คุณถาม : สตาร์ชจากมันสำปะหลังคืออะไร และนำไปใช้ ผลิตอะไรได้บ้าง
EXIM ตอบ : สตาร์ช (Starch) จากมันสำปะหลัง คือ แป้ง ที่เกิดจากการแปรรูปหัวมันสำปะหลัง แบ่งได้ เป็น 2 ชนิด คือ
1. แป้งดิบ (Native Starch) คือ แป้งที่เกิด จากการนำหัวมันสำปะหลังมาทำการแปรรูป ขั้นต้นโดย
ไม่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงร่วมใน การผลิต เช่น การนำหัวมันมาบด เป็นต้น
2. แป้งแปรรูป (Modified Starch) คือ แป้ง ที่ได้จากการนำแป้งดิบไปผ่านกระบวนการ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างทาง
โมเลกุลเพื่อให้มี คุณสมบัติเฉพาะ เช่น คุณสมบัติด้านความ เหนียว สำหรับนำไปใช้ในอุตสาหกรรม แต่ละประเภท
สตาร์ชจากแป้งมันสำปะหลังสามารถนำ ไปใช้เป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบในการผลิต ของอุตสาหกรรมหลายประเภท อาทิ
อุตสาหกรรมผลิตสารให้ความหวาน เช่น กลูโคส ไฮฟรักโตส ซอบิตอล ซึ่งใช้เป็น วัตถุดิบสำหรับผลิตลูกกวาด น้ำหวาน
น้ำอัดลม ยารักษาโรค ยาสีฟัน และเครื่อง สำอาง เป็นต้น
อุตสาหกรรมผลิตกาวและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้กาว เช่น สติกเกอร์ ซองจดหมาย ไม้อัด เป็นต้น
อุตสาหกรรมผลิตกรดอินทรีย์จากแป้ง เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรม ผลิตอาหารสัตว์ และอุตสาหกรรมสี เป็นต้น
อุตสาหกรรมอาหาร เช่น อุตสาหกรรมผลิต ผงชูรส และอุตสาหกรรมผลิตสาคู เป็นต้น
อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมผลิต ผ้าอ้อมสำเร็จรูป อุตสาหกรรมกระดาษ และอุตสาหกรรมผลิตภาชนะบรรจุอาหาร เป็นต้น
คุณถาม : สินค้าส่งออกของไทยที่ถูกสหภาพยุโรปเรียกเก็บ ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดมีอะไรบ้าง
EXIM ตอบ : การเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti- Dumping Duty: AD) เป็นรูปแบบหนึ่งของมาตรการปกป้องอุตสาหกรรม ภายใน
ประเทศจากสินค้านำเข้าที่มีราคาต่ำกว่าราคาสินค้านั้นที่ขายใน ประเทศผู้ผลิต หรือต่ำกว่าราคาที่ส่งออกไปจำหน่ายในประเทศอื่น
หรือ ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตสินค้านั้น
ปัจจุบันมีสินค้าไทยจำนวน 13 รายการที่ถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้การ ทุ่มตลาดในสหภาพยุโรป (European Union: EU) สรุปได้ดังนี้
คุณถาม : ภาวะการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศในจีนเป็นอย่างไร
EXIM ตอบ : ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและพัฒนา (United Nations Conference on Trade and Development: UNCTAD)
และกระทรวงความร่วมมือทาง เศรษฐกิจและการค้าต่างประเทศ (Ministry of Foreign Trade and Economic Cooperation)
ของจีน ได้รายงานภาวะการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ ในจีนไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
ในปี 2000 นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในจีนมากเป็นอันดับ 2 ใน เอเชียรองจากฮ่องกง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาปรากฏ
ว่านักลงทุน ส่วนใหญ่ที่เข้าไปลงทุนในฮ่องกงมักต้องการใช้ฮ่องกงเป็นจุดพักเงินทุน (Parking Fund) ก่อนเข้าไปลงทุนในจีน
ในปี 2001 การลงทุนจากต่างชาติในจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนี้
ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2001 การลงทุนทางตรงจากต่างชาติที่ เกิดขึ้นจริง (Realized Value) ในจีนมีมูลค่ารวม
