แท็ก
แอฟริกาใต้
กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2544 ในเมืองโจฮันเนสเบอร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ข้าพเจ้าและเพื่อนอีก 2 คน ได้ตัดสินใจที่จะมาโจฮันเนสเบอร์ก เพราะว่าเมื่อประมาณปลายเดือนกันยายน 2543 เพื่อนของข้าพเจ้าคนหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้รับ โทรสารจาก Lt.Col.David keke ซึ่งไม่มีใครรู้จัก เป็น Refugee อยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ ได้โทรสารติดต่อมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของข้าพเจ้า โดย keke บอกว่าเป็นนายทหารยศพันโทแห่ง Congo ได้อพยพลี้ภัยทางการเมืองเข้ามาอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ มีเงินติดตัวอยู่ $ 17.4 เหรียญสหรัฐ ได้เสนอเงื่อนไขว่า ต้องการจะนำเงินจำนวนนี้มาลงทุนในประเทศไทย โดยที่เสนอส่วนค่า commission 15% ของเงินจำนวนนี้ให้แก่ผู้ที่สามารถโอนเงินจำนวนนี้เข้าประเทศไทยได้สำเร็จ ข้าพเจ้าจึงลองติดต่อกลับมาตามหมายเลขโทรสารที่ให้มา ซึ่งคิดว่าคงไม่เป็นจริง แต่ลองสนุก ๆ ดู จึงติดต่อกันทางโทรสารอยู่ระยะหนึ่ง หลังจากตกลงเงื่อนไขต่าง ๆ ว่า ข้าพเจ้าจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จึงได้นัดพบกันเมื่อปลายเดือนพศฤจิกายน 2543 การพบกันวันนั้นทุกอย่างผิดข้อตกลง ข้าพเจ้าจึงเดินทางกลับภายในวันเดียว และไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเป็นเวลานาน 1 เดือน หลังจากนั้น keke ได้ติดต่อกลับไปหาข้าพเจ้า บอกว่าทุกอย่างยอมตามเงื่อนไขของข้าพเจ้า ขอให้มาทำการเปิด Non-Resident Account และรับโอนเงินจากเขา ข้าพเจ้าได้ปรึกษากับเพื่อนดู ซึ่งข้าพเจ้าคงไม่มาอีกแล้ว แต่เพื่อนข้าพเจ้าบอกว่าลองมาดูอีกทีเผื่อจะสำเร็จ เพราะไม่ได้คิดว่าจะถูกลอกคราบแบบนี้ (ถูกปล้น) คิดแต่ว่าถ้าไม่มีอะไรเราก็กลับกรุงเทพฯ เท่านั้น และอีกอย่างพวกเราก็คิดว่าไหน ๆ ก็มาแล้วก็จะขอดูตลาดการค้าที่โจฮันเนสเบอร์กด้วย ซัก 4-5 วัน จึงจะกลับ จึงตัดสินใจเดินทางมากับเพื่อนอีก 2 คน ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2544 เมื่อมาถึง เราก็โทรบอก keke ว่าเรามาถึงแล้ว ให้ส่งคนมารับด้วย keke ได้ส่งผู้หญิงผิวดำกับคนขับรถผิดดำมารับที่สนามบินในตอนเช้าประมาณ 7.30 น. โดยประมาณ และพาพวกเรา 3 คน เข้าไปในบ้าน และทำการลอกคราบพวกเรา โดยคนร้ายบอกพวกเราว่า พวกเขาเป็นตำรวจลับคองโก เขาจับพวกเราเพราะเป็นอาชญากรรมสงครามที่ไปร่วมมือกับ David keke ซึ่งขโมยเงินหลวงจากคองโก แล้วหนีมาคนร้ายบอกว่าได้จับ David keke ไว้แล้ว และทรมานให้บอกที่ซ่อนเงิน แต่ keke บอกว่าโอนให้ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าก็บอกคนร้ายว่า ข้าพเจ้ายังไม่เห็นเงินอะไร พวกนี้เลย คนร้ายค้นของพวกเราทุกคน จนไม่มีอะไรเหลือเอาไปหมด ทั้งสร้อยพระ นาฬิกา แหวน เงินทุกสกุล ซึ่งพวกเรานำติดตัวมาคนละประมาณ 4,000 กว่าเหรียญสหรัฐ เมื่อคนร้ายได้ของไปหมดแล้ว รวมทั้งกระเป๋าสัมภาระทั้งหมด ตัวหัวหน้าทีมของคนร้ายบอกว่าเป็นทหารยศร้อยเอก (Captaion ) และขู่พวกเราว่าจะจับส่งตำรวจแอฟริกาใต้ หลังจากนั้นจะถูกส่งไปติดคุกที่คองโกประมาณ 15 ปี คนร้ายบอกว่าจะกลับมาอีก 2 ชั่วโมง ข้าพเจ้าก็คุยกับคนร้ายอย่างดี นุ่มนวลไม่ขัดขืน บอกคนร้ายทุกอย่างว่าเรายังไม่ได้โอนเงินอะไรที่ว่านั้นเลย คนร้ายบอกว่าค่ำ ๆ จะส่งพวกเราไปที่โรงพัก แล้วจะคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้ที่โรงพัก ทำให้พวกเราใจชื้น ตอนใกล้เที่ยง ตัวหัวหน้าคนร้ายกลับมาบอกว่าให้เราหาเงินจากเมืองไทยมาให้ 50,000 เหรียญสหรัฐ แล้วจะปล่อยพวกเรา พวกเราบกว่า เราไม่มีเงินหรอก ข้าพเจ้าก็อธิบาย ให้เขาฟังต่าง ๆ นานา แล้วพวกเขาก็บอกว่าค่ำ ๆ จะกลับมา ช่วงนี้คนร้ายบอกให้คนของเขาหาอาหารมาให้เรา 3 คน หลังจากตัวหัวหน้าออกไปแล้ว หัวหน้าที่คุมพวกเราอยู่ ก็มาคุยกับพวกเราว่า พวกเขาจะปล่อยเราตอนค่ำ ๆ แน่นอน แต่ปล่อยโดยไปส่งสถานีตำรวจ และจะคืนทรัพย์สินทั้งหมด แต่ขอให้พวกเราจ่ายเงินให้เขา 1,000 เหรียญสหรัฐ ข้าพเจ้าก็รีบตกลงทันที แต่ก็ย้อนถามเขาว่าที่พูดมาจริงหรือเปล่า เขาก็บอกว่าแน่นอนร้อยเปอร์เซ็น เขาจะปลอบพวกเราตลอดเวลาจนเย็น พอประมาณ 1 ทุ่ม คนร้ายก็เอาหนังสือเดินทาง และตั๋วเครื่องบินมาคืนให้ และพาพวกเรา 3 คน ออกมาจากบ้านหลังนั้น ขับออกมาได้ประมาณ 15-20 นาที ก็จอดรถให้พวกเราลง คนร้ายยื่นเงิน 200 แรนด์ให้และบอกว่าให้ขึ้นแท๊กซี่ไปสนามบินแล้วกลับกรุงเทพฯ ซะ แล้วคนร้ายก็รีบขับรถออกไปเลย บริเวณที่เขาปล่อยเราอยู่ใกล้ปั๊มน้ำมัน พวกเราจึงเดินเข้าไปที่ปั๊มน้ำมัน พบชายผิวขาวทราบชื่อว่าชื่อ Mr.Colin Hayward เดินออกจากปั๊มน้ำมัน ข้าพเจ้าขอความช่วยเหลือจาก Mr.Colin โดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าว ๆ Mr.Colin พร้อมกับเพื่อนชื่อ Mr.Shane ก็พาพวกเราไปสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ และบอกว่าเมื่อพวกเราเสร็จจากโรงพักแล้วให้โทรหาด้วย จะพาพวกเราไปพักที่บ้านของเขา พวกเรารอตำรวจติดต่อสถานทูตไทย