ข่าวในประเทศ
1. ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไปควรมุ่งเน้นที่นโยบายการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ธปท.ได้ดำเนินนโยบายการเงินผ่านเครื่องมือทางการเงินที่มีอยู่ครบทุกประเภท ทั้งอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย และปริมาณเงิน โดยไม่สามารถที่จะดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนให้อ่อนค่าลงอีกได้ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อภาระหนี้ต่างประเทศมากเกินไป ดังนั้น การดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป ควรมุ่งเน้นไปที่นโยบายการคลัง โดยเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐไปยังพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ รวมทั้งผลักดันราคาสินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มอำนาจการใช้จ่ายของคนในชนบท ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการขยายตัวด้านกำลังซื้อโดยรวมของประเทศ ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 และหากขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจะช่วยทดแทนการส่งออกที่ลดลงได้(ไทยโพสต์ 17)
2. ธปท. เตรียมเพิ่มประเภทหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อกระตุ้น ธพ. ปล่อยสินเชื่อสนับสนุนเอสเอ็มอี ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. เตรียมหาแนวทางเพิ่มหลักทรัพย์ค้ำประกันใหม่ ๆ เพื่อนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันการขอสินเชื่อจาก ธพ. เพิ่มเติม เพราะมีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และบริษัทเกิดใหม่ไม่สามารถขอสินเชื่อจาก ธพ. ได้ เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมเงิน โดยในขั้นแรกอาจให้บริษัทที่ขอสินเชื่อต้องมีทุนเป็นของตนเองและขอสินเชื่อเพิ่มเติมจาก ธพ. ส่วนหนึ่ง นอกจากนี้อาจใช้สินค้าคงคลัง หรือใบสั่งซื้อสินค้าที่มีการรับรองชัดเจนจากบริษัทผู้สั่งสินค้า เป็นต้น เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน โดยจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายและรัฐบาลต้องดูแลในเรื่องนี้เพิ่มขึ้น (ไทยรัฐ, โลกวันนี้, แนวหน้า 17)
3. ธปท.ทบทวนเกณฑ์การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องรายปักษ์ของสถาบันการเงิน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องรายปักษ์ ที่ปัจจุบันกำหนดให้สถาบันการเงินดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องไว้ที่ระดับร้อยละ 6 ของเงินฝาก แบ่งเป็นเงินสดที่ต้องฝากที่ ธปท.ร้อยละ 1 ที่เหลืออีกร้อยละ 5 สำรองเป็นเงินสดและ พธบ.ไว้ที่สถาบันการเงิน โดย ธปท.อาจปรับลดสัดส่วนหรือยกเลิกการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องรายปักษ์ ในกรณีที่สถาบันการเงินมีแผนรองรับภาวะขาดสภาพคล่องระยะสั้นตามที่ ธปท.กำหนด ทั้งนี้เพราะเห็นว่าการดำรงสินทรัพย์ที่กำหนดไว้ไม่สามารถรองรับทุกสถานการณ์ เนื่องจากสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีการบริหารสินทรัพย์และหนี้สินต่างกัน ทำให้ความจำเป็นในการใช้สภาพคล่องต่างกันหากกำหนดเกณฑ์ที่ตายตัวจะเป็นข้อจำกัดในการบริหาร(เดลินิวส์, ไทยโพสต์ 17)
4. ก.พาณิชย์คาดว่าการส่งออกในปี 44 จะขยายตัวติดลบไม่เกินร้อยละ 3 รมช.พาณิชย์ คาดว่าในปี 44 การส่งสินค้าออกจะมีอัตราการขยายตัวติดลบไม่เกินร้อยละ 3 หรือมีมูลค่าการส่งออกรวมประมาณ 6 หมื่น ล.ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากในเดือน ส.ค.-ก.ย. 44 น้ำมันมีราคาลดลงจึงทำให้การส่งออกขยายตัวดีขึ้น ในขณะที่ดุลการค้าทั้งปียังเกินดุลประมาณ 4-5 พัน ล.ดอลลาร์(บ้านเมือง, ไทยรัฐ 17)
ข่าวต่างประเทศ
1. ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ลดลงร้อยละ 1.0 ในเดือน ก.ย.44 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 16 ต.ค.44 ธ.กลาง สรอ. รายงานว่า เดือน ก.ย.44 ตัวเลขหลังปรับฤดูกาลของผลผลิตอุตสาหกรรมโดยรวมลดลงร้อยละ 1.0 เทียบต่อเดือน หลังจากลดลงร้อยละ 0.7 ในเดือน ส.ค. และร้อยละ 0.1 ในเดือน ก.ค. และเมื่อเทียบต่อปี ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย.44 ลดลงร้อยละ 5.8 เป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 12 เดือน และยาวนานที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ย.87 - ต.ค.88) ซึ่งการลดลงของผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย.44 ที่ลดลงร้อยละ 1.0 นั้น ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 0.8 สำหรับการใช้กำลังการผลิตโดยรวมหลังปรับฤดูกาลในเดือน ก.ย.44 ก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 75.5 จากร้อยละ 76.4 ในเดือน ส.ค.44 ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.26 และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 75.4 ในส่วนของอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งมีสัดส่วนใหญ่ที่สุดของภาคการผลิตฯ โดยรวม ลดลงร้อยละ 1.1 ในเดือน ก.ย.44 เทียบกับเดือน ส.ค.44 ที่ลดลงร้อยละ 0.9 นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงการอ่อนแอที่แท้จริงของภาคอุตสาหกรรมฯ และจะยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวใดๆในระยะอันใกล้ ถ้าดอลลาร์ สรอ.ยังแข็งค่า และอุปสงค์ทั่วโลกยังไม่สามารถคลี่คลายได้(รอยเตอร์ 16)
2. ธ.โลกประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สรอ. ปี 44 อยู่ที่ร้อยละ 1.1 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 17 ต.ค.44 ธ.โลกคาดการณ์ว่า ปี 44 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สรอ.จะอยู่ที่ร้อยละ 1.1 และปี 45 อยู่ที่ร้อยละ 1.0 ส่วนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ในปี 44 และ 45 จะอยู่ที่ร้อยละ 0.8 และร้อยละ 0.1ตามลำดับ ขณะที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในเขตยูโร (Euro zone) ในปี 44 จะอยู่ที่ร้อยละ 1.5 และร้อยละ 1.3ในปี 45 ทั้งนี้เหตุผลสำคัญเนื่องมาจากการก่อวินาศกรรมใน สรอ. เมื่อ 11 ก.ย.44 ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งใน สรอ.และทั่วโลก(รอยเตอร์ 17)
3 ยอดขายสินค้าของห้างสรรพสินค้าในโตเกียวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ย. 44 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 16 ต.ค.44 สมาคมห้างสรรพสินค้าของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 44 ยอดขายของห้างสรรพสินค้าในเขตโตเกียว มีจำนวน157.14 พัน ล. เยน (1.30 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เทียบต่อปี นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ยอดขายสินค้าของห้างสรรพสินค้า ถูกใช้เป็นเครื่องชี้ที่สำคัญสำหรับการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ใหญ่สุดและเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ซบเซาสุดของเศรษฐกิจในขณะนี้ที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอย(รอยเตอร์16)
4. ผลผลิตอุตสาหกรรมของจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 เทียบต่อปีในเดือน ก.ย. 44 รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 16 ก.ย.44 สำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของจีนในเดือน ก.ย. 44 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 จากเดือน ก.ย. 43 และในช่วง 8 เดือนแรกปี 44 ผลผลิตฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เทียบต่อปี แต่ยอดขายผลผลิตอุตสาหกรรมในต่างประเทศลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของจีน(รอยเตอร์16)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 16 ต.ค.44 44.613 (44.633)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 16 ต.ค. 44ซื้อ 44.4226 (44.4691) ขาย 44.7221 (44.7638)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,950 (5,950) ขาย 6,050 (6,050)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 20.29 (20.36)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 14.49 (14.49) ดีเซลหมุนเร็ว 13.19 (13.19)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไปควรมุ่งเน้นที่นโยบายการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ธปท.