ภูมิภาคยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญในประชาคมโลกทั้งด้านการเมืองเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม และถือได้ว่าภูมิภาคยุโรปมีความสำคัญอย่างมากในภาพรวมของนโยบายต่างประเทศของไทยดังนั้น การดำเนินความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับยุโรปจึงมีความสำคัญและมีผลกระทบต่อสถานะและบทบาทของไทยในประชาคมโลก รวมทั้งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยโดยรวมการดำเนินความสัมพันธ์และความร่วมมือกับภูมิภาคยุโรปจึงจำเป็นจะต้องมีทิศทาง นโยบาย และวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน นอกจากนี้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนควรจะมียุทธศาสตร์และแนวทางที่เป็นเอกภาพเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดในการดำเนินความสัมพันธ์กับยุโรป
ขณะเดียวกันการมียุทธศาสตร์แห่งชาติในการดำเนินความสัมพันธ์กับยุโรปจะมีส่วนสำคัญในการจัดระบบและกลไกการประสานงานระหว่างหน่วยงานและกลไกที่เกี่ยวข้องของไทยให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น จึงได้เสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับยุโรป โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน และกระทรวงการต่างประเทศเป็นฝ่ายเลขานุการเพื่อเป็นกลไกหลักในการเสนอแนะติดตามและทบทวนนโยบายของไทยต่อยุโรปในการดำเนินความสัมพันธ์กับยุโรปในภาพรวมและครอบคลุมทุกด้านทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การบริการ สังคม การศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วัฒนธรรม และอื่น ๆ โดยจะติดตามการดำเนินการของกลไกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องความสัมพันธ์ไทย-ยุโรป ที่มีอยู่แล้ว เช่น คณะกรรมการธิการร่วมทางการค้าระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ในยุโรป คณะกรรมาธิการร่วมทางวิทยาศาสตร์และวิชาการ และอื่น ๆ ให้ความสอดคล้องและส่งเสริมแนวนโยบายของยุทธศาสตร์ไทยต่อยุโรปดังกล่าว
กำหนดช่วงเวลาของยุทธศาสตร์ไทยต่อยุโรปฉบับนี้จะครอบคลุมระยะเวลา 3 ปีตั้งแต่ปี 2543 - 2545 โดยจะมีการทบทวนยุทธศาสตร์ (Strategic Review) ทุก ๆ 6 เดือน เพื่อปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และจะมีการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมประจำปี (Annual Common Action Plan) ระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามแนวทางของยุทธศาสตร์ไทยต่อยุโรป โดยมีคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับยุโรปที่จะจัดตั้งขึ้นเป็นกลไกกำกับดูแล
ที่มา : กระทรวงการต่างประเทศ (ยุทธศาสตร์ของไทยต่อยุโรป)
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 6/2543 วันที่ 31 มีนาคม 2543--
-อน-
ขณะเดียวกันการมียุทธศาสตร์แห่งชาติในการดำเนินความสัมพันธ์กับยุโรปจะมีส่วนสำคัญในการจัดระบบและกลไกการประสานงานระหว่างหน่วยงานและกลไกที่เกี่ยวข้องของไทยให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น จึงได้เสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับยุโรป โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน และกระทรวงการต่างประเทศเป็นฝ่ายเลขานุการเพื่อเป็นกลไกหลักในการเสนอแนะติดตามและทบทวนนโยบายของไทยต่อยุโรปในการดำเนินความสัมพันธ์กับยุโรปในภาพรวมและครอบคลุมทุกด้านทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การบริการ สังคม การศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วัฒนธรรม และอื่น ๆ โดยจะติดตามการดำเนินการของกลไกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องความสัมพันธ์ไทย-ยุโรป ที่มีอยู่แล้ว เช่น คณะกรรมการธิการร่วมทางการค้าระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ในยุโรป คณะกรรมาธิการร่วมทางวิทยาศาสตร์และวิชาการ และอื่น ๆ ให้ความสอดคล้องและส่งเสริมแนวนโยบายของยุทธศาสตร์ไทยต่อยุโรปดังกล่าว
กำหนดช่วงเวลาของยุทธศาสตร์ไทยต่อยุโรปฉบับนี้จะครอบคลุมระยะเวลา 3 ปีตั้งแต่ปี 2543 - 2545 โดยจะมีการทบทวนยุทธศาสตร์ (Strategic Review) ทุก ๆ 6 เดือน เพื่อปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และจะมีการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมประจำปี (Annual Common Action Plan) ระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามแนวทางของยุทธศาสตร์ไทยต่อยุโรป โดยมีคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับยุโรปที่จะจัดตั้งขึ้นเป็นกลไกกำกับดูแล
ที่มา : กระทรวงการต่างประเทศ (ยุทธศาสตร์ของไทยต่อยุโรป)
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 6/2543 วันที่ 31 มีนาคม 2543--
-อน-