กรุงเทพฯ--15 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเดินทางไปเยือน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 22-25 มีนาคม 2544 ตามคำเชิญของฝ่ายจีน โดยมีกำหนดการ ที่จะหารือกับนายถัง เจีย สวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน และจะเข้าเยี่ยมคารวะผู้นำสำคัญด้วย โดยจะหารือประเด็นทวิภาคีและพหุภาคีที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น ความร่วมมือด้าน การค้า การลงทุน การบิน การท่องเที่ยว การป้องกันผู้หลบหนีเข้าเมือง ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ความร่วมมือในกรอบเหลี่ยมเศรษฐกิจ อาเซียน และเอเปค เป็นต้น
นับตั้งแต่ไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 ความสัมพันธ์ด้านการเมืองระหว่างไทย-จีนได้พัฒนาด้วยดีมาตลอด และเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย บนพื้นฐานของความเสมอภาค เคารพซึ่งกันและกัน ไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน และอยู่ภายใต้หลักการของผลประโยชน์ร่วมกันเพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคง สันติภาพ และเสถียรภาพของ ภูมิภาค
นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างไทย-จีนมิได้จำกัดอยู่เฉพาะในกรอบหรือเพื่อผลประโยชน์ทวิภาคีเท่านั้น หากยังอยู่ในกรอบของความร่วมมือพหุภาคี ทั้งในกรอบอนุภูมิภาคและภูมิภาค อาทิ ความร่วมมือกันในกรอบสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ความร่วมมือในกรอบของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง กรอบความร่วมมือ ASEAN-China Annual Consultation, ASEAN+3, ARF, ASEM และ APEC เป็นต้น
ผู้นำและประชาชนทั้งสองฝ่ายมีความไว้เนื้อเชื่อใจและเข้าใจกันดี โดยมีการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้นำระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ การเยือนที่สำคัญที่สุดได้เกิดขึ้นเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จฯ เยือนจีนในเดือนตุลาคม 2543 การเสด็จฯ เยือนประเทศจีนของพระบรม วงศานุวงศ์ของไทย นับว่ามีส่วนสำคัญต่อการเสริมสร้างกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่าง สองประเทศให้สนิทสนมแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งการส่งเสริมมิตรภาพและความเข้าใจระหว่างประชาชนของสองประเทศอีกด้วย
ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีนได้พัฒนาตามลำดับ การค้าสองฝ่ายในปี 2543 มีมูลค่า 6,226.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.7 เมื่อเทียบกับปี 2542 (มูลค่าการค้าปี 2542 ทั้งปี 4,333.1 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ปัจจุบันการลงทุนของไทยในจีนมี 2,751 โครงการ มูลค่าการลงทุนตามสัญญา 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้นำเงินเข้าไปลงทุนจริงแล้ว 1,871 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการลงทุนของจีนในไทยมีจำนวนมี 212 โครงการ มูลค่าประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ การเข้ามามีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของจีนในไทยเป็นการประมูลโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคถึง 1,786 โครงการ มูลค่า 1,851 ล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2542 รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและจีนได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยแผนงานความร่วมมือไทย-จีนในศตวรรษที่ 21 (Joint Statement of the Kingdom of Thailand and the People ’s Republic of China on a Plan of Action for the 21st Century) ซึ่งเป็นเอกสารฉบับแรกที่จีนลงนามกับประเทศในกลุ่มอาเซียน ได้กำหนดกรอบความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง วิชาการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร และวัฒนธรรม ความร่วมมือในกรอบสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ความร่วมมือในกรอบเวทีพหุภาคี ตลอดจนความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหาการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และปัญหายาเสพติด เป็นต้น ซึ่งจะใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ในศตวรรษที่ 21 ต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7
Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเดินทางไปเยือน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 22-25 มีนาคม 2544 ตามคำเชิญของฝ่ายจีน โดยมีกำหนดการ ที่จะหารือกับนายถัง เจีย สวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน และจะเข้าเยี่ยมคารวะผู้นำสำคัญด้วย โดยจะหารือประเด็นทวิภาคีและพหุภาคีที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น ความร่วมมือด้าน การค้า การลงทุน การบิน การท่องเที่ยว การป้องกันผู้หลบหนีเข้าเมือง ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ความร่วมมือในกรอบเหลี่ยมเศรษฐกิจ อาเซียน และเอเปค เป็นต้น
นับตั้งแต่ไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 ความสัมพันธ์ด้านการเมืองระหว่างไทย-จีนได้พัฒนาด้วยดีมาตลอด และเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย บนพื้นฐานของความเสมอภาค เคารพซึ่งกันและกัน ไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน และอยู่ภายใต้หลักการของผลประโยชน์ร่วมกันเพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคง สันติภาพ และเสถียรภาพของ ภูมิภาค
นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างไทย-จีนมิได้จำกัดอยู่เฉพาะในกรอบหรือเพื่อผลประโยชน์ทวิภาคีเท่านั้น หากยังอยู่ในกรอบของความร่วมมือพหุภาคี ทั้งในกรอบอนุภูมิภาคและภูมิภาค อาทิ ความร่วมมือกันในกรอบสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ความร่วมมือในกรอบของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง กรอบความร่วมมือ ASEAN-China Annual Consultation, ASEAN+3, ARF, ASEM และ APEC เป็นต้น
ผู้นำและประชาชนทั้งสองฝ่ายมีความไว้เนื้อเชื่อใจและเข้าใจกันดี โดยมีการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้นำระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ การเยือนที่สำคัญที่สุดได้เกิดขึ้นเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จฯ เยือนจีนในเดือนตุลาคม 2543 การเสด็จฯ เยือนประเทศจีนของพระบรม วงศานุวงศ์ของไทย นับว่ามีส่วนสำคัญต่อการเสริมสร้างกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่าง สองประเทศให้สนิทสนมแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งการส่งเสริมมิตรภาพและความเข้าใจระหว่างประชาชนของสองประเทศอีกด้วย
ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีนได้พัฒนาตามลำดับ การค้าสองฝ่ายในปี 2543 มีมูลค่า 6,226.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.7 เมื่อเทียบกับปี 2542 (มูลค่าการค้าปี 2542 ทั้งปี 4,333.1 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ปัจจุบันการลงทุนของไทยในจีนมี 2,751 โครงการ มูลค่าการลงทุนตามสัญญา 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้นำเงินเข้าไปลงทุนจริงแล้ว 1,871 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการลงทุนของจีนในไทยมีจำนวนมี 212 โครงการ มูลค่าประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ การเข้ามามีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของจีนในไทยเป็นการประมูลโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคถึง 1,786 โครงการ มูลค่า 1,851 ล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2542 รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและจีนได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยแผนงานความร่วมมือไทย-จีนในศตวรรษที่ 21 (Joint Statement of the Kingdom of Thailand and the People ’s Republic of China on a Plan of Action for the 21st Century) ซึ่งเป็นเอกสารฉบับแรกที่จีนลงนามกับประเทศในกลุ่มอาเซียน ได้กำหนดกรอบความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง วิชาการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร และวัฒนธรรม ความร่วมมือในกรอบสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ความร่วมมือในกรอบเวทีพหุภาคี ตลอดจนความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหาการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และปัญหายาเสพติด เป็นต้น ซึ่งจะใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ในศตวรรษที่ 21 ต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7
Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-