจากบริษัทที่ปรึกษาซึ่งมีความชำนาญในการวางแผนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เป็นผู้ดำเนินการศึกษาศักยภาพทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายพร้อมกับจัดตั้งคณะกรรมการกำกับการศึกษาโครงการจัดทำแผนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและแผนปฏิบัติการระหว่างไทย-กัมพูชา ประกอบด้วยผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการศึกาา การดำเนินงานศึกาาได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2543 และได้มีผลคือหน้าด้วยดี โดยสามารถสรุปรายงานเบื้องต้น (Inception Report) และรายงามกรอบแนวความคิด (Conceptual Report) เมื่อมกราคม และกุมภาพันธ์ 2544 ตามลำดับ โดยรายงานทั้งสองฉบับได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับการศึกษา (ฝ่ายไทย) แล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของฝ่ายกัมพูชา นอกจากนั้น ในส่วนของไทย ยังได้จัดการสัมมนาระหว่างวันที่ 21-23 กุมภาพันธื 2544 เพื่อรับฟังความคิดเห้นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการจัดทำกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจฯ ได้แก่ ประชาชนและส่วนราชการต่าง ๆ ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งปรากฎว่าได้รับการขานรับด้วยดีจากกลุ่มประชาสังคม รวมทั้งส่วนราชการในระดับท้องถิ่นต่าง ๆ
ในส่วนของรัฐบาลกัมพูชาได้จัดตั้งคณะกรรมการซึ่งมีนายจาม ประสิทธิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา เป็นประธาน และสมาชิกประกอบด้วยผู้แทนส่วนราชการกัมพูชาที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการศึกษา พร้อมกับเจ้าหน้าที่ระดับเทคนิคอีกจำนวนหนึ่งทำหน้าที่ประสานงานคณะผู้เชี่ยวชาญฝ่ายไทย เพื่อศึกษาข้อมูลในการจัดทำกรอบความร่วมมือฯ
สารัตถะผลการศึกษาศักยภาพทางเศรษฐกิจ ที่คณะผู้วิจัยและที่ปรึกษาจัดทำขึ้นสรุปได้ ดังนี้
1. พื้นที่โครงการความร่วมมือ ครอบคลุมพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ฝั่งไทยได้แก่ จังหวัดตราด จันทบุรี สระแก้ว ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ และอุบุลราชธานี ฝั่งกัมพูชา ได้แก่ จังหวัดเกาะกง โพธิสัต ไพลิน พระตะบอง บันเตียเมียนเจย อุดรมีชัย เสียมราฐ และพระวิหาร
2. สาขาความร่วมมือ 4 สาขา โดยในแต่ละสาขาเน้นหนักในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
-การท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันในทางด้านวัฒนธรรมแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่งทะเล และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
-การค้า เน้นในเรื่องการค้าทวิภาคี และการร่วมลงทุนเพื่อส่งเสริมการค้าไปยังประเทศที่สาม
-การเกษตรฯ เน้นหนักในเรื่องการผลิตข้าว ประมงน้ำจืดในทะเลสาบ ประมงทะเลและป่าไม้
-อุตสาหกรรม เน้นการสร้าง cross-border economic zone บน 2 แนวทาง ได้แก่
(1) การสร้างเขตเศรษฐกิจการผลิตร่วม (Co-Production Areas) ใน 2 พื้นที่ คือ อรัญประเทศ-ปอยเปต และจันทบุรี-ไพลิน โดบเสนอทางเลือก 2 แนวทางคือ
-Co-Production Areas คร่อมพรมแดนของแต่ละฝ่าย
-Co-Production Areas ลึกเข้ามาในเขตแดนของแต่ละฝ่าย แต่ให้เชื่อมโยงกันโดยเส้นทางคมนาคม
(2) การสร้างเขตอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก (Export Processing Zone) ในพื้นที่ตราด-เกาะกง
(3) กรอบแนวความคิดในการพัฒนาพื้นที่เชื่อมโยง แบ่งออกเป็น 2 ระดับ แต่ละระดับมีแนวคิดโดยสังเขป ดังนี้
-แนวพื้นที่พัฒนา (Corridors of Opportunity)แบ่งออกเป็น 2 แนวคือ พื้นที่พัฒนาตอนใน (เชื่อมโยงไทย-กัมพูชาตั้งแต่จังหวัดนครนายก-ปราจีนบุรี-สระแก้ว ของไทย กับจังหวัดบันเตียเมียนเจย-พระตระบอง-โพธิสัต ของกัมพูชา) และพื้นที่พัฒนาชายฝั่งทะเล (เชื่อมโยงจังหวัดจันทรบุรี-ตราด ของไทย เข้ากับ เกาะกง-กัมปงโสม-กัมปอด ของกัมพูชา)
-แนวเชื่อมโยงระหว่างแนวพื้นที่พัฒนา (Inter-Corrider Linkage) เพื่อเชื่อมโยงเมืองหลักในแนว Corridors of Opportunity เข้าด้วยกันผ่านระบบโครงข่ายถนน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-