ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ฟิทช์ เรทติ้ง ปรับขึ้นอันดับความน่าเชื่อถือทั้งสกุลเงินในและต่างประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือฟิทช์ เรทติ้ง ปรับขึ้นอันดับความน่าเชื่อถือ
สกุลเงินตราต่างประเทศระยะยาวของไทยจาก BBB เป็น BBB+ และอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินบาทภายใน
ประเทศระยะยาวจาก A- เป็น A และคงอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินตราต่างประเทศระยะสั้นที่ F3 รวมถึงปรับ
เพิ่มความน่าเชื่อถืออัตราแลกเปลี่ยนในประเทศจาก BBB+ เป็น A- และมุมมองอัตราแลกเปลี่ยนของไทยว่ามี
เสถียรภาพนั้น เป็นเรื่องที่ดีในด้านการเงินของประเทศ เนื่องจากต่างชาติจะมีความเชื่อมั่นในอัตราแลกเปลี่ยนและ
ระบบการเงินของไทยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ธปท.ได้ดูแลอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเตรียมมาตรการ
รองรับกรณีที่ค่าเงินบาทจะแข็งขึ้นหากได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน,
โพสต์ทูเดย์, เดลินิวส์, บ้านเมือง, มติชน, แนวหน้า)
2. ธปท.ให้สถาบันการเงินที่ประกอบธุรกิจเช่าซื้อทำประกันภัยทรัพย์สินที่ให้สินเชื่อ รายงานจาก
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ประกาศหลักเกณฑ์ให้ ธพ. บง. และ บค.ที่ประกอบธุรกิจ
ธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย (ธย.) ที่ให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลิสซิ่งต้องลดความเสี่ยงต่อความเสียหายของ
ทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลิสซิ่งลงมา โดยต้องทำประกันภัยทรัพย์สินที่ปล่อยกู้ในธุรกิจดังกล่าว และให้ ธพ.
เป็นผู้รับประโยชน์ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.48 นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ ธย.
คำนวณจำนวนเงินสูงสุดที่สามารถลงทนุในทรัพย์สินเพื่อให้เช่าซื้อหรือให้เช่าแบบลิสซิ่งแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยให้
ถือเสมือนเป็นการให้สินเชื่อรูปแบบหนึ่ง และให้ ธย.นับธุรกรรมให้สินเชื่อหรือลงทุนในกิจการหรือก่อภาระผูกพันเพื่อ
บุคคลใดบุคคลหนึ่ง รวมเข้ากับธุรกรรมการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลิสซิ่ง ธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชนและธุรกรรม
แฟกตอริ่งของบุคคลนั้น และต้องทำประกันภัยจากสินเชื่อที่ปล่อยสินเชื่อไป (โพสต์ทูเดย์, มติชน)
3. กบข.ขออนุมัติการลงทุนในต่างประเทศจาก ธปท.เพิ่มอีก 600 ล้านดอลลาร์ สรอ. เลขาธิการ
คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข.ได้ขออนุมัติการลงทุนในต่างประเทศ
จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพิ่มอีก 600 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท เพื่อให้
เต็มเพดานการลงทุนต่างประเทศร้อยละ 10 จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 4.09 ของสินทรัพย์รวม 2.4 แสนล้านบาท
โดยคาดว่าจะได้รับอนุมัติภายในเดือน พ.ค.นี้ ทั้งนี้ ปัจจุบัน กบข.มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ
ร้อยละ 3.5 และตราสารทุนต่างประเทศร้อยละ 0.94 ซึ่งภายหลังได้รับอนุมัติจาก ธปท.แล้ว กบข.จะนำเงินไป
ลงทุนในตราสารหนี้โลกร้อยละ 60 และตราสารทุนในตลาดโลกร้อยละ 40 คาดว่าปีนี้จะเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ
เป็นร้อยละ 8 วงเงินการลงทุนประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ สรอ. (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, บ้านเมือง)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ. ขาดดุลการค้าลดลงในเดือนมี.ค. 48 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 48
รัฐบาลสรอ. เปิดเผยว่า ในเดือนมี.ค. ดุลการค้าสรอ.ขาดดุลลดลงร้อยละ 9.2 อยู่ที่ระดับ 55 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.
