แท็ก
อัตราดอกเบี้ย
ข่าวในประเทศ
1. รมว.คลังชี้แจงเรื่องการดำเนินการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล รมว.คลังกล่าวว่า ในช่วงที่ ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงมาโดยตลอด สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การดำเนินมาตรการที่ช่วยให้ภาคธุรกิจฟื้นตัว เช่นนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ การให้มีสภาพคล่องในประเทศสูงเพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ รัฐบาลได้ช่วยแก้ไขปัญหาหนี้รมปัญหาสถาบันการเงินก่อนเพราะเป็นเรื่องจำเป็น ถ้าไม่มีแหล่งสินเชื่อภาคเศรษฐกิจแท้จริงก็อยู่ไม่ได้ และจะกระทบต่อการจ้างงาน (วัฏจักร 26)
2. ค่าเงินบาทที่อ่อนลงส่งผลดีต่อการส่งออก รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทที่อ่อนลงส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในประเทศ รัฐบาลไม่ควรเข้าแทรกค่าเงิน โดยยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้และอยู่ในระดับที่ดีกว่าค่าเงินในภูมิภาคเดียวกัน จึงไม่น่ากังวลเนื่องจากจะผลักดันให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยผลักดันให้เงินบาทไหลเข้าสู่ระบบ และช่วยในเรื่องดุลการค้า แม้การอ่อนลงของค่าเงินดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อบ้าง แต่ก็มั่นใจว่ายังอยู่ในเกณฑ์เป้าหมายที่ระดับร้อยละ 2.0-2.5 ขณะเดียวกัน รมว.คลังกล่าวว่าค่าเงินบาทที่อ่อนลงมีสาเหตุจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และความไม่มั่นคงทางการเมืองของประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ ส่งผลถึงค่าในภูมิภาครวมทั้งเงินบาทด้วย ทั้งนี้ สิ่งที่ ธปท.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องคือ ดูแลให้เงินบาทเป็นไปตามกลไกตลาด และระมัดระวังเรื่องการเข้ามาเก็งกำไร (กรุงเทพธุรกิจ 26)
3. บริษัทเงินทุนเริ่มมีผลกำไรในไตรมาสที่ 3 รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า กลุ่มบริษัทเงินทุน (บง.) จำนวน 11 บริษัทได้แจ้งผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ปี 43 ปรากฏว่ามีกำไรสุทธิรวม 778.29 ล.บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิรวม 1,006.81 ล.บาท คิดเป็นกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 229.36 ทั้งนี้ บง.ส่วนใหญ่มีผลกำไรเพิ่มขึ้น โดย บง.ทิสโก้มีกำไรสูงสุด 263.26 ล.บาท รองลงมาคือ บง.เกียรตินาคิน มีกำไร 147.61 ล.บาท บง.ธนชาติมีกำไร 147.53 ล.บาท และ บง.สินเอเชียมีกำไร 114.60 ล.บาท นอกจากนั้น บง.เกียรตินาคิน ได้ประกาศผลดำเนินงานตามมาตรฐานบัญชีใหม่ของไทยในไตรมาสที่ 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.43 ว่ามีผลกำไรสุทธิ 147 ล.บาท ส่วน บง.บุคคลัภย์ขาดทุนมากที่สุดจำนวน 72.67 ล.บาท(ผู้จัดการรายวัน 26)
4. ก.คลังจะเสนอ ครม.ขยายเวลาโครงการช่วยเหลือเพิ่มทุนระบบสถาบันการเงิน แหล่งข่าวจาก ก.คลังเปิดเผยว่า ในวันที่ 30 ต.ค.43 ก.คลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ขยายเวลาของโครงการช่วยเหลือการเพิ่มทุนของระบบสถาบันการเงินในกองทุนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ออกไปอีก 7 ปี นับจากสิ้นปี 43 เพื่อรองรับการขยายตัว หาก ธพ.ใดต้องการเงินทุนในอนาคต สามารถมาใช้ช่องทางมาตรการ 14 ส.ค.ได้ ซึ่งถือเป็นการให้ความมั่นใจ ส่วนเงื่อนไขยังคงเป็นไปตามรูปแบบเดิม คือ รัฐบาลจะออกพันธบัตรเพื่อสนับสนุนการเพิ่มทุนให้ ธพ.ในสัดส่วนเท่าๆ กัน ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ที่ทางการจะประกาศก่อนยุบสภาในเดือน พ.ย.43 (ไทยรัฐ 26)
ข่าวต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านมือสองของ สรอ. ลดลงร้อยละ 2.7ในเดือน ก.ย. 43 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 43 National Association of Realtors เปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 43 ยอดขายบ้านมือสอง ที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาล ลดลงร้อยละ 2.7 อยู่ที่จำนวน 5.14 ล. หลังต่อปี จากจำนวน 5.28 ล. หลัง ในเดือน ส.ค. 43 ซึ่งเป็นไปตามการคาดหมายของนักวิเคราะห์ใน สรอ. David Lereah หัวหน้าเศรษฐกรของ NAR กล่าวว่า ยอดขายบ้านฯที่ลดลง สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลง โดยในปี 42 ยอดขายบ้านฯได้ทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นปีที่ 4 แต่คาดว่าในปี 43 ยอดขายบ้านฯ น่าจะลดลงจากที่เคยทำสถิติสูงสุดในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของการขายบ้านยังคงแข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน ในเดือน ก.ย. 43 ราคากลางของบ้านมือสอง อยู่ที่หลังละ 141,8000 ดอลลาร์ จากราคา 143,200 ดอลลาร์ ในเดือน ส.ค. 43 หรือลดลงร้อยละ 1 เทียบต่อเดือน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เทียบต่อปี (รอยเตอร์ 25)
2. ปริมาณเงินหมุนเวียน (M3) ในเขตยูโร มีแนวโน้มลดลงในเดือน ก.ย.43 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ต เมื่อวันที่ 25 ต.ค.43 จากการสำรวจของรอยเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ในเดือน ก.ย.43 ปริมาณเงินหมุนเวียน (M3) ในเขตยูโรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับเฉลี่ยร้อยละ 5.3 ต่อปี เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับที่อยู่ที่ระดับร้อยละ 5.6 ในเดือน ส.ค.43 โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดหมายอัตราการเพิ่มอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 4.9-5.7 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนของตัวเลข อันเนื่องมาจากตัวเลขของเดือน ส.ค.43 ได้รับผลกระทบจากการเซ็นสัญญาประมูลโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล นอกจากนั้น นักเศรษฐศาสตร์ยังชี้ว่า M3 มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องไปสู่อัตราอ้างอิงของ ธ.กลางแห่งยุโรป (ECB) ที่ระดับร้อยละ 4.5 ทั้งนี้ เป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ECB เมื่อเร็ว ๆ นี้ (รอยเตอร์ 25)
3. เงินเฟ้อที่วัดจากราคานำเข้าของเยอรมนีเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 ในเดือน ก.ย. 43 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ต เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 43 สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี เปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 43 เงินเฟ้อที่วัดจากราคานำเข้าโดยรวม เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 13.4 เทียบต่อปี จากที่ระดับร้อยละ 11.9 ในเดือน ส.ค. 43 นับเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 19 ปี ตั้งแต่ที่เคยอยู่ที่ระดับร้อยละ 13.6 ในเดือน ต.ค. 24 และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์เคยคาดไว้ว่า จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 การเพิ่มขึ้นของราคานำเข้าครั้งนี้ ได้รับแรงผลักดันจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน ในเดือน ก.ย. 43 เมื่อไม่รวมราคานำเข้าน้ำมัน เงินเฟ้อที่เป็นแกน ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 เทียบต่อปี จากที่ระดับร้อยละ 7.6 ในเดือน ส.ค. 43 โดยในเดือน ก.ย. 43 ราคาผลิตภัณฑ์น้ำมัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 96.4 เทียบต่อปี ขณะเดียวกัน ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น ร้อยละ 96.4 (รอยเตอร์ 25)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 25 ต.ค. 43 43.624 (43.991)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 25 ต.ค. 43
