กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวว่า เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2543 ได้เชิญผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในบริเวณกรุงโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมประชุมหารือกับทีมประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยเอกอัครราชทูต อัครราชทูตฝ่ายการพาณิชย์ อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการเกษตร ฝ่ายอุตสาหกรรม ฝ่ายแรงงาน และผู้อำนวยการสำนักงาน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศประจำกรุงโตเกียวเข้าร่วมหารือด้วย สรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. การจัดงาน Thai Food Festival
สถานเอกอัครราชทูตฯ กำหนดจัดงาน Thai Food Festival ระหว่างวันที่ 30
กันยายน — 1 ตุลาคม 2543 เพื่อส่งเสริมเผยแพร่อาหารไทย และศิลปวัฒนธรรมไทย รวมทั้งจะสนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรของไทยสู่ตลาดญี่ปุ่นให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยได้รับอนุมัติจาก
เทศบาลกรุงโตเกียว ให้ใช้สวนโยโยกิซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีความเหมาะที่สุดกลางกรุงโตเกียวเป็นสถานที่จัดงานดังกล่าว ทั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยมีความกระตือรือร้นและสนใจที่จะเข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ประกอบการฯ 20 รายได้แสดงความประสงค์ที่จะเข้าร่วมออกร้านในงานดังกล่าว
2. การคัดเลือกร้านอาหารไทยเพื่อใช้ตราสินค้าไทย
เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวได้แจ้งวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าวว่า เพื่อ
ส่งเสริมร้านอาหารไทยให้มีมาตรฐานด้านอาหารและการบริการ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการของรัฐบาลโดยการดำเนินการของกระทรวงการพาณิชย์ และทำการส่งเสริมไปทั่วโลก รวมทั้งแจ้งให้ทราบถึงผลประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับและหลักเกณฑ์การพิจารณาของคณะกรรมการในการคัดเลือกร้านอาหารไทยเพื่อใช้ตราสินค้าไทย ซึ่งที่ประชุมได้หารือในเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะหลักเกณฑ์การพิจารณาในเรื่องนี้เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายคือ ภาครัฐและผู้ประกอบการสามารถได้รับประโยชน์ร่วมกัน
3. การดำเนินการเพื่อสนับสนุนการใช้ข้าวหอมมะลิในร้านอาหารไทย
เอกอัครราชทูตฯ แจ้งที่ประชุมว่า ทีมประเทศไทยกำลังผลักดันกับหน่วยราชการ
ที่เกี่ยวข้องของญี่ปุ่นเพื่อให้สามารถนำเข้าข้าวหอมมะลิในกรอบของ General Import และหรือ SBS เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อข้าวหอมมะลิในตลาดได้มากขึ้น และจะช่วยให้ข้าวหอมมะลิที่นำเข้ามีราคาต่ำกว่าการนำเข้าโดยการเสียภาษีตามปรกติ ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แสดงความเห็นด้วยต่อ
การดำเนินงานและความพยายามของสถานเอกอัครราชทูตฯ ในการเจรจาต่อรองกับฝ่ายญี่ปุ่นในเรื่องนี้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำเข้าข้าวหอมมะลิไปใช้ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันข้าวหอมมะลิมีราคาสูงมากและไม่สามารถหาซื้อได้ในท้องตลาด
4. การจัดตั้งชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารไทย
เอกอัครราชทูตฯ แจ้งที่ประชุมว่า การจัดตั้งชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารไทยขึ้น
จะช่วยให้การประสานงานระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจให้
ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ซึ่งที่ประชุมแสดงความเห็นชอบในเรื่องการจัดตั้งชมรมดังกล่าว และในขั้นต้นได้คัดเลือกผู้ประกอบการฯ จำนวน 5 คน ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการ ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ดังกล่าวจะได้มีการหารือกับสถานเอกอัครราชทูตฯ ในรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องต่างๆ ต่อไป--จบ--