43.7 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 31.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ประเภทธุรกิจที่นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในจีน มูลค่าสูงสุด คือ อุตสาหกรรมการผลิต
นักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในจีนมากที่สุด คือ ชาวฮ่องกง
ปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุน ในจีนเพิ่มขึ้น เนื่องจากจีนกำลังจะเข้าเป็นสมาชิกองค์การ การค้าโลก
(World Trade Organization: WTO) ภายในสิ้นปี 2544 หรือต้นปี 2545 ทำให้จีนต้องเร่งเปิดเสรีด้านการค้า และ
บริการ ขณะเดียวกันก็ได้พิจารณาออกมาตรการต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น
รูปแบบการลงทุนทางตรงจากต่างชาติในจีนเปลี่ยนแปลง ไป ดังนี้
ในช่วงทศวรรษ 1980 ส่วนใหญ่ลงทุนในอุตสาหกรรม ที่เน้นการใช้แรงงาน (Labour-intensive)
ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เปลี่ยนเป็นลงทุนใน อุตสาหกรรมที่เน้นการใช้ทุน (Capital-intensive)
ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ นิยมลงทุนในอุตสาหกรรม ที่เน้นการใช้เทคโนโลยี (Technology-intensive) รวมทั้งการ
จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (Research and Development Centres)
รูปแบบการลงทุนที่เปลี่ยนไป ทำให้จีนมีรายได้จากการ ส่งออกสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพิ่มขึ้นจาก 7.7 พัน ล้านดอลลาร์
สหรัฐฯ ในปี 1996 เป็น 37 พันล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ในปี 2000 โดยกว่า 80% ของรายได้จากการ ส่งออกสินค้าดังกล่าวมาจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุน
ในจีน
ข้อมูลจาก : ฝ่ายวิชาการและแผนงาน
--Exim News ปีที่ 7 ฉบับที่ 10 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2544--
-อน-
EXIM ตอบ : สตาร์ช (Starch) จากมันสำปะหลัง คือ แป้ง ที่เกิดจากการแปรรูปหัวมันสำปะหลัง แบ่งได้ เป็น 2 ชนิด คือ
1. แป้งดิบ (Native Starch) คือ แป้งที่เกิด จากการนำหัวมันสำปะหลังมาทำการแปรรูป ขั้นต้นโดย
ไม่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงร่วมใน การผลิต เช่น การนำหัวมันมาบด เป็นต้น
2. แป้งแปรรูป (Modified Starch) คือ แป้ง ที่ได้จากการนำแป้งดิบไปผ่านกระบวนการ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างทาง
โมเลกุลเพื่อให้มี คุณสมบัติเฉพาะ เช่น คุณสมบัติด้านความ เหนียว สำหรับนำไปใช้ในอุตสาหกรรม แต่ละประเภท
สตาร์ชจากแป้งมันสำปะหลังสามารถนำ ไปใช้เป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบในการผลิต ของอุตสาหกรรมหลายประเภท อาทิ
อุตสาหกรรมผลิตสารให้ความหวาน เช่น กลูโคส ไฮฟรักโตส ซอบิตอล ซึ่งใช้เป็น วัตถุดิบสำหรับผลิตลูกกวาด น้ำหวาน
น้ำอัดลม ยารักษาโรค ยาสีฟัน และเครื่อง สำอาง เป็นต้น
อุตสาหกรรมผลิตกาวและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้กาว เช่น สติกเกอร์ ซองจดหมาย ไม้อัด เป็นต้น
อุตสาหกรรมผลิตกรดอินทรีย์จากแป้ง เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรม ผลิตอาหารสัตว์ และอุตสาหกรรมสี เป็นต้น
อุตสาหกรรมอาหาร เช่น อุตสาหกรรมผลิต ผงชูรส และอุตสาหกรรมผลิตสาคู เป็นต้น
อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมผลิต ผ้าอ้อมสำเร็จรูป อุตสาหกรรมกระดาษ และอุตสาหกรรมผลิตภาชนะบรรจุอาหาร เป็นต้น
คุณถาม : สินค้าส่งออกของไทยที่ถูกสหภาพยุโรปเรียกเก็บ ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดมีอะไรบ้าง