ซื้อ 43.4453 (43.8188) ขาย 43.7544 (44.1290)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,500 (5,550) ขาย 5,600 (5,650)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 29.88 (30.06)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.79 (16.79) ดีเซลหมุนเร็ว 15.04 (15.04)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. รมว.คลังชี้แจงเรื่องการดำเนินการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล รมว.คลังกล่าวว่า ในช่วงที่ ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงมาโดยตลอด สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การดำเนินมาตรการที่ช่วยให้ภาคธุรกิจฟื้นตัว เช่นนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ การให้มีสภาพคล่องในประเทศสูงเพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ รัฐบาลได้ช่วยแก้ไขปัญหาหนี้รมปัญหาสถาบันการเงินก่อนเพราะเป็นเรื่องจำเป็น ถ้าไม่มีแหล่งสินเชื่อภาคเศรษฐกิจแท้จริงก็อยู่ไม่ได้ และจะกระทบต่อการจ้างงาน (วัฏจักร 26)
2. ค่าเงินบาทที่อ่อนลงส่งผลดีต่อการส่งออก รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทที่อ่อนลงส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในประเทศ รัฐบาลไม่ควรเข้าแทรกค่าเงิน โดยยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้และอยู่ในระดับที่ดีกว่าค่าเงินในภูมิภาคเดียวกัน จึงไม่น่ากังวลเนื่องจากจะผลักดันให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยผลักดันให้เงินบาทไหลเข้าสู่ระบบ และช่วยในเรื่องดุลการค้า แม้การอ่อนลงของค่าเงินดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อบ้าง แต่ก็มั่นใจว่ายังอยู่ในเกณฑ์เป้าหมายที่ระดับร้อยละ 2.0-2.5 ขณะเดียวกัน รมว.คลังกล่าวว่าค่าเงินบาทที่อ่อนลงมีสาเหตุจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และความไม่มั่นคงทางการเมืองของประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ ส่งผลถึงค่าในภูมิภาครวมทั้งเงินบาทด้วย ทั้งนี้ สิ่งที่ ธปท.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องคือ ดูแลให้เงินบาทเป็นไปตามกลไกตลาด และระมัดระวังเรื่องการเข้ามาเก็งกำไร (กรุงเทพธุรกิจ 26)
3. บริษัทเงินทุนเริ่มมีผลกำไรในไตรมาสที่ 3 รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า กลุ่มบริษัทเงินทุน (บง.) จำนวน 11 บริษัทได้แจ้งผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ปี 43 ปรากฏว่ามีกำไรสุทธิรวม 778.29 ล.บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิรวม 1,006.81 ล.บาท คิดเป็นกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 229.36 ทั้งนี้ บง.ส่วนใหญ่มีผลกำไรเพิ่มขึ้น โดย บง.ทิสโก้มีกำไรสูงสุด 263.26 ล.บาท รองลงมาคือ บง.เกียรตินาคิน มีกำไร 147.61 ล.บาท บง.ธนชาติมีกำไร 147.53 ล.บาท และ บง.สินเอเชียมีกำไร 114.60 ล.บาท นอกจากนั้น บง.เกียรตินาคิน ได้ประกาศผลดำเนินงานตามมาตรฐานบัญชีใหม่ของไทยในไตรมาสที่ 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.43 ว่ามีผลกำไรสุทธิ 147 ล.บาท ส่วน บง.บุคคลัภย์ขาดทุนมากที่สุดจำนวน 72.67 ล.บาท(ผู้จัดการรายวัน 26)
4. ก.คลังจะเสนอ ครม.ขยายเวลาโครงการช่วยเหลือเพิ่มทุนระบบสถาบันการเงิน แหล่งข่าวจาก ก.คลังเปิดเผยว่า ในวันที่ 30 ต.ค.43 ก.คลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ขยายเวลาของโครงการช่วยเหลือการเพิ่มทุนของระบบสถาบันการเงินในกองทุนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ออกไปอีก 7 ปี นับจากสิ้นปี 43 เพื่อรองรับการขยายตัว หาก ธพ.ใดต้องการเงินทุนในอนาคต สามารถมาใช้ช่องทางมาตรการ 14 ส.ค.ได้ ซึ่งถือเป็นการให้ความมั่นใจ ส่วนเงื่อนไขยังคงเป็นไปตามรูปแบบเดิม คือ รัฐบาลจะออกพันธบัตรเพื่อสนับสนุนการเพิ่มทุนให้ ธพ.ในสัดส่วนเท่าๆ กัน ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ที่ทางการจะประกาศก่อนยุบสภาในเดือน พ.ย.43 (ไทยรัฐ 26)
