นายเชิดชัย ขันธ์นะภา รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยข้อมูลการส่งออก นำเข้าและดุลการค้าตามระบบการผ่านพิธีการศุลกากรประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2544 ดังนั้
การส่งออก
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 1)
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีมูลค่าการส่งออก 228,105 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 24,997 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.31 และเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 5,681 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.55
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีมูลค่าการส่งออก 5,310 ล้านดอลล่าร์สรอ. ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 162 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 2.96 แต่สูงกว่าเดือนที่แล้ว 123 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือ ร้อยละ 0.18 อัตราการขยายตัวของการส่งออกในเดือนนี้ติดลบเป็นเดือนที่สองหลังจากเดือนที่แล้วติดลบเป็นเดือนแรกในรอบ 18 เดือน แต่อัตราการส่งออกที่ลดลงนั้นชะลอตัวลง สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 3 อันดับคือ สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรกรรม และสินค้าประมงคิดเป็นสัดส่วนต่อมูลค่าสินค้าส่งออกทั้งหมดเท่ากับร้อยละ 86.05 6.9 และ 3.16 ตามลำดับ
สัดส่วนการส่งออกในรูปดอลล่าร์สรอ. เดือนกุมภาพันธ์ในตลาดหลักโดยเปรียบเทียบเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ประเทศสหภาพยุโรปสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศอาเซียน มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6 5.0 และ 1.17 ตามลำดับ ยกเว้นญี่ปุ่นที่มีการขยายตัวลดลงร้อยละ 9.5 ใน 2 เดือนแรกของปี 2544 นี้สามารถส่งออกได้รวม 10,497 ล้านดอลล่าร์สรอ. ซึ่งเมื่อเทียบกับ 2 เดือนแรกของปี 2543 ลดลง 365 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือลดลงร้อยละ 3.4 ถ้าพิจารณาเป้าหมายการส่งออกรวมที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ 9.7 (76,650 ล้านดอลล่าร์สรอ.) ในปี 2544 แล้ว ประเทศไทยจะต้องส่งออกให้ได้เฉลี่ย 6,615 ล้านดอลล่าร์สรอ. ต่อเดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป จนถึงสิ้นปี 2544 ซึ่งค่อนข้างเป็นไปได้ยาก
สัดส่วนสินค้าส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2544
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 86% ผลิตภัณฑ์ประมง 3% ผลิตภัณฑ์จากสินแร่ 1%
ผลิตภัณฑ์เกษตรกรรม 7% ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ 0% สินค้าอื่น ๆ 3%
(รายละเอียดตามตารางที่ 2 และ 3)
การนำเข้า
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 4)
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีมูลค่าการนำเข้า 225,251 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 38,228 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.4 และปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา 14,740 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.1
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีมูลค่าการนำเข้า 5,206 ล้านดอลล่าร์สรอ. สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 213 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 4.26 และปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว 351 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 6.32 โดยสินค้าที่มีการนำเข้าส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้าประเภทสินค้าทุนและวัตถุดิบมากกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่านำเข้าทั้งหมดซึ่งสะท้อนถึงความต้องการในการขยายกำลังการผลิตเพื่อผลิตสินค้า
ในส่วนสินค้าอื่นๆ โดยเฉพาะน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์มีสัดส่วนที่ลดลง คือจากร้อยละ 13.14 ในปี 2543 เป็นร้อยละ 8.19 ในปี 2544 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้วปรับตัวลดลง 229.6 ล้านดอลล่าร์สรอ.หรือร้อยละ35 และหมวดสินค้าบริโภคปรับตัวลดลง 26.3 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงมาจากสาเหตุที่สำคัญคือ การลดการบริโภคหลังจากช่วงเวลาเทศกาล และการลดลงของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเนื่องจากราคาที่สูงขึ้น ประกอบกับมีมาตรการลดการนำเข้าต่างๆ เช่นมาตรการนิยมไทย เป็นต้น(รายละเอียดตามตารางที่ 4)
สัดส่วนมูลค่าการนำเข้าในรูปเงินดอลล่าร์สรอ.ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2544 (รายละเอียดตามตารางที่ 5 และ 6)
สินค้าทุน 51% สินค้าอุปโภคและบริโภค 9%
สินค้าขั้นกลางและวัตถุดิบ 25% สินค้าอื่น ๆ 15%
3. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย (รายละเอียดตามตารางที่ 7 และ 8)
ในส่วนของการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีมูลค่าทั้งสิ้น 1,710 ล้านบาท หรือเทียบเท่ากับ 39.3 ล้านดอลล่าร์สรอ. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในรูปเงินบาทส่วนใหญ่ปรับตัวคงที่ถึงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว โดยรวมแล้วเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.38 และเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วส่วนใหญ่มีอัตราลดลง โดยรวมแล้วลดลงร้อยละ 3.02 สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีการนำเข้าสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ นาฬิกาและอุปกรณ์ สุรา กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ น้ำหอมและเครื่องสำอาง และกระเป๋าหนังและเข็มขัด ตามลำดับ อย่างไรก็ดีสัดส่วนการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยต่อมูลค่าการนำเข้าทั้งหมดลดลงจาก ร้อยละ 0.90 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2543 เป็นร้อยละ 0.76 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2544 ร้อยละ 0.03
ถ้าพิจารณาในรูปเงินดอลล่าร์สรอ.นั้น มีการปรับตัวลดลง เมื่อเปรียบเทียบทั้งเดือนเดียวกันปีที่แล้ว และจากเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นเพราะค่าเงินบาทปรับตัวลดลงเป็นสาเหตุสำคัญ
ดุลการค้า
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 9)
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มียอดดุลการค้าเกินดุล 2,854 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20,421 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 116 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมที่ผ่านมาซึ่งมีดุลการค้าขาดดุล 17,567 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ดุลการค้าเกินดุลลดลง 13,231 ล้านบาท หรือ ลดลงร้อยละ 82.3
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มียอดดุลการค้าเกินดุล 104 ล้านดอลล่าร์สรอ. เพิ่มขึ้น 474 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 128 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วซึ่งมีดุลการค้าขาดดุล 370 ล้านดอลล่าร์สรอ. และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้วดุลการค้าเกินดุลลดลง 375 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 78.3 (รายละเอียดตามตารางที่ 9)
ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ดุลการค้ากลับมาเกินดุลการค้าหลังจากขาดดุลเพียงเดือนเดียวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งมีผลกระทบจากการนำเข้าเครื่องบินของบริษัทการบินไทย
สรุป
การนำเข้าในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 ขยายตัวลดลง แต่การส่งออกที่ขยายตัวติดลบเริ่มมีการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเนื่องจากกลุ่มประเทศส่งออกหลักอยู่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจกำลังถดถอย ผลกระทบจากสาเหตุดังกล่าวมีผลต่อการส่งออกและนำเข้าของประเทศโดยตรง ซึ่งทำให้เป้าการส่งออกที่คาดไว้โดยกระทรวงพาณิชย์ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก ประเทศไทยนั้นจะต้องมีการเตรียมการด้วยความรอบคอบในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อให้เสถียรภาพของเศรษฐกิจดำรงอยู่ ถึงแม้ดุลการค้าที่เกินดุลจะลดลง โดยต้องมีนโยบายด้านต่างๆ เพื่อรองรับผลกระทบจากการซบเซาของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น ที่มีต่อภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยโดยประสานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในการออกมาตรการสนับสนุนและกระตุ้นการส่งออกต่างๆ เช่นมาตรการด้านภาษี รวมทั้งกำหนดมาตรการส่งเสริม และเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิตสินค้าส่งออกของไทย ทั้งนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของการผลิตและคุณภาพสินค้า ตลอดจนการขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศที่มีสัดส่วนทางการค้าที่ยังคงต่ำอยู่ เช่นกลุ่มประเทศเอเซียใต้ และ แอฟริกาใต้ นอกจากนี้ ต้องพิจารณานโยบายด้านดุลบริการซึ่งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของภาครวมด้านต่างประเทศ เช่น การส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น
หมายเหตุ : 1. ข้อมูลการส่งออกและนำเข้าตามระบบการผ่านพิธีการศุลกากร (Customs-Clearance System) เป็นข้อมูลที่รวบรวมตามใบขนสินค้าซึ่งผ่านพิธีการศุลกากรระบบข้อมูลนี้ต่างจาก ข้อมูลการนำเข้า และส่งออกที่ใช้เพื่อจัดทำสถิติดุลการชำระเงินของประเทศ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดทำตามระบบดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรวมมูลค่าสินค้านำเข้า และส่งออกเฉพาะที่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ครองระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติ เพื่อใช้วิเคราะห์ฐานะดุลการชำระเงินของประเทศ
2. มูลค่าการนำเข้าและส่งออกในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา คำนวณโดยใชัอัตราแลกเปลี่ยนตามประกาศอัตราแลกเปลี่ยนและการส่งออกของกรมศุลกากรเงินตราต่างประเทศสำหรับการนำเข้าในแต่ละช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง ในการพิจารณากำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย กรมศุลกากรใช้ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้อัตราซื้อสำหรับการส่งออกและอัตราขายสำหรับการนำเข้า
--ข่าวกระทรวงการคลัง กองกลาง สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 24/2544 12 เมษายน 2544--
-รก/อน-
การส่งออก
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 1)
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีมูลค่าการส่งออก 228,105 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 24,997 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.31 และเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 5,681 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.55
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีมูลค่าการส่งออก 5,310 ล้านดอลล่าร์สรอ. ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 162 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 2.96 แต่สูงกว่าเดือนที่แล้ว 123 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือ ร้อยละ 0.18 อัตราการขยายตัวของการส่งออกในเดือนนี้ติดลบเป็นเดือนที่สองหลังจากเดือนที่แล้วติดลบเป็นเดือนแรกในรอบ 18 เดือน แต่อัตราการส่งออกที่ลดลงนั้นชะลอตัวลง สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 3 อันดับคือ สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรกรรม และสินค้าประมงคิดเป็นสัดส่วนต่อมูลค่าสินค้าส่งออกทั้งหมดเท่ากับร้อยละ 86.05 6.9 และ 3.16 ตามลำดับ
สัดส่วนการส่งออกในรูปดอลล่าร์สรอ. เดือนกุมภาพันธ์ในตลาดหลักโดยเปรียบเทียบเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ประเทศสหภาพยุโรปสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศอาเซียน มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6 5.0 และ 1.17 ตามลำดับ ยกเว้นญี่ปุ่นที่มีการขยายตัวลดลงร้อยละ 9.5 ใน 2 เดือนแรกของปี 2544 นี้สามารถส่งออกได้รวม 10,497 ล้านดอลล่าร์สรอ. ซึ่งเมื่อเทียบกับ 2 เดือนแรกของปี 2543 ลดลง 365 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือลดลงร้อยละ 3.4 ถ้าพิจารณาเป้าหมายการส่งออกรวมที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ 9.7 (76,650 ล้านดอลล่าร์สรอ.) ในปี 2544 แล้ว ประเทศไทยจะต้องส่งออกให้ได้เฉลี่ย 6,615 ล้านดอลล่าร์สรอ. ต่อเดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป จนถึงสิ้นปี 2544 ซึ่งค่อนข้างเป็นไปได้ยาก
สัดส่วนสินค้าส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2544
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 86% ผลิตภัณฑ์ประมง 3% ผลิตภัณฑ์จากสินแร่ 1%
ผลิตภัณฑ์เกษตรกรรม 7% ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ 0% สินค้าอื่น ๆ 3%
(รายละเอียดตามตารางที่ 2 และ 3)
การนำเข้า
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 4)
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีมูลค่าการนำเข้า 225,251 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 38,228 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.4 และปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา 14,740 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.1
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีมูลค่าการนำเข้า 5,206 ล้านดอลล่าร์สรอ. สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 213 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 4.26 และปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว 351 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 6.32 โดยสินค้าที่มีการนำเข้าส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้าประเภทสินค้าทุนและวัตถุดิบมากกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่านำเข้าทั้งหมดซึ่งสะท้อนถึงความต้องการในการขยายกำลังการผลิตเพื่อผลิตสินค้า
ในส่วนสินค้าอื่นๆ โดยเฉพาะน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์มีสัดส่วนที่ลดลง คือจากร้อยละ 13.14 ในปี 2543 เป็นร้อยละ 8.19 ในปี 2544 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้วปรับตัวลดลง 229.6 ล้านดอลล่าร์สรอ.หรือร้อยละ35 และหมวดสินค้าบริโภคปรับตัวลดลง 26.3 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงมาจากสาเหตุที่สำคัญคือ การลดการบริโภคหลังจากช่วงเวลาเทศกาล และการลดลงของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเนื่องจากราคาที่สูงขึ้น ประกอบกับมีมาตรการลดการนำเข้าต่างๆ เช่นมาตรการนิยมไทย เป็นต้น(รายละเอียดตามตารางที่ 4)
สัดส่วนมูลค่าการนำเข้าในรูปเงินดอลล่าร์สรอ.ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2544 (รายละเอียดตามตารางที่ 5 และ 6)
สินค้าทุน 51% สินค้าอุปโภคและบริโภค 9%
สินค้าขั้นกลางและวัตถุดิบ 25% สินค้าอื่น ๆ 15%
3. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย (รายละเอียดตามตารางที่ 7 และ 8)