ลดลงมากที่สุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากการส่งออกเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดขณะที่การนำเข้าสินค้าจากจีนลดลง สร้างความ
ประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ก่อนหน้านั้นและอาจจะต้องปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ของไตรมาสแรกใหม่เป็นร้อยละ 3.9 จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 3.1 ซี่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลง
อย่างมาก อย่างไรก็ตามยังเป็นที่น่าสงสัยว่าการปรับตัวดีขึ้นของดุลการค้าดังกล่าวจะยั่งยืนหรือไม่ ก่อนหน้านั้น
นักวิเคราะห์คาดว่าระดับราคาน้ำมันที่สูงประกอบกับสินค้าสิ่งทอที่นำเข้าจำนวนมากจากจีนจะทำให้สรอ.ขาดดุลการค้า
ประมาณ 61.5 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งอาจจะเป็นสถิติใหม่ ทั้งนี้ตัวเลขการขาดดุลการค้าที่ลดลงดังกล่าวส่งผลให้
เงินดอลลาร์ สรอ. เมื่อเทียบกับเงินสกุลสำคัญแข็งค่าขึ้น โดยเมื่อเทียบกับเงินยูโร ดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นอยู่ที่
ระดับ 1.2875 ดอลลาร์ สรอ. จาก 1.2814 ดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์สรอ. แข็งค่า
ขึ้นอยู่ที่ระดับ 105.72 เยนต่อดอลลาร์ สรอ. จาก 105.35 เยนต่อดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
2. คาดว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.สำหรับเดือน พ.ค.48 จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก
เดือนก่อน รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 11 พ.ค.48 ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดว่าดัช
นี้ชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ. ซึ่งสำรวจโดย ม.มิชิแกนและมีกำหนดจะประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการ
ในวันที่ 13 พ.ค.48 เวลา 13.45 น.ตามเวลากรีนนิชจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 88.0 ในเดือน
พ.ค.48 จากระดับ 87.7 ในเดือน เม.ย.48 โดยเป็นผลจากราคาน้ำมันที่เริ่มชะลอตัวลงและสภาพการจ้างงานใน
ตลาดแรงงานที่ดีขึ้น ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน อย่างไรก็ดี
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและยอดค้าปลีกไม่ค่อยเป็นไปในทางทิศเดียว
กัน เมื่อผู้บริโภคซื้อรถยนต์และบ้านหลังใหม่เพราะความอยากได้แม้ว่าจะได้ตอบแบบสำรวจว่าสถานการณ์เศรษฐกิจ
กำลังอยู่ในช่วงขาลงก็ตาม (รอยเตอร์)
3. สถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในไตรมาส
แรกปีนี้ลงเหลือร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 11 พ.ค.48 DIW ซึ่งเป็น 1
ใน 6 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำของเยอรมนีได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวของ GDP ของเยอรมนีสำหรับไตร
มาสแรกปีนี้จากร้อยละ 0.7 เป็นร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อันเป็นจากการปรับตัวเลขจากผลกระทบ
ของฤดูกาลและจำนวนวันทำงานที่มากผิดปรกติในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 47 ซึ่งส่งผลให้ GDP ในไตรมาสแรกปีนี้สูง
เกินกว่าความเป็นจริง และเมื่อปรับลดประมาณการ GDP จากผลกระทบดังกล่าวแล้ว GDP ของเยอรมนีก็ยังอยู่ใน
ช่วงขยายตัวโดยเป็นผลจากการขยายตัวของการค้าปลีกและอุตสาหกรรมการผลิต นอกจากนี้ DIW ยังคาดว่า GDP
ของเยอรมนีจะขยายตัวประมาณร้อยละ 0.4 ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้วสถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำ
ทั้ง 6 แห่งของเยอรมนีได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวของ GDP ในปีนี้จากร้อยละ 1.5 เป็นร้อยละ 0.7 ต่อปี
สนง.สถิติกลางของเยอรมนีมีกำหนดจะประกาศตัวเลขเบื้องต้น GDP ของไตรมาสแรกปีนี้ในวันที่ 12 พ.ค.48
เวลา 6.00 น.ตามเวลากรีนนิช (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางอังกฤษปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจเนื่องจากการบริโภคยังไม่ฟื้นตัว รายงาน
จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.48 ธ.กลางของอังกฤษ ปรับลดการพยากรณ์ทางเศรษฐกิจ
ของประเทศลง โดยคาดว่าจะอยู่ในระดับร้อยละ 3 ซึ่งต่ำลงเล็กน้อยจากที่เคยประมาณการไว้เมื่อเดือน ก.พ. ทั้ง
นี้ เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศยังอ่อนตัวอยู่ ทำให้มีการคาดการณ์ว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยในขณะนี้ แต่จากข้อมูลในรายงานภาวะเงินเฟ้อรายไตรมาสของ ธ.กลางอังกฤษ Mervyn King ผู้ว่า
การ ธ.กลางอังกฤษ พยากรณ์ว่า การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคกำลังจะฟื้นตัว เพราะราคาบ้านมีความมั่นคงและตลาด
แรงงานมีความเข้มแข็งมากขึ้น โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่ ธ.กลางอังกฤษตั้งเป้าหมายไว้ร้อยละ
2.0 ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของอังกฤษ (MPC) ดูเหมือนว่าจะเตรียม
การไว้แล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับมา แต่กรรมการ MPC โดยทั่วไปคาดการณ์ว่าอัตรา
ดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับปัจจุบัน ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษของ Deutsche Bank กล่าวว่า ถ้า
ข้อมูลทางเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก จะต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือน ส.ค.นี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 12 พ.ค. 48 11 พ.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.424 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.2765/39.5626 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.3125 — 2.3500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 684.65/19.33 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,950/8,050 7,950/8,050 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 42.64 43.86 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.54*/18.19** 22.54*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 5 พ.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ฟิทช์ เรทติ้ง ปรับขึ้นอันดับความน่าเชื่อถือทั้งสกุลเงินในและต่างประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือฟิทช์ เรทติ้ง ปรับขึ้นอันดับความน่าเชื่อถือ
สกุลเงินตราต่างประเทศระยะยาวของไทยจาก BBB เป็น BBB+ และอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินบาทภายใน
ประเทศระยะยาวจาก A- เป็น A และคงอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินตราต่างประเทศระยะสั้นที่ F3 รวมถึงปรับ
เพิ่มความน่าเชื่อถืออัตราแลกเปลี่ยนในประเทศจาก BBB+ เป็น A- และมุมมองอัตราแลกเปลี่ยนของไทยว่ามี
เสถียรภาพนั้น เป็นเรื่องที่ดีในด้านการเงินของประเทศ เนื่องจากต่างชาติจะมีความเชื่อมั่นในอัตราแลกเปลี่ยนและ
ระบบการเงินของไทยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ธปท.ได้ดูแลอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเตรียมมาตรการ
รองรับกรณีที่ค่าเงินบาทจะแข็งขึ้นหากได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน,
โพสต์ทูเดย์, เดลินิวส์, บ้านเมือง, มติชน, แนวหน้า)
2. ธปท.ให้สถาบันการเงินที่ประกอบธุรกิจเช่าซื้อทำประกันภัยทรัพย์สินที่ให้สินเชื่อ รายงานจาก
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ประกาศหลักเกณฑ์ให้ ธพ. บง. และ บค.ที่ประกอบธุรกิจ
ธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย (ธย.) ที่ให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลิสซิ่งต้องลดความเสี่ยงต่อความเสียหายของ
ทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อและให้เช่าแบบลิสซิ่งลงมา โดยต้องทำประกันภัยทรัพย์สินที่ปล่อยกู้ในธุรกิจดังกล่าว และให้ ธพ.
เป็นผู้รับประโยชน์ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.48 นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ ธย.
