แท็ก
สหภาพยุโรป
สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงบรัสเซลส์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2544 คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้มีมติให้ความเห็นชอบสมุดปกเขียวว่าด้วยนโยบายสินค้าครบวงจร (Green Paper on Integrated Product Policy : IPP) ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นเอกสารในลักษณะ Discussion paper นำเสนอแนวความคิดเกี่ยวกับ IPP โดยมีจุดมุ่งหมายให้ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องใช้เป็นพื้นฐานในการหารือเพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนด IPP ของสหภาพยุโรปต่อไป
สำหรับ IPP นี้ เป็นนโยบายส่วนเสริมของนโยบายด้านสภาวะแวดล้อมของสหภาพยุโรปโดยเกิดจากแนวความคิดเกี่ยวกับวัฏจักรอายุสินค้า ( Product Life Cycle ) ซึ่งพิจารณาว่าสินค้าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเช่นใดบ้างนับตั้งแต่ การผลิต การใช้งาน ไปจนถึงเมื่อสินค้าหมดอายุการใช้งานและกลายเป็นซากเหลือทิ้ง ทั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องส่งความคิดเห็นไปยังคณะกรรมาธิการได้ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2544
ในเรื่องนี้ สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงบรัสเซลส์ได้ให้ข้อสังเกตในประเด็นสำคัญซึ่งอาจมีผลกระทบต่อประเทศไทย ดังนี้
(1) มีการเสนอให้ใช้มาตรการลดภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าที่มี European Eco-label เพื่อให้เกิดแรงจูงใจเพียงพอให้ผู้ซื้อหันไปซื้อสินค้าดังกล่าวและเพื่อให้เป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ผลิตที่มุ่งผลิตสินค้า Green product
(2) สหภาพยุโรปจะใช้นโยบาย IPP กับทุกสินค้า แม้ว่ากำหนดเวลาการเริ่มใช้อาจจะแตกต่างกันบ้าง ทั้งนี้จะรวมถึงสินค้าบริการด้วย
(3) มีการเสนอให้จัดตั้ง Product panal เพื่อทำหน้าที่กำหนดมาตรการดำเนินการต่างๆตามแนวทาง IPP โดยในขั้นแรกมีแนวโน้มว่าอาจจะเริ่มโครงการนำร่องสำหรับสินค้า สิ่งทอและอิเล็กทรอนิกส์
(4) มีความเป็นไปได้มากว่า จะมีการสนับสนุนให้ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยหนึ่งในการกำหนดมาตรฐานสินค้าของสหภาพยุโรปต่อไป
(5) การนำ IPP มาใช้เป็นการให้ความสำคัญกับมาตรการ "ป้องกัน" มากกว่า "การแก้ไข"ดังเช่นที่ผ่านมา
(6) แม้ว่า ขณะนี้ยังเป็นเพียงขั้นเริ่มต้นของการดำเนินการ แต่จะเห็นได้ว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่สหภาพยุโรปจะนำนโยบาย IPP มาใช้ในอนาคตอันใกล้นี้ โดยการผลักดันของผู้แทนจากประเทศสวีเดนซึ่งเป็น Presidency ของสหภาพยุโรปในช่วงนี้ (มกราคม- มิถุนายน 2544) นอกจากนี้ กรรมาธิการ(Commissioner) ด้านสิ่งแวดล้อมคนปัจจุบัน (ซึ่งเป็นชาวสวีเดนเช่นกัน) ได้ประกาศแผนปฏิบัติการดัานสิ่งแวดล้อมฉบับที่ 6 เมื่อต้นปีนี้ โดยมี IPP ระบุอยู่ในแผนด้วย
(7) ควรมีการศึกษาและเตรียมการ เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ทันทีเมื่อสหภาพยุโรป ประกาศใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเป็นทางการ รวมทั้งกรณีหากมีประเด็นที่ไทยจำเป็นต้องเจรจาโน้มน้าวเพื่อป้องกันผลกระทบรุนแรงต่อการผลิต-การส่งออกสินค้าไทย ก็จะสามารถดำเนินการได้ทันเวลา
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 82-6623--จบ--
-สส-
สำหรับ IPP นี้ เป็นนโยบายส่วนเสริมของนโยบายด้านสภาวะแวดล้อมของสหภาพยุโรปโดยเกิดจากแนวความคิดเกี่ยวกับวัฏจักรอายุสินค้า ( Product Life Cycle ) ซึ่งพิจารณาว่าสินค้าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเช่นใดบ้างนับตั้งแต่ การผลิต การใช้งาน ไปจนถึงเมื่อสินค้าหมดอายุการใช้งานและกลายเป็นซากเหลือทิ้ง ทั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องส่งความคิดเห็นไปยังคณะกรรมาธิการได้ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2544
ในเรื่องนี้ สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงบรัสเซลส์ได้ให้ข้อสังเกตในประเด็นสำคัญซึ่งอาจมีผลกระทบต่อประเทศไทย ดังนี้
(1) มีการเสนอให้ใช้มาตรการลดภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าที่มี European Eco-label เพื่อให้เกิดแรงจูงใจเพียงพอให้ผู้ซื้อหันไปซื้อสินค้าดังกล่าวและเพื่อให้เป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ผลิตที่มุ่งผลิตสินค้า Green product
(2) สหภาพยุโรปจะใช้นโยบาย IPP กับทุกสินค้า แม้ว่ากำหนดเวลาการเริ่มใช้อาจจะแตกต่างกันบ้าง ทั้งนี้จะรวมถึงสินค้าบริการด้วย
(3) มีการเสนอให้จัดตั้ง Product panal เพื่อทำหน้าที่กำหนดมาตรการดำเนินการต่างๆตามแนวทาง IPP โดยในขั้นแรกมีแนวโน้มว่าอาจจะเริ่มโครงการนำร่องสำหรับสินค้า สิ่งทอและอิเล็กทรอนิกส์
(4) มีความเป็นไปได้มากว่า จะมีการสนับสนุนให้ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยหนึ่งในการกำหนดมาตรฐานสินค้าของสหภาพยุโรปต่อไป
(5) การนำ IPP มาใช้เป็นการให้ความสำคัญกับมาตรการ "ป้องกัน" มากกว่า "การแก้ไข"ดังเช่นที่ผ่านมา
(6) แม้ว่า ขณะนี้ยังเป็นเพียงขั้นเริ่มต้นของการดำเนินการ แต่จะเห็นได้ว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่สหภาพยุโรปจะนำนโยบาย IPP มาใช้ในอนาคตอันใกล้นี้ โดยการผลักดันของผู้แทนจากประเทศสวีเดนซึ่งเป็น Presidency ของสหภาพยุโรปในช่วงนี้ (มกราคม- มิถุนายน 2544) นอกจากนี้ กรรมาธิการ(Commissioner) ด้านสิ่งแวดล้อมคนปัจจุบัน (ซึ่งเป็นชาวสวีเดนเช่นกัน) ได้ประกาศแผนปฏิบัติการดัานสิ่งแวดล้อมฉบับที่ 6 เมื่อต้นปีนี้ โดยมี IPP ระบุอยู่ในแผนด้วย
(7) ควรมีการศึกษาและเตรียมการ เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ทันทีเมื่อสหภาพยุโรป ประกาศใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเป็นทางการ รวมทั้งกรณีหากมีประเด็นที่ไทยจำเป็นต้องเจรจาโน้มน้าวเพื่อป้องกันผลกระทบรุนแรงต่อการผลิต-การส่งออกสินค้าไทย ก็จะสามารถดำเนินการได้ทันเวลา
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 82-6623--จบ--
-สส-