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวว่า เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2543 ได้เชิญผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในบริเวณกรุงโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมประชุมหารือกับทีมประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยเอกอัครราชทูต อัครราชทูตฝ่ายการพาณิชย์ อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการเกษตร ฝ่ายอุตสาหกรรม ฝ่ายแรงงาน และผู้อำนวยการสำนักงาน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศประจำกรุงโตเกียวเข้าร่วมหารือด้วย สรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. การจัดงาน Thai Food Festival
สถานเอกอัครราชทูตฯ กำหนดจัดงาน Thai Food Festival ระหว่างวันที่ 30
กันยายน — 1 ตุลาคม 2543 เพื่อส่งเสริมเผยแพร่อาหารไทย และศิลปวัฒนธรรมไทย รวมทั้งจะสนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรของไทยสู่ตลาดญี่ปุ่นให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยได้รับอนุมัติจาก
เทศบาลกรุงโตเกียว ให้ใช้สวนโยโยกิซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีความเหมาะที่สุดกลางกรุงโตเกียวเป็นสถานที่จัดงานดังกล่าว ทั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยมีความกระตือรือร้นและสนใจที่จะเข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ประกอบการฯ 20 รายได้แสดงความประสงค์ที่จะเข้าร่วมออกร้านในงานดังกล่าว
2. การคัดเลือกร้านอาหารไทยเพื่อใช้ตราสินค้าไทย
เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวได้แจ้งวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าวว่า เพื่อ
ส่งเสริมร้านอาหารไทยให้มีมาตรฐานด้านอาหารและการบริการ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการของรัฐบาลโดยการดำเนินการของกระทรวงการพาณิชย์ และทำการส่งเสริมไปทั่วโลก รวมทั้งแจ้งให้ทราบถึงผลประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับและหลักเกณฑ์การพิจารณาของคณะกรรมการในการคัดเลือกร้านอาหารไทยเพื่อใช้ตราสินค้าไทย ซึ่งที่ประชุมได้หารือในเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะหลักเกณฑ์การพิจารณาในเรื่องนี้เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายคือ ภาครัฐและผู้ประกอบการสามารถได้รับประโยชน์ร่วมกัน
3. การดำเนินการเพื่อสนับสนุนการใช้ข้าวหอมมะลิในร้านอาหารไทย
เอกอัครราชทูตฯ แจ้งที่ประชุมว่า ทีมประเทศไทยกำลังผลักดันกับหน่วยราชการ
ที่เกี่ยวข้องของญี่ปุ่นเพื่อให้สามารถนำเข้าข้าวหอมมะลิในกรอบของ General Import และหรือ SBS เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อข้าวหอมมะลิในตลาดได้มากขึ้น และจะช่วยให้ข้าวหอมมะลิที่นำเข้ามีราคาต่ำกว่าการนำเข้าโดยการเสียภาษีตามปรกติ ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แสดงความเห็นด้วยต่อ
การดำเนินงานและความพยายามของสถานเอกอัครราชทูตฯ ในการเจรจาต่อรองกับฝ่ายญี่ปุ่นในเรื่องนี้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำเข้าข้าวหอมมะลิไปใช้ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันข้าวหอมมะลิมีราคาสูงมากและไม่สามารถหาซื้อได้ในท้องตลาด
4. การจัดตั้งชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารไทย
เอกอัครราชทูตฯ แจ้งที่ประชุมว่า การจัดตั้งชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารไทยขึ้น
จะช่วยให้การประสานงานระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจให้
ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ซึ่งที่ประชุมแสดงความเห็นชอบในเรื่องการจัดตั้งชมรมดังกล่าว และในขั้นต้นได้คัดเลือกผู้ประกอบการฯ จำนวน 5 คน ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการ ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ดังกล่าวจะได้มีการหารือกับสถานเอกอัครราชทูตฯ ในรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องต่างๆ ต่อไป--จบ--