EXIM ตอบ : การเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti- Dumping Duty: AD) เป็นรูปแบบหนึ่งของมาตรการปกป้องอุตสาหกรรม ภายใน
ประเทศจากสินค้านำเข้าที่มีราคาต่ำกว่าราคาสินค้านั้นที่ขายใน ประเทศผู้ผลิต หรือต่ำกว่าราคาที่ส่งออกไปจำหน่ายในประเทศอื่น
หรือ ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตสินค้านั้น
ปัจจุบันมีสินค้าไทยจำนวน 13 รายการที่ถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้การ ทุ่มตลาดในสหภาพยุโรป (European Union: EU) สรุปได้ดังนี้
คุณถาม : ภาวะการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศในจีนเป็นอย่างไร
EXIM ตอบ : ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและพัฒนา (United Nations Conference on Trade and Development: UNCTAD)
และกระทรวงความร่วมมือทาง เศรษฐกิจและการค้าต่างประเทศ (Ministry of Foreign Trade and Economic Cooperation)
ของจีน ได้รายงานภาวะการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ ในจีนไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
ในปี 2000 นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในจีนมากเป็นอันดับ 2 ใน เอเชียรองจากฮ่องกง อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาปรากฏ
ว่านักลงทุน ส่วนใหญ่ที่เข้าไปลงทุนในฮ่องกงมักต้องการใช้ฮ่องกงเป็นจุดพักเงินทุน (Parking Fund) ก่อนเข้าไปลงทุนในจีน
ในปี 2001 การลงทุนจากต่างชาติในจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนี้
ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2001 การลงทุนทางตรงจากต่างชาติที่ เกิดขึ้นจริง (Realized Value) ในจีนมีมูลค่ารวม
43.7 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 31.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ประเภทธุรกิจที่นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในจีน มูลค่าสูงสุด คือ อุตสาหกรรมการผลิต
นักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในจีนมากที่สุด คือ ชาวฮ่องกง
ปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุน ในจีนเพิ่มขึ้น เนื่องจากจีนกำลังจะเข้าเป็นสมาชิกองค์การ การค้าโลก
(World Trade Organization: WTO) ภายในสิ้นปี 2544 หรือต้นปี 2545 ทำให้จีนต้องเร่งเปิดเสรีด้านการค้า และ
บริการ ขณะเดียวกันก็ได้พิจารณาออกมาตรการต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น
รูปแบบการลงทุนทางตรงจากต่างชาติในจีนเปลี่ยนแปลง ไป ดังนี้
ในช่วงทศวรรษ 1980 ส่วนใหญ่ลงทุนในอุตสาหกรรม ที่เน้นการใช้แรงงาน (Labour-intensive)
ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เปลี่ยนเป็นลงทุนใน อุตสาหกรรมที่เน้นการใช้ทุน (Capital-intensive)
ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ นิยมลงทุนในอุตสาหกรรม ที่เน้นการใช้เทคโนโลยี (Technology-intensive) รวมทั้งการ
จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (Research and Development Centres)
รูปแบบการลงทุนที่เปลี่ยนไป ทำให้จีนมีรายได้จากการ ส่งออกสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพิ่มขึ้นจาก 7.7 พัน ล้านดอลลาร์
สหรัฐฯ ในปี 1996 เป็น 37 พันล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ในปี 2000 โดยกว่า 80% ของรายได้จากการ ส่งออกสินค้าดังกล่าวมาจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุน
ในจีน
ข้อมูลจาก : ฝ่ายวิชาการและแผนงาน
--Exim News ปีที่ 7 ฉบับที่ 10 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2544--
-อน-