คำนวณจำนวนเงินสูงสุดที่สามารถลงทนุในทรัพย์สินเพื่อให้เช่าซื้อหรือให้เช่าแบบลิสซิ่งแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยให้
ถือเสมือนเป็นการให้สินเชื่อรูปแบบหนึ่ง และให้ ธย.นับธุรกรรมให้สินเชื่อหรือลงทุนในกิจการหรือก่อภาระผูกพันเพื่อ
บุคคลใดบุคคลหนึ่ง รวมเข้ากับธุรกรรมการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลิสซิ่ง ธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชนและธุรกรรม
แฟกตอริ่งของบุคคลนั้น และต้องทำประกันภัยจากสินเชื่อที่ปล่อยสินเชื่อไป (โพสต์ทูเดย์, มติชน)
3. กบข.ขออนุมัติการลงทุนในต่างประเทศจาก ธปท.เพิ่มอีก 600 ล้านดอลลาร์ สรอ. เลขาธิการ
คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข.ได้ขออนุมัติการลงทุนในต่างประเทศ
จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพิ่มอีก 600 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท เพื่อให้
เต็มเพดานการลงทุนต่างประเทศร้อยละ 10 จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 4.09 ของสินทรัพย์รวม 2.4 แสนล้านบาท
โดยคาดว่าจะได้รับอนุมัติภายในเดือน พ.ค.นี้ ทั้งนี้ ปัจจุบัน กบข.มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ
ร้อยละ 3.5 และตราสารทุนต่างประเทศร้อยละ 0.94 ซึ่งภายหลังได้รับอนุมัติจาก ธปท.แล้ว กบข.จะนำเงินไป
ลงทุนในตราสารหนี้โลกร้อยละ 60 และตราสารทุนในตลาดโลกร้อยละ 40 คาดว่าปีนี้จะเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ
เป็นร้อยละ 8 วงเงินการลงทุนประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ สรอ. (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, บ้านเมือง)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. สรอ. ขาดดุลการค้าลดลงในเดือนมี.ค. 48 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 48
รัฐบาลสรอ. เปิดเผยว่า ในเดือนมี.ค. ดุลการค้าสรอ.ขาดดุลลดลงร้อยละ 9.2 อยู่ที่ระดับ 55 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.
ลดลงมากที่สุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากการส่งออกเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดขณะที่การนำเข้าสินค้าจากจีนลดลง สร้างความ
ประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ก่อนหน้านั้นและอาจจะต้องปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ของไตรมาสแรกใหม่เป็นร้อยละ 3.9 จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 3.1 ซี่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลง
อย่างมาก อย่างไรก็ตามยังเป็นที่น่าสงสัยว่าการปรับตัวดีขึ้นของดุลการค้าดังกล่าวจะยั่งยืนหรือไม่ ก่อนหน้านั้น
นักวิเคราะห์คาดว่าระดับราคาน้ำมันที่สูงประกอบกับสินค้าสิ่งทอที่นำเข้าจำนวนมากจากจีนจะทำให้สรอ.ขาดดุลการค้า
ประมาณ 61.5 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งอาจจะเป็นสถิติใหม่ ทั้งนี้ตัวเลขการขาดดุลการค้าที่ลดลงดังกล่าวส่งผลให้
เงินดอลลาร์ สรอ. เมื่อเทียบกับเงินสกุลสำคัญแข็งค่าขึ้น โดยเมื่อเทียบกับเงินยูโร ดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นอยู่ที่
ระดับ 1.2875 ดอลลาร์ สรอ. จาก 1.2814 ดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์สรอ. แข็งค่า
ขึ้นอยู่ที่ระดับ 105.72 เยนต่อดอลลาร์ สรอ. จาก 105.35 เยนต่อดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
2. คาดว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.สำหรับเดือน พ.ค.48 จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก
เดือนก่อน รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 11 พ.ค.48 ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดว่าดัช
นี้ชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ. ซึ่งสำรวจโดย ม.มิชิแกนและมีกำหนดจะประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการ
ในวันที่ 13 พ.ค.48 เวลา 13.45 น.ตามเวลากรีนนิชจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 88.0 ในเดือน
พ.ค.48 จากระดับ 87.7 ในเดือน เม.ย.48 โดยเป็นผลจากราคาน้ำมันที่เริ่มชะลอตัวลงและสภาพการจ้างงานใน