ได้ดำเนินนโยบายการเงินผ่านเครื่องมือทางการเงินที่มีอยู่ครบทุกประเภท ทั้งอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย และปริมาณเงิน โดยไม่สามารถที่จะดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนให้อ่อนค่าลงอีกได้ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อภาระหนี้ต่างประเทศมากเกินไป ดังนั้น การดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป ควรมุ่งเน้นไปที่นโยบายการคลัง โดยเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐไปยังพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ รวมทั้งผลักดันราคาสินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มอำนาจการใช้จ่ายของคนในชนบท ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการขยายตัวด้านกำลังซื้อโดยรวมของประเทศ ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 และหากขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจะช่วยทดแทนการส่งออกที่ลดลงได้(ไทยโพสต์ 17)
2. ธปท. เตรียมเพิ่มประเภทหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อกระตุ้น ธพ. ปล่อยสินเชื่อสนับสนุนเอสเอ็มอี ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. เตรียมหาแนวทางเพิ่มหลักทรัพย์ค้ำประกันใหม่ ๆ เพื่อนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันการขอสินเชื่อจาก ธพ. เพิ่มเติม เพราะมีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และบริษัทเกิดใหม่ไม่สามารถขอสินเชื่อจาก ธพ. ได้ เนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้ยืมเงิน โดยในขั้นแรกอาจให้บริษัทที่ขอสินเชื่อต้องมีทุนเป็นของตนเองและขอสินเชื่อเพิ่มเติมจาก ธพ. ส่วนหนึ่ง นอกจากนี้อาจใช้สินค้าคงคลัง หรือใบสั่งซื้อสินค้าที่มีการรับรองชัดเจนจากบริษัทผู้สั่งสินค้า เป็นต้น เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน โดยจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายและรัฐบาลต้องดูแลในเรื่องนี้เพิ่มขึ้น (ไทยรัฐ, โลกวันนี้, แนวหน้า 17)
3. ธปท.ทบทวนเกณฑ์การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องรายปักษ์ของสถาบันการเงิน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องรายปักษ์ ที่ปัจจุบันกำหนดให้สถาบันการเงินดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องไว้ที่ระดับร้อยละ 6 ของเงินฝาก แบ่งเป็นเงินสดที่ต้องฝากที่ ธปท.ร้อยละ 1 ที่เหลืออีกร้อยละ 5 สำรองเป็นเงินสดและ พธบ.ไว้ที่สถาบันการเงิน โดย ธปท.อาจปรับลดสัดส่วนหรือยกเลิกการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องรายปักษ์ ในกรณีที่สถาบันการเงินมีแผนรองรับภาวะขาดสภาพคล่องระยะสั้นตามที่ ธปท.กำหนด ทั้งนี้เพราะเห็นว่าการดำรงสินทรัพย์ที่กำหนดไว้ไม่สามารถรองรับทุกสถานการณ์ เนื่องจากสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีการบริหารสินทรัพย์และหนี้สินต่างกัน ทำให้ความจำเป็นในการใช้สภาพคล่องต่างกันหากกำหนดเกณฑ์ที่ตายตัวจะเป็นข้อจำกัดในการบริหาร(เดลินิวส์, ไทยโพสต์ 17)
4. ก.พาณิชย์คาดว่าการส่งออกในปี 44 จะขยายตัวติดลบไม่เกินร้อยละ 3 รมช.พาณิชย์ คาดว่าในปี 44 การส่งสินค้าออกจะมีอัตราการขยายตัวติดลบไม่เกินร้อยละ 3 หรือมีมูลค่าการส่งออกรวมประมาณ 6 หมื่น ล.ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากในเดือน ส.ค.-ก.ย. 44 น้ำมันมีราคาลดลงจึงทำให้การส่งออกขยายตัวดีขึ้น ในขณะที่ดุลการค้าทั้งปียังเกินดุลประมาณ 4-5 พัน ล.ดอลลาร์(บ้านเมือง, ไทยรัฐ 17)
ข่าวต่างประเทศ
1. ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ.ลดลงร้อยละ 1.0 ในเดือน ก.ย.44 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 16 ต.ค.44 ธ.กลาง สรอ. รายงานว่า เดือน ก.ย.44 ตัวเลขหลังปรับฤดูกาลของผลผลิตอุตสาหกรรมโดยรวมลดลงร้อยละ 1.0 เทียบต่อเดือน หลังจากลดลงร้อยละ 0.7 ในเดือน ส.ค. และร้อยละ 0.1 ในเดือน ก.ค. และเมื่อเทียบต่อปี ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย.44 ลดลงร้อยละ 5.8 เป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 12 เดือน และยาวนานที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ย.87 - ต.ค.88) ซึ่งการลดลงของผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย.44 ที่ลดลงร้อยละ 1.0 นั้น ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 0.8 สำหรับการใช้กำลังการผลิตโดยรวมหลังปรับฤดูกาลในเดือน ก.ย.44 ก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 75.5 จากร้อยละ 76.4 ในเดือน ส.ค.44 ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.26 และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ 75.4 ในส่วนของอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งมีสัดส่วนใหญ่ที่สุดของภาคการผลิตฯ โดยรวม ลดลงร้อยละ 1.1 ในเดือน ก.ย.44 เทียบกับเดือน ส.ค.44 ที่ลดลงร้อยละ 0.9 นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงการอ่อนแอที่แท้จริงของภาคอุตสาหกรรมฯ และจะยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวใดๆในระยะอันใกล้ ถ้าดอลลาร์ สรอ.ยังแข็งค่า และอุปสงค์ทั่วโลกยังไม่สามารถคลี่คลายได้(รอยเตอร์ 16)
2. ธ.โลกประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สรอ. ปี 44 อยู่ที่ร้อยละ 1.1 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 17 ต.ค.44 ธ.โลกคาดการณ์ว่า ปี 44 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สรอ.จะอยู่ที่ร้อยละ 1.1 และปี 45 อยู่ที่ร้อยละ 1.0 ส่วนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ในปี 44 และ 45 จะอยู่ที่ร้อยละ 0.8 และร้อยละ 0.1ตามลำดับ ขณะที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในเขตยูโร (Euro zone) ในปี 44 จะอยู่ที่ร้อยละ 1.5 และร้อยละ 1.3ในปี 45 ทั้งนี้เหตุผลสำคัญเนื่องมาจากการก่อวินาศกรรมใน สรอ. เมื่อ 11 ก.ย.44 ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งใน สรอ.และทั่วโลก(รอยเตอร์ 17)
3 ยอดขายสินค้าของห้างสรรพสินค้าในโตเกียวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ย. 44 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 16 ต.ค.44 สมาคมห้างสรรพสินค้าของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 44 ยอดขายของห้างสรรพสินค้าในเขตโตเกียว มีจำนวน157.14 พัน ล. เยน (1.30 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เทียบต่อปี นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ยอดขายสินค้าของห้างสรรพสินค้า ถูกใช้เป็นเครื่องชี้ที่สำคัญสำหรับการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ใหญ่สุดและเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ซบเซาสุดของเศรษฐกิจในขณะนี้ที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอย(รอยเตอร์16)
4. ผลผลิตอุตสาหกรรมของจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 เทียบต่อปีในเดือน ก.ย. 44 รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 16 ก.ย.44 สำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของจีนในเดือน ก.ย. 44 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 จากเดือน ก.ย. 43 และในช่วง 8 เดือนแรกปี 44 ผลผลิตฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เทียบต่อปี แต่ยอดขายผลผลิตอุตสาหกรรมในต่างประเทศลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของจีน(รอยเตอร์16)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 16 ต.ค.44 44.613 (44.633)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 16 ต.ค. 44ซื้อ 44.4226 (44.4691) ขาย 44.7221 (44.7638)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,950 (5,950) ขาย 6,050 (6,050)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 20.29 (20.36)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 14.49 (14.49) ดีเซลหมุนเร็ว 13.19 (13.19)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-