ข่าวต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านมือสองของ สรอ. ลดลงร้อยละ 2.7ในเดือน ก.ย. 43 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 43 National Association of Realtors เปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 43 ยอดขายบ้านมือสอง ที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาล ลดลงร้อยละ 2.7 อยู่ที่จำนวน 5.14 ล. หลังต่อปี จากจำนวน 5.28 ล. หลัง ในเดือน ส.ค. 43 ซึ่งเป็นไปตามการคาดหมายของนักวิเคราะห์ใน สรอ. David Lereah หัวหน้าเศรษฐกรของ NAR กล่าวว่า ยอดขายบ้านฯที่ลดลง สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลง โดยในปี 42 ยอดขายบ้านฯได้ทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นปีที่ 4 แต่คาดว่าในปี 43 ยอดขายบ้านฯ น่าจะลดลงจากที่เคยทำสถิติสูงสุดในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของการขายบ้านยังคงแข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน ในเดือน ก.ย. 43 ราคากลางของบ้านมือสอง อยู่ที่หลังละ 141,8000 ดอลลาร์ จากราคา 143,200 ดอลลาร์ ในเดือน ส.ค. 43 หรือลดลงร้อยละ 1 เทียบต่อเดือน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เทียบต่อปี (รอยเตอร์ 25)
2. ปริมาณเงินหมุนเวียน (M3) ในเขตยูโร มีแนวโน้มลดลงในเดือน ก.ย.43 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ต เมื่อวันที่ 25 ต.ค.43 จากการสำรวจของรอยเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ในเดือน ก.ย.43 ปริมาณเงินหมุนเวียน (M3) ในเขตยูโรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับเฉลี่ยร้อยละ 5.3 ต่อปี เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับที่อยู่ที่ระดับร้อยละ 5.6 ในเดือน ส.ค.43 โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดหมายอัตราการเพิ่มอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 4.9-5.7 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนของตัวเลข อันเนื่องมาจากตัวเลขของเดือน ส.ค.43 ได้รับผลกระทบจากการเซ็นสัญญาประมูลโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล นอกจากนั้น นักเศรษฐศาสตร์ยังชี้ว่า M3 มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องไปสู่อัตราอ้างอิงของ ธ.กลางแห่งยุโรป (ECB) ที่ระดับร้อยละ 4.5 ทั้งนี้ เป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ECB เมื่อเร็ว ๆ นี้ (รอยเตอร์ 25)
3. เงินเฟ้อที่วัดจากราคานำเข้าของเยอรมนีเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 ในเดือน ก.ย. 43 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ต เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 43 สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี เปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 43 เงินเฟ้อที่วัดจากราคานำเข้าโดยรวม เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 13.4 เทียบต่อปี จากที่ระดับร้อยละ 11.9 ในเดือน ส.ค. 43 นับเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 19 ปี ตั้งแต่ที่เคยอยู่ที่ระดับร้อยละ 13.6 ในเดือน ต.ค. 24 และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์เคยคาดไว้ว่า จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 การเพิ่มขึ้นของราคานำเข้าครั้งนี้ ได้รับแรงผลักดันจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน ในเดือน ก.ย. 43 เมื่อไม่รวมราคานำเข้าน้ำมัน เงินเฟ้อที่เป็นแกน ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 เทียบต่อปี จากที่ระดับร้อยละ 7.6 ในเดือน ส.ค. 43 โดยในเดือน ก.ย. 43 ราคาผลิตภัณฑ์น้ำมัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 96.4 เทียบต่อปี ขณะเดียวกัน ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น ร้อยละ 96.4 (รอยเตอร์ 25)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 25 ต.ค. 43 43.624 (43.991)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 25 ต.ค. 43
ซื้อ 43.4453 (43.8188) ขาย 43.7544 (44.1290)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,500 (5,550) ขาย 5,600 (5,650)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 29.88 (30.06)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.79 (16.79) ดีเซลหมุนเร็ว 15.04 (15.04)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-