ตลาดแรงงานที่ดีขึ้น ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคใน สรอ.เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน อย่างไรก็ดี
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและยอดค้าปลีกไม่ค่อยเป็นไปในทางทิศเดียว
กัน เมื่อผู้บริโภคซื้อรถยนต์และบ้านหลังใหม่เพราะความอยากได้แม้ว่าจะได้ตอบแบบสำรวจว่าสถานการณ์เศรษฐกิจ
กำลังอยู่ในช่วงขาลงก็ตาม (รอยเตอร์)
3. สถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในไตรมาส
แรกปีนี้ลงเหลือร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 11 พ.ค.48 DIW ซึ่งเป็น 1
ใน 6 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำของเยอรมนีได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวของ GDP ของเยอรมนีสำหรับไตร
มาสแรกปีนี้จากร้อยละ 0.7 เป็นร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อันเป็นจากการปรับตัวเลขจากผลกระทบ
ของฤดูกาลและจำนวนวันทำงานที่มากผิดปรกติในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 47 ซึ่งส่งผลให้ GDP ในไตรมาสแรกปีนี้สูง
เกินกว่าความเป็นจริง และเมื่อปรับลดประมาณการ GDP จากผลกระทบดังกล่าวแล้ว GDP ของเยอรมนีก็ยังอยู่ใน
ช่วงขยายตัวโดยเป็นผลจากการขยายตัวของการค้าปลีกและอุตสาหกรรมการผลิต นอกจากนี้ DIW ยังคาดว่า GDP
ของเยอรมนีจะขยายตัวประมาณร้อยละ 0.4 ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้วสถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำ
ทั้ง 6 แห่งของเยอรมนีได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวของ GDP ในปีนี้จากร้อยละ 1.5 เป็นร้อยละ 0.7 ต่อปี
สนง.สถิติกลางของเยอรมนีมีกำหนดจะประกาศตัวเลขเบื้องต้น GDP ของไตรมาสแรกปีนี้ในวันที่ 12 พ.ค.48
เวลา 6.00 น.ตามเวลากรีนนิช (รอยเตอร์)
4. ธ.กลางอังกฤษปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจเนื่องจากการบริโภคยังไม่ฟื้นตัว รายงาน
จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.48 ธ.กลางของอังกฤษ ปรับลดการพยากรณ์ทางเศรษฐกิจ
ของประเทศลง โดยคาดว่าจะอยู่ในระดับร้อยละ 3 ซึ่งต่ำลงเล็กน้อยจากที่เคยประมาณการไว้เมื่อเดือน ก.พ. ทั้ง
นี้ เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศยังอ่อนตัวอยู่ ทำให้มีการคาดการณ์ว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยในขณะนี้ แต่จากข้อมูลในรายงานภาวะเงินเฟ้อรายไตรมาสของ ธ.กลางอังกฤษ Mervyn King ผู้ว่า
การ ธ.กลางอังกฤษ พยากรณ์ว่า การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคกำลังจะฟื้นตัว เพราะราคาบ้านมีความมั่นคงและตลาด
แรงงานมีความเข้มแข็งมากขึ้น โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่ ธ.กลางอังกฤษตั้งเป้าหมายไว้ร้อยละ
2.0 ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของอังกฤษ (MPC) ดูเหมือนว่าจะเตรียม
การไว้แล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับมา แต่กรรมการ MPC โดยทั่วไปคาดการณ์ว่าอัตรา
ดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับปัจจุบัน ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษของ Deutsche Bank กล่าวว่า ถ้า
ข้อมูลทางเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก จะต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือน ส.ค.นี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 12 พ.ค. 48 11 พ.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.424 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.2765/39.5626 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.3125 — 2.3500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 684.65/19.33 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,950/8,050 7,950/8,050 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 42.64 43.86 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.54*/18.19** 22.54*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 5 พ.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--