แท็ก
กกต.
ถาวร’ ย้ำ เพื่อทำความจริงให้เกิดประจักษ์แก่สาธารณะ กกต.ต้องดำเนินการใดๆ ด้วยความรอบคอบและความถูกต้อง หาก กกต.ทำอะไรตามอำเภอใจ ไม่ตั้งอยู่บนความถูกต้องของกฎหมาย บ้านเมืองนี้ก็จะดำเนินการไปทางใด ‘พร้อมชี้’ การลงนามแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนประจำเขตเลือกตั้ง 400 เขต ปราศจากการหารือหรือการประชุมใด ๆ
เมื่อเวลา 16.30.น วันนี้(5 ก.ย.)ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลาพรรคประชาธิปัตยื ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งฯได้พิจารณาให้ใบแดงกับนาย ซาตา อาแวกือจิ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยคณะกรรมการตรวจสอบการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้แย้งความเห็นของกกต. และส่งความเห็นแย้งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในกรณีที่ไม่มีผู้แปลคำปราศรัยกลาง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในขณะที่กกต.ได้ยึดเอาผู้แปลภาษาญาวีโดยเอาผู้แปลของผู้ร้องเป็นหลัก และกกต.ยังคงยืนความเห็นเดิม และยังได้ส่งเรื่องกลับไปยังให้คณะกรรมการกฤษฎีกาให้ทบทวนมติของกฤษฎีกาอีกครั้งหนึ่งด้วย ดังนั้น
วันนี้นาย ซาตา อาแวกือจิ โดยผู้รับผิดชอบฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะให้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาในประเด็นที่สำคัญอีกหนึ่งประเด็น ซึ่งพรรคเคยร้องไปที่กกต.และคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว โดยเหตุผลที่ว่าการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนไม่ได้ดำเนินการให้ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยระเบียบนั่นคือคำสั่งที่ 47/2548 ในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนประจำเขตเลือกตั้งทั้ง 1,200 นาย เนื่องจากเป็นที่ปรากฎชัดในข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2548 นายจรัล บูรณพรรณศรี 1ใน 5 ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ไปตอบคำถามต่อคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาที่มี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธาน
ในวันนั้นคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาชุดนี้ได้เชิญนายจรัล บูรณพรรณศรี ไปสอบถามเรื่องการขึ้นค่าตอบแทนขึ้นเงินเดือนให้กับกกต. ปรากฎว่าคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาได้สอบถามถึงการแต่งตั้งโดยการลงนามในคำสั่งของประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งคือ พลตำรวจเอกวาสนา เพิ่มลาภ ว่าได้มีการประชุมและมีมติในการออกคำสั่งเพื่อแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนประจำเขตเลือกตั้งทั้ง 1,200 นายหรือไม่นายจรัล บูรณพรรณศรีได้ตอบว่าไม่มีการประชุม ดังนั้นเมื่อไม่มีการประชุมก็ถือว่าการแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งที่ 47/2548 นั้นผิดระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนและการวินิจฉัยปี 2542
( ซึ่งเขียนเอาไว้ว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจะต้องได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อให้ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวน ไม่ใช่แต่งตั้งโดยประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งโดยคนหนึ่งคนใด)
‘ทั้งนี้เพื่อที่จะให้เลือกคนดีมีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ ถ้าแต่งตั้งโดยคนคนเดียวเช่นโดยประธานกกต.หรือกรรมการคนหนึ่งคนใด ก็จะทำให้เกิดการแต่งตั้งพวกพ้องหรือแต่งตั้งคนที่สั่งให้ทำอะไรก็ได้ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ จะส่งผลให้การสอบสวนไม่เกิดความเที่ยงธรรม จึงเห็นได้ว่าคำสั่งดังกล่าวนั้นเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ เมื่อไม่ชอบ พนักงานสืบสวนสอบสวนทั้ง 400 เขตเลือกตั้ง น่าจะเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนที่แต่งตั้งมาโดยไม่มีกฎหมายรองรับ การสืบสวนสอบสวนทั้ง 400 เขตเลือกตั้งก็จะเป็นการสืบสวนสอบสวนที่เป็นโมฆะ ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และผิดกฎหมายเลือกตั้งและผิดระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้งปี 2542 ดังนั้นจึงขอเรียนผ่านสื่อไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบการเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งครั้งนี้ ได้เรียกพลตำรวจเอกประทิน สันติประภพ นายจรัล บูรณพรรณศรี และบุคคลที่อยู่ในห้องประชุมในวันที่ 15 กรกฎาคม 2548 มาสอบถาม รวมทั้งเรียกดูรายงานการประชุมที่อ้างว่ามีกาประชุม เพื่อที่จะให้เกิดความเป็นธรรมในการพิจารณาให้ใบแดงแก่นายซาตา อาแวกือจิ และคนอื่น ๆ ถ้าปล่อยให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทำอะไรตามอำเภอใจ ไม่ตั้งอยู่บนความถูกต้องของกฎหมาย บ้านเมืองนี้ก็จะดำเนินการไปตามที่ใครต้องการก็ได้ ได้รับใบสั่งมาจากใคร ก็เป็นไปตามนั้น’ นายถาวรกล่าว
นายถาวร กล่าวว่า ตนอยากเรียกร้องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้โปรดสืบสวนเรื่องนี้ ไต่สวนเรื่องนี้ด้วยความกระจ่างชัดและรอบคอบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เพราะเวลาที่เหลืออยู่ คงจะเป็นประโยชน์ในการค้นหาความจริง เพื่อที่จะทำความจริงนี้ให้เกิดประจักษ์แก่สาธารณะและคณะกรรมการการเลือกตั้งจะได้ดำเนินการอะไร ทำอะไรด้วยความรอบคอบและถูกต้อง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ก.ย.2548--จบ--
เมื่อเวลา 16.30.น วันนี้(5 ก.ย.)ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลาพรรคประชาธิปัตยื ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งฯได้พิจารณาให้ใบแดงกับนาย ซาตา อาแวกือจิ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยคณะกรรมการตรวจสอบการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้แย้งความเห็นของกกต. และส่งความเห็นแย้งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในกรณีที่ไม่มีผู้แปลคำปราศรัยกลาง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในขณะที่กกต.ได้ยึดเอาผู้แปลภาษาญาวีโดยเอาผู้แปลของผู้ร้องเป็นหลัก และกกต.ยังคงยืนความเห็นเดิม และยังได้ส่งเรื่องกลับไปยังให้คณะกรรมการกฤษฎีกาให้ทบทวนมติของกฤษฎีกาอีกครั้งหนึ่งด้วย ดังนั้น
วันนี้นาย ซาตา อาแวกือจิ โดยผู้รับผิดชอบฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะให้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาในประเด็นที่สำคัญอีกหนึ่งประเด็น ซึ่งพรรคเคยร้องไปที่กกต.และคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว โดยเหตุผลที่ว่าการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนไม่ได้ดำเนินการให้ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยระเบียบนั่นคือคำสั่งที่ 47/2548 ในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนประจำเขตเลือกตั้งทั้ง 1,200 นาย เนื่องจากเป็นที่ปรากฎชัดในข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2548 นายจรัล บูรณพรรณศรี 1ใน 5 ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ไปตอบคำถามต่อคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาที่มี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธาน
ในวันนั้นคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาชุดนี้ได้เชิญนายจรัล บูรณพรรณศรี ไปสอบถามเรื่องการขึ้นค่าตอบแทนขึ้นเงินเดือนให้กับกกต. ปรากฎว่าคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาได้สอบถามถึงการแต่งตั้งโดยการลงนามในคำสั่งของประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งคือ พลตำรวจเอกวาสนา เพิ่มลาภ ว่าได้มีการประชุมและมีมติในการออกคำสั่งเพื่อแต่งตั้งเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนประจำเขตเลือกตั้งทั้ง 1,200 นายหรือไม่นายจรัล บูรณพรรณศรีได้ตอบว่าไม่มีการประชุม ดังนั้นเมื่อไม่มีการประชุมก็ถือว่าการแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งที่ 47/2548 นั้นผิดระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนและการวินิจฉัยปี 2542
( ซึ่งเขียนเอาไว้ว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจะต้องได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อให้ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวน ไม่ใช่แต่งตั้งโดยประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งโดยคนหนึ่งคนใด)
‘ทั้งนี้เพื่อที่จะให้เลือกคนดีมีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ ถ้าแต่งตั้งโดยคนคนเดียวเช่นโดยประธานกกต.หรือกรรมการคนหนึ่งคนใด ก็จะทำให้เกิดการแต่งตั้งพวกพ้องหรือแต่งตั้งคนที่สั่งให้ทำอะไรก็ได้ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ จะส่งผลให้การสอบสวนไม่เกิดความเที่ยงธรรม จึงเห็นได้ว่าคำสั่งดังกล่าวนั้นเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ เมื่อไม่ชอบ พนักงานสืบสวนสอบสวนทั้ง 400 เขตเลือกตั้ง น่าจะเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนที่แต่งตั้งมาโดยไม่มีกฎหมายรองรับ การสืบสวนสอบสวนทั้ง 400 เขตเลือกตั้งก็จะเป็นการสืบสวนสอบสวนที่เป็นโมฆะ ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และผิดกฎหมายเลือกตั้งและผิดระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้งปี 2542 ดังนั้นจึงขอเรียนผ่านสื่อไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบการเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งครั้งนี้ ได้เรียกพลตำรวจเอกประทิน สันติประภพ นายจรัล บูรณพรรณศรี และบุคคลที่อยู่ในห้องประชุมในวันที่ 15 กรกฎาคม 2548 มาสอบถาม รวมทั้งเรียกดูรายงานการประชุมที่อ้างว่ามีกาประชุม เพื่อที่จะให้เกิดความเป็นธรรมในการพิจารณาให้ใบแดงแก่นายซาตา อาแวกือจิ และคนอื่น ๆ ถ้าปล่อยให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทำอะไรตามอำเภอใจ ไม่ตั้งอยู่บนความถูกต้องของกฎหมาย บ้านเมืองนี้ก็จะดำเนินการไปตามที่ใครต้องการก็ได้ ได้รับใบสั่งมาจากใคร ก็เป็นไปตามนั้น’ นายถาวรกล่าว
นายถาวร กล่าวว่า ตนอยากเรียกร้องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้โปรดสืบสวนเรื่องนี้ ไต่สวนเรื่องนี้ด้วยความกระจ่างชัดและรอบคอบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เพราะเวลาที่เหลืออยู่ คงจะเป็นประโยชน์ในการค้นหาความจริง เพื่อที่จะทำความจริงนี้ให้เกิดประจักษ์แก่สาธารณะและคณะกรรมการการเลือกตั้งจะได้ดำเนินการอะไร ทำอะไรด้วยความรอบคอบและถูกต้อง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ก.ย.2548--จบ--