พอได้เบอร์โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้เพราะเป็นเวลานอกเวลาทำการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นี่ก็ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของพวกเราที่เกิดขึ้น ข้าพเจ้าจึงถามว่า เหตุการณ์เช่นนี้เป็นปกติหรือ ตำรวจก็บอกว่าใช่ ตำรวจก็ไม่ได้ลงบันทึกอะไร ผมจึงขอโทรติดต่อ Mr.Colin ให้มารับพวกเราไปพักที่บ้าน พอรุ่งเช้า ข้าพเจ้าได้ติดต่อไปที่สถานทูตไทย ได้พูดคุยเล่ารายละเอียดต่าง ๆ และขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย โดยได้รับความช่วยเหลือในเรื่องการเปลี่ยนเที่ยวบินและการเงินเป็นอย่างดี
เรื่องทั้งหมดนี้ ข้าพเจ้าอยากจะให้เป็นอุทธาหรณ์แก่ผู้ที่จะเดินทางมาทำธุรกิจหรือมาเที่ยวประเทศแอฟริกาใต้ และใครที่คิดจะเสี่ยงแบบพวกข้าพเจ้า ให้ลอกไตร่ตรองดูดี ๆ จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ พวกข้าพเจ้ารอดชีวิตกลับมาได้ครั้งนี้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว เหตุผลต่าง ๆ ที่ทำให้พวกเราลอกเดินทางมาครั้งนี้คือ
1. สภาพเศรษฐกิจภายในประเทศไทยที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ การทำมาหากินฝืดเคือง
2. เหตุผลเหตุการณ์ต่าง ๆ ค่อนข้างน่าเชื่อถือ
3. ความโลภ และความประมาท และความอยากเสี่ยง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-นห-
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2544 ในเมืองโจฮันเนสเบอร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ข้าพเจ้าและเพื่อนอีก 2 คน ได้ตัดสินใจที่จะมาโจฮันเนสเบอร์ก เพราะว่าเมื่อประมาณปลายเดือนกันยายน 2543 เพื่อนของข้าพเจ้าคนหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้รับ โทรสารจาก Lt.Col.David keke ซึ่งไม่มีใครรู้จัก เป็น Refugee อยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ ได้โทรสารติดต่อมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของข้าพเจ้า โดย keke บอกว่าเป็นนายทหารยศพันโทแห่ง Congo ได้อพยพลี้ภัยทางการเมืองเข้ามาอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ มีเงินติดตัวอยู่ $ 17.4 เหรียญสหรัฐ ได้เสนอเงื่อนไขว่า ต้องการจะนำเงินจำนวนนี้มาลงทุนในประเทศไทย โดยที่เสนอส่วนค่า commission 15% ของเงินจำนวนนี้ให้แก่ผู้ที่สามารถโอนเงินจำนวนนี้เข้าประเทศไทยได้สำเร็จ ข้าพเจ้าจึงลองติดต่อกลับมาตามหมายเลขโทรสารที่ให้มา ซึ่งคิดว่าคงไม่เป็นจริง แต่ลองสนุก ๆ ดู จึงติดต่อกันทางโทรสารอยู่ระยะหนึ่ง หลังจากตกลงเงื่อนไขต่าง ๆ ว่า ข้าพเจ้าจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จึงได้นัดพบกันเมื่อปลายเดือนพศฤจิกายน 2543 การพบกันวันนั้นทุกอย่างผิดข้อตกลง ข้าพเจ้าจึงเดินทางกลับภายในวันเดียว และไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเป็นเวลานาน 1 เดือน หลังจากนั้น keke ได้ติดต่อกลับไปหาข้าพเจ้า บอกว่าทุกอย่างยอมตามเงื่อนไขของข้าพเจ้า ขอให้มาทำการเปิด Non-Resident Account และรับโอนเงินจากเขา ข้าพเจ้าได้ปรึกษากับเพื่อนดู ซึ่งข้าพเจ้าคงไม่มาอีกแล้ว แต่เพื่อนข้าพเจ้าบอกว่าลองมาดูอีกทีเผื่อจะสำเร็จ เพราะไม่ได้คิดว่าจะถูกลอกคราบแบบนี้ (ถูกปล้น) คิดแต่ว่าถ้าไม่มีอะไรเราก็กลับกรุงเทพฯ เท่านั้น และอีกอย่างพวกเราก็คิดว่าไหน ๆ ก็มาแล้วก็จะขอดูตลาดการค้าที่โจฮันเนสเบอร์กด้วย ซัก 4-5 วัน จึงจะกลับ จึงตัดสินใจเดินทางมากับเพื่อนอีก 2 คน ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2544 เมื่อมาถึง เราก็โทรบอก keke ว่าเรามาถึงแล้ว ให้ส่งคนมารับด้วย keke ได้ส่งผู้หญิงผิวดำกับคนขับรถผิดดำมารับที่สนามบินในตอนเช้าประมาณ 7.30 น. โดยประมาณ และพาพวกเรา 3 คน เข้าไปในบ้าน และทำการลอกคราบพวกเรา โดยคนร้ายบอกพวกเราว่า พวกเขาเป็นตำรวจลับคองโก เขาจับพวกเราเพราะเป็นอาชญากรรมสงครามที่ไปร่วมมือกับ David keke ซึ่งขโมยเงินหลวงจากคองโก แล้วหนีมาคนร้ายบอกว่าได้จับ David keke ไว้แล้ว และทรมานให้บอกที่ซ่อนเงิน แต่ keke บอกว่าโอนให้ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าก็บอกคนร้ายว่า ข้าพเจ้ายังไม่เห็นเงินอะไร พวกนี้เลย คนร้ายค้นของพวกเราทุกคน จนไม่มีอะไรเหลือเอาไปหมด ทั้งสร้อยพระ นาฬิกา แหวน เงินทุกสกุล ซึ่งพวกเรานำติดตัวมาคนละประมาณ 4,000 กว่าเหรียญสหรัฐ เมื่อคนร้ายได้ของไปหมดแล้ว รวมทั้งกระเป๋าสัมภาระทั้งหมด ตัวหัวหน้าทีมของคนร้ายบอกว่าเป็นทหารยศร้อยเอก (Captaion ) และขู่พวกเราว่าจะจับส่งตำรวจแอฟริกาใต้ หลังจากนั้นจะถูกส่งไปติดคุกที่คองโกประมาณ 15 ปี คนร้ายบอกว่าจะกลับมาอีก 2 ชั่วโมง ข้าพเจ้าก็คุยกับคนร้ายอย่างดี นุ่มนวลไม่ขัดขืน บอกคนร้ายทุกอย่างว่าเรายังไม่ได้โอนเงินอะไรที่ว่านั้นเลย คนร้ายบอกว่าค่ำ ๆ จะส่งพวกเราไปที่โรงพัก แล้วจะคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้ที่โรงพัก ทำให้พวกเราใจชื้น ตอนใกล้เที่ยง ตัวหัวหน้าคนร้ายกลับมาบอกว่าให้เราหาเงินจากเมืองไทยมาให้ 50,000 เหรียญสหรัฐ แล้วจะปล่อยพวกเรา พวกเราบกว่า เราไม่มีเงินหรอก ข้าพเจ้าก็อธิบาย ให้เขาฟังต่าง ๆ นานา แล้วพวกเขาก็บอกว่าค่ำ ๆ จะกลับมา ช่วงนี้คนร้ายบอกให้คนของเขาหาอาหารมาให้เรา 3 คน หลังจากตัวหัวหน้าออกไปแล้ว หัวหน้าที่คุมพวกเราอยู่ ก็มาคุยกับพวกเราว่า พวกเขาจะปล่อยเราตอนค่ำ ๆ แน่นอน แต่ปล่อยโดยไปส่งสถานีตำรวจ และจะคืนทรัพย์สินทั้งหมด แต่ขอให้พวกเราจ่ายเงินให้เขา 1,000 เหรียญสหรัฐ ข้าพเจ้าก็รีบตกลงทันที แต่ก็ย้อนถามเขาว่าที่พูดมาจริงหรือเปล่า เขาก็บอกว่าแน่นอนร้อยเปอร์เซ็น เขาจะปลอบพวกเราตลอดเวลาจนเย็น พอประมาณ 1 ทุ่ม คนร้ายก็เอาหนังสือเดินทาง และตั๋วเครื่องบินมาคืนให้ และพาพวกเรา 3 คน ออกมาจากบ้านหลังนั้น ขับออกมาได้ประมาณ 15-20 นาที ก็จอดรถให้พวกเราลง คนร้ายยื่นเงิน 200 แรนด์ให้และบอกว่าให้ขึ้นแท๊กซี่ไปสนามบินแล้วกลับกรุงเทพฯ ซะ แล้วคนร้ายก็รีบขับรถออกไปเลย บริเวณที่เขาปล่อยเราอยู่ใกล้ปั๊มน้ำมัน พวกเราจึงเดินเข้าไปที่ปั๊มน้ำมัน พบชายผิวขาวทราบชื่อว่าชื่อ Mr.Colin Hayward เดินออกจากปั๊มน้ำมัน ข้าพเจ้าขอความช่วยเหลือจาก Mr.Colin โดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าว ๆ Mr.Colin พร้อมกับเพื่อนชื่อ Mr.Shane ก็พาพวกเราไปสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ และบอกว่าเมื่อพวกเราเสร็จจากโรงพักแล้วให้โทรหาด้วย จะพาพวกเราไปพักที่บ้านของเขา พวกเรารอตำรวจติดต่อสถานทูตไทย พอได้เบอร์โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้เพราะเป็นเวลานอกเวลาทำการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นี่ก็ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของพวกเราที่เกิดขึ้น ข้าพเจ้าจึงถามว่า เหตุการณ์เช่นนี้เป็นปกติหรือ ตำรวจก็บอกว่าใช่ ตำรวจก็ไม่ได้ลงบันทึกอะไร ผมจึงขอโทรติดต่อ Mr.Colin ให้มารับพวกเราไปพักที่บ้าน พอรุ่งเช้า ข้าพเจ้าได้ติดต่อไปที่สถานทูตไทย ได้พูดคุยเล่ารายละเอียดต่าง ๆ และขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย โดยได้รับความช่วยเหลือในเรื่องการเปลี่ยนเที่ยวบินและการเงินเป็นอย่างดี
เรื่องทั้งหมดนี้ ข้าพเจ้าอยากจะให้เป็นอุทธาหรณ์แก่ผู้ที่จะเดินทางมาทำธุรกิจหรือมาเที่ยวประเทศแอฟริกาใต้ และใครที่คิดจะเสี่ยงแบบพวกข้าพเจ้า ให้ลอกไตร่ตรองดูดี ๆ จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ พวกข้าพเจ้ารอดชีวิตกลับมาได้ครั้งนี้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว เหตุผลต่าง ๆ ที่ทำให้พวกเราลอกเดินทางมาครั้งนี้คือ
1. สภาพเศรษฐกิจภายในประเทศไทยที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ การทำมาหากินฝืดเคือง
2. เหตุผลเหตุการณ์ต่าง ๆ ค่อนข้างน่าเชื่อถือ
3. ความโลภ และความประมาท และความอยากเสี่ยง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-นห-