1. ความเป็นมา
รางวัลผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น (Prime Minister's Export Award) ถือเป็น รางวัลสูงสุดของรัฐบาลที่มอบให้แก่ผู้ส่งออก เพื่อแสดงถึงภาพลักษณ์ของคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าไทยในตลาดโลก จัดให้มีขึ้นครั้งแรกในปี 2535 โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (นายอานันท์ ปันยารชุน) ได้ริเริ่มนโยบายที่จะสนับสนุนและให้ความสำคัญต่อการส่งออกสินค้าไทยโดยใช้ชื่อทางการค้าเป็นของตนเอง หรือมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเอง รวมทั้งการสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ดีแก่ผู้ส่งออกที่มีส่วนผลักดันการส่งออกของประเทศ ทั้งนี้ เพื่อมุ่งหวังให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันและสร้างตลาดต่างประเทศได้อย่างถาวร ทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์อันดีแก่สินค้าไทย จึงได้กำหนดให้มีการประกาศเกียรติคุณ และมอบรางวัลดังกล่าวแก่ผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานมอบรางวัล ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นเกียรติและเป็นกำลังใจแก่ผู้ส่งออกที่ได้ริเริ่ม และพยายามบุกเบิกตลาดต่างประเทศภายใต้ชื่อทางการค้าของตนเอง รวมทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเองจนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ในปี 2544 รางวัล PM AWARD จะแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ
1.1 รางวัลผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น ประเภทผู้ส่งออกไทยดีเด่น (BEST EXPORTER)
1.2 รางวัลผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น ประเภทที่ใช้ตราสินค้าของตนเอง (BRAND NAME)
1.3 รางวัลผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น ประเภทที่มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเอง (PRODUCT/PACKAGING DESIGN)
1.4 รางวัลผู้ประกอบการไทยดีเด่น ประเภทธุรกิจบริการส่งออก (BEST SERVICE PROVIDER)
2. วัตถุประสงค์ของโครงการ
2.1 เพื่อให้สินค้าและบริการของไทยสามารถแข่งขันและรักษาตลาดต่างประเทศได้อย่างถาวร และเป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น
2.2 เพื่อสนับสนุนให้ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกไทยเปิดตลาดต่างประเทศโดยใช้ชื่อทางการค้าของตนเอง
2.3 เพื่อกระตุ้นให้มีการพัฒนารูปแบบสินค้าและบริการที่เป็นของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกและออกแบบโดยคนไทย รวมทั้งสร้างชื่อเสียงทาง การค้าให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในตลาดต่างประเทศ
2.4 เพื่อกระตุ้นให้ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างภาพลักษณ์สินค้าส่งออกของไทยมากขึ้น
3. สิทธิประโยชน์ของผู้ส่งออกที่ได้รับรางวัล สรุปได้ดังนี้
3.1 ได้รับเกียรติบัตรและถ้วยรางวัลโดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นผู้มอบ
3.2 การเข้าร่วมกิจกรรมกับกรมส่งเสริมการส่งออก จำนวน 3 ครั้ง (ไม่ซ้ำกิจกรรม) ภายใน 3 ปี
3.3 การแสดงตัวอย่างสินค้าในอาคาร Thailand Export Mart ของกรมฯ
3.4 การลงประชาสัมพันธ์ในหนังสือ Thailand ’s Exporters Directory
3.5 การเสนอชื่อให้กระทรวงการคลัง พิจารณาให้ได้รับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีตามมาตรา 19 ทวิ โดยเร็วเป็นกรณีพิเศษ
3.6 ได้รับอนุญาตให้ใช้สัญลักษณ์ตราสินค้าไทย (Thailand ’s Brand)
4. สถานที่ติดต่อสมัคร
กรมส่งเสริมการส่งออก (ตรงข้ามศาลอุทธรณ์) 22/77 ถนนรัชดาภิเษก จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โดยติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ดังนี้
รางวัลที่ 1-3 ติดต่อสำนักบริการส่งออก (ชั้น 3 ซ้าย) โทร. 512-0093 ต่อ 270 หรือ 683 โทรสาร. 513-1905, 512-2234
รางวัลที่ 4 ติดต่อสำนักธุรกิจบริการส่งออก (ชั้น 2 ซ้าย) โทร. 512-0093 ต่อ 278 หรือ 500 โทรสาร. 512-2223
5. ช่วงระยะเวลาการเปิดรับสมัคร : ระหว่างวันที่ 5 — 30 มีนาคม 2544
6. กำหนดการพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัล :
วันที่ 20 สิงหาคม 2544 (ตรงกับวันสถาปนากระทรวงพาณิชย์) ณ ทำเนียบรัฐบาล โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี จะให้เกียรติเป็นประธานในการมอบ
--กรมส่งเสริมการส่งออก มีนาคม 2544--
