เมื่อเวลา 14.00 น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรื่องการทุจริตเครื่องตรวจวัตถุซีทีเอ็กซ์ภายหลังการประชุมคณะทำงานฯว่าจากการประชุมคณะทำงานที่ติดตามกรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 โดยเฉพาะหลังจากที่พรรคได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็มีการดำเนินการของรัฐบาลในเรื่องการทำสัญญาