1.สถานการณ์สินค้า
1.1 สินค้าทีมีปัญหา
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่มีปัญหา
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวังกาแฟ : อคส. จะเข้ารับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกร ในฤดูกาลผลิต ปี 2543/44
ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดคะเนผลผลิตกาแฟฤดูการผลิตปี 2543/44 ล่าสุดจะมีประมาณ 82,595 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 80,293 ตัน ของปีที่ผ่านมาหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.87 และผลผลิตต่อไร่ 202 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจาก 197 กิโลกรัมของปีที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.54 เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการติดดอกออกผล ประกอบกับมีพื้นที่ให้ผลเพิ่มขึ้น จากการขยายพื้นที่ปลูกในช่วงปี 2539/40 อันเป็นผลจากราคาในช่วงดังกล่าวอยู่ในระดับสูง ผลผลิตต่อไร่ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่อกิโลกรัมลดลงจาก 32.94 บาทต่อกิโลกรัมในปี 2543 เหลือ 31.91 บาท ในปี 2543/44 ผลผลิตดังกล่าว สมาคมชาวสวนกาแฟไทยและผู้ประกอบการค้ากาแฟ คาดว่าอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 85,000 - 90,000 ตัน ผลผลิตคาดว่าจะนำมาใช้บริโภคภายในประเทศประมาณ 30,000 ตัน และเหลือส่งออก 55,000 ตัน สำหรับสถานการณ์ในตลาดโลก ขณะนี้ราคาซื้อขายล่วงหน้ากาแฟโรบัสตาตลาดลอนดอน (4 -15 กันยายน 2543) ส่งมอบเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2544 เฉลี่ยตันละ 853 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 35.92 บาท/กก. (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 42.11 บาท) เป็นราคาที่ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ราคาดังกล่าว เมื่อคำนวณเป็นราคาที่เกษตรกรจะได้รับ ณ ไร่นา ประมาณกิโลกรัมละ 20.89 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือนร้อนจากราคาตกต่ำได้
กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จึงได้จัดให้มีการประชุมระหว่างหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนเกษตรกรและผู้ประกอบการ เพื่อประเมินสถานการณ์การผลิตและการตลาดเมล็ดกาแฟ ฤดูการผลิตปี 2543/44 และกำหนดแนวทาง/มาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2543 โดยมีนายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และที่ประชุมมีมติให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้เข้ารับซื้อเมล็ดกาแฟ ณ จังหวัดที่เป็นแหล่งผลิต ในราคาเป้าหมายนำกิโลกรัมละ 32 บาท จำนวน 55,000 ตัน แล้วขายให้ผู้ส่งออกโดยราคาในเบื้องต้นกำหนดที่กิโลกรัมละ 20.89 บาท อย่างไรก็ตาม ก่อนจะมีการนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เพื่อพิจารณาขอใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (กชก.) ต่อไปนั้น ราคาที่ผู้ส่งออกจะซื้อ (20.89 บาท) อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามราคาในตลาดโลกขณะนั้นได้ และวงเงินที่จะนำมาใช้ในการแทรกแซงตลาดเพื่อชดเชยส่วนต่าง คาดว่าจะใช้ประมาณ 600 ล้านบาท
ข้อเสนอแนะ
เนื่องจากผลผลิตกาแฟปี 2543/44 จะเริ่มเก็บเกี่ยวตั้งแต่ตุลาคม 2543 เป็นต้นไปจนถึงกุมภาพันธ์ 2544 ดังนั้น กรมส่งเสริมการเกษตร จะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเข้าใจถึงสถานการณ์ดังกล่าว และจะต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตพร้อมทั้งตากแห้งให้ได้คุณภาพมากที่สุดด้วย
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 37 ประจำวันที่ 18-24 ก.ย. 2543--
-สส-
1.1 สินค้าทีมีปัญหา
สัปดาห์นี้ไม่มีสินค้าที่มีปัญหา
1.2 สินค้าที่ต้องคอยเฝ้าระวังกาแฟ : อคส. จะเข้ารับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกร ในฤดูกาลผลิต ปี 2543/44
ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดคะเนผลผลิตกาแฟฤดูการผลิตปี 2543/44 ล่าสุดจะมีประมาณ 82,595 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 80,293 ตัน ของปีที่ผ่านมาหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.87 และผลผลิตต่อไร่ 202 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจาก 197 กิโลกรัมของปีที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.54 เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการติดดอกออกผล ประกอบกับมีพื้นที่ให้ผลเพิ่มขึ้น จากการขยายพื้นที่ปลูกในช่วงปี 2539/40 อันเป็นผลจากราคาในช่วงดังกล่าวอยู่ในระดับสูง ผลผลิตต่อไร่ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่อกิโลกรัมลดลงจาก 32.94 บาทต่อกิโลกรัมในปี 2543 เหลือ 31.91 บาท ในปี 2543/44 ผลผลิตดังกล่าว สมาคมชาวสวนกาแฟไทยและผู้ประกอบการค้ากาแฟ คาดว่าอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 85,000 - 90,000 ตัน ผลผลิตคาดว่าจะนำมาใช้บริโภคภายในประเทศประมาณ 30,000 ตัน และเหลือส่งออก 55,000 ตัน สำหรับสถานการณ์ในตลาดโลก ขณะนี้ราคาซื้อขายล่วงหน้ากาแฟโรบัสตาตลาดลอนดอน (4 -15 กันยายน 2543) ส่งมอบเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2544 เฉลี่ยตันละ 853 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 35.92 บาท/กก. (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 42.11 บาท) เป็นราคาที่ต่ำสุดในรอบ 10 ปี ราคาดังกล่าว เมื่อคำนวณเป็นราคาที่เกษตรกรจะได้รับ ณ ไร่นา ประมาณกิโลกรัมละ 20.89 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือนร้อนจากราคาตกต่ำได้
กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จึงได้จัดให้มีการประชุมระหว่างหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนเกษตรกรและผู้ประกอบการ เพื่อประเมินสถานการณ์การผลิตและการตลาดเมล็ดกาแฟ ฤดูการผลิตปี 2543/44 และกำหนดแนวทาง/มาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2543 โดยมีนายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และที่ประชุมมีมติให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้เข้ารับซื้อเมล็ดกาแฟ ณ จังหวัดที่เป็นแหล่งผลิต ในราคาเป้าหมายนำกิโลกรัมละ 32 บาท จำนวน 55,000 ตัน แล้วขายให้ผู้ส่งออกโดยราคาในเบื้องต้นกำหนดที่กิโลกรัมละ 20.89 บาท อย่างไรก็ตาม ก่อนจะมีการนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เพื่อพิจารณาขอใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (กชก.) ต่อไปนั้น ราคาที่ผู้ส่งออกจะซื้อ (20.89 บาท) อาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามราคาในตลาดโลกขณะนั้นได้ และวงเงินที่จะนำมาใช้ในการแทรกแซงตลาดเพื่อชดเชยส่วนต่าง คาดว่าจะใช้ประมาณ 600 ล้านบาท
ข้อเสนอแนะ
เนื่องจากผลผลิตกาแฟปี 2543/44 จะเริ่มเก็บเกี่ยวตั้งแต่ตุลาคม 2543 เป็นต้นไปจนถึงกุมภาพันธ์ 2544 ดังนั้น กรมส่งเสริมการเกษตร จะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเข้าใจถึงสถานการณ์ดังกล่าว และจะต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตพร้อมทั้งตากแห้งให้ได้คุณภาพมากที่สุดด้วย
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 37 ประจำวันที่ 18-24 ก.ย. 2543--
-สส-