-อน-
รางวัลผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น (Prime Minister's Export Award) ถือเป็น รางวัลสูงสุดของรัฐบาลที่มอบให้แก่ผู้ส่งออก เพื่อแสดงถึงภาพลักษณ์ของคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าไทยในตลาดโลก จัดให้มีขึ้นครั้งแรกในปี 2535 โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (นายอานันท์ ปันยารชุน) ได้ริเริ่มนโยบายที่จะสนับสนุนและให้ความสำคัญต่อการส่งออกสินค้าไทยโดยใช้ชื่อทางการค้าเป็นของตนเอง หรือมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเอง รวมทั้งการสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ดีแก่ผู้ส่งออกที่มีส่วนผลักดันการส่งออกของประเทศ ทั้งนี้ เพื่อมุ่งหวังให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันและสร้างตลาดต่างประเทศได้อย่างถาวร ทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์อันดีแก่สินค้าไทย จึงได้กำหนดให้มีการประกาศเกียรติคุณ และมอบรางวัลดังกล่าวแก่ผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานมอบรางวัล ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นเกียรติและเป็นกำลังใจแก่ผู้ส่งออกที่ได้ริเริ่ม และพยายามบุกเบิกตลาดต่างประเทศภายใต้ชื่อทางการค้าของตนเอง รวมทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเองจนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ในปี 2544 รางวัล PM AWARD จะแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ
1.1 รางวัลผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น ประเภทผู้ส่งออกไทยดีเด่น (BEST EXPORTER)
1.2 รางวัลผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น ประเภทที่ใช้ตราสินค้าของตนเอง (BRAND NAME)
1.3 รางวัลผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น ประเภทที่มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเอง (PRODUCT/PACKAGING DESIGN)
1.4 รางวัลผู้ประกอบการไทยดีเด่น ประเภทธุรกิจบริการส่งออก (BEST SERVICE PROVIDER)
2. วัตถุประสงค์ของโครงการ
2.1 เพื่อให้สินค้าและบริการของไทยสามารถแข่งขันและรักษาตลาดต่างประเทศได้อย่างถาวร และเป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น
2.2 เพื่อสนับสนุนให้ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกไทยเปิดตลาดต่างประเทศโดยใช้ชื่อทางการค้าของตนเอง
2.3 เพื่อกระตุ้นให้มีการพัฒนารูปแบบสินค้าและบริการที่เป็นของผู้ผลิต/ผู้ส่งออกและออกแบบโดยคนไทย รวมทั้งสร้างชื่อเสียงทาง การค้าให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในตลาดต่างประเทศ
2.4 เพื่อกระตุ้นให้ผู้ผลิต/ผู้ส่งออกสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างภาพลักษณ์สินค้าส่งออกของไทยมากขึ้น
3. สิทธิประโยชน์ของผู้ส่งออกที่ได้รับรางวัล สรุปได้ดังนี้
3.1 ได้รับเกียรติบัตรและถ้วยรางวัลโดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นผู้มอบ
3.2 การเข้าร่วมกิจกรรมกับกรมส่งเสริมการส่งออก จำนวน 3 ครั้ง (ไม่ซ้ำกิจกรรม) ภายใน 3 ปี
3.3 การแสดงตัวอย่างสินค้าในอาคาร Thailand Export Mart ของกรมฯ
3.4 การลงประชาสัมพันธ์ในหนังสือ Thailand ’s Exporters Directory
3.5 การเสนอชื่อให้กระทรวงการคลัง พิจารณาให้ได้รับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีตามมาตรา 19 ทวิ โดยเร็วเป็นกรณีพิเศษ
3.6 ได้รับอนุญาตให้ใช้สัญลักษณ์ตราสินค้าไทย (Thailand ’s Brand)
4. สถานที่ติดต่อสมัคร
กรมส่งเสริมการส่งออก (ตรงข้ามศาลอุทธรณ์) 22/77 ถนนรัชดาภิเษก จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โดยติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ดังนี้
รางวัลที่ 1-3 ติดต่อสำนักบริการส่งออก (ชั้น 3 ซ้าย) โทร. 512-0093 ต่อ 270 หรือ 683 โทรสาร. 513-1905, 512-2234
รางวัลที่ 4 ติดต่อสำนักธุรกิจบริการส่งออก (ชั้น 2 ซ้าย) โทร. 512-0093 ต่อ 278 หรือ 500 โทรสาร. 512-2223
5. ช่วงระยะเวลาการเปิดรับสมัคร : ระหว่างวันที่ 5 — 30 มีนาคม 2544
6. กำหนดการพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัล :
วันที่ 20 สิงหาคม 2544 (ตรงกับวันสถาปนากระทรวงพาณิชย์) ณ ทำเนียบรัฐบาล โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี จะให้เกียรติเป็นประธานในการมอบ
--กรมส่งเสริมการส่งออก มีนาคม 2544--
-อน-