ในส่วนของการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีมูลค่าทั้งสิ้น 1,710 ล้านบาท หรือเทียบเท่ากับ 39.3 ล้านดอลล่าร์สรอ. การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในรูปเงินบาทส่วนใหญ่ปรับตัวคงที่ถึงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว โดยรวมแล้วเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.38 และเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วส่วนใหญ่มีอัตราลดลง โดยรวมแล้วลดลงร้อยละ 3.02 สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีการนำเข้าสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ นาฬิกาและอุปกรณ์ สุรา กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ น้ำหอมและเครื่องสำอาง และกระเป๋าหนังและเข็มขัด ตามลำดับ อย่างไรก็ดีสัดส่วนการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยต่อมูลค่าการนำเข้าทั้งหมดลดลงจาก ร้อยละ 0.90 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2543 เป็นร้อยละ 0.76 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2544 ร้อยละ 0.03
ถ้าพิจารณาในรูปเงินดอลล่าร์สรอ.นั้น มีการปรับตัวลดลง เมื่อเปรียบเทียบทั้งเดือนเดียวกันปีที่แล้ว และจากเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นเพราะค่าเงินบาทปรับตัวลดลงเป็นสาเหตุสำคัญ
ดุลการค้า
1. ในรูปสกุลเงินบาท (รายละเอียดตามตารางที่ 9)
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มียอดดุลการค้าเกินดุล 2,854 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20,421 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 116 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมที่ผ่านมาซึ่งมีดุลการค้าขาดดุล 17,567 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ดุลการค้าเกินดุลลดลง 13,231 ล้านบาท หรือ ลดลงร้อยละ 82.3
2. ในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มียอดดุลการค้าเกินดุล 104 ล้านดอลล่าร์สรอ. เพิ่มขึ้น 474 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 128 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วซึ่งมีดุลการค้าขาดดุล 370 ล้านดอลล่าร์สรอ. และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้วดุลการค้าเกินดุลลดลง 375 ล้านดอลล่าร์สรอ. หรือร้อยละ 78.3 (รายละเอียดตามตารางที่ 9)
ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ดุลการค้ากลับมาเกินดุลการค้าหลังจากขาดดุลเพียงเดือนเดียวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งมีผลกระทบจากการนำเข้าเครื่องบินของบริษัทการบินไทย
สรุป
การนำเข้าในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 ขยายตัวลดลง แต่การส่งออกที่ขยายตัวติดลบเริ่มมีการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเนื่องจากกลุ่มประเทศส่งออกหลักอยู่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจกำลังถดถอย ผลกระทบจากสาเหตุดังกล่าวมีผลต่อการส่งออกและนำเข้าของประเทศโดยตรง ซึ่งทำให้เป้าการส่งออกที่คาดไว้โดยกระทรวงพาณิชย์ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก ประเทศไทยนั้นจะต้องมีการเตรียมการด้วยความรอบคอบในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อให้เสถียรภาพของเศรษฐกิจดำรงอยู่ ถึงแม้ดุลการค้าที่เกินดุลจะลดลง โดยต้องมีนโยบายด้านต่างๆ เพื่อรองรับผลกระทบจากการซบเซาของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น ที่มีต่อภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยโดยประสานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในการออกมาตรการสนับสนุนและกระตุ้นการส่งออกต่างๆ เช่นมาตรการด้านภาษี รวมทั้งกำหนดมาตรการส่งเสริม และเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิตสินค้าส่งออกของไทย ทั้งนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของการผลิตและคุณภาพสินค้า ตลอดจนการขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศที่มีสัดส่วนทางการค้าที่ยังคงต่ำอยู่ เช่นกลุ่มประเทศเอเซียใต้ และ แอฟริกาใต้ นอกจากนี้ ต้องพิจารณานโยบายด้านดุลบริการซึ่งเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของภาครวมด้านต่างประเทศ เช่น การส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น
หมายเหตุ : 1. ข้อมูลการส่งออกและนำเข้าตามระบบการผ่านพิธีการศุลกากร (Customs-Clearance System) เป็นข้อมูลที่รวบรวมตามใบขนสินค้าซึ่งผ่านพิธีการศุลกากรระบบข้อมูลนี้ต่างจาก ข้อมูลการนำเข้า และส่งออกที่ใช้เพื่อจัดทำสถิติดุลการชำระเงินของประเทศ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดทำตามระบบดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรวมมูลค่าสินค้านำเข้า และส่งออกเฉพาะที่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ครองระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติ เพื่อใช้วิเคราะห์ฐานะดุลการชำระเงินของประเทศ
2. มูลค่าการนำเข้าและส่งออกในรูปสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา คำนวณโดยใชัอัตราแลกเปลี่ยนตามประกาศอัตราแลกเปลี่ยนและการส่งออกของกรมศุลกากรเงินตราต่างประเทศสำหรับการนำเข้าในแต่ละช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง ในการพิจารณากำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย กรมศุลกากรใช้ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยใช้อัตราซื้อสำหรับการส่งออกและอัตราขายสำหรับการนำเข้า
--ข่าวกระทรวงการคลัง กองกลาง สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 24/2544 12 เมษายน 2544--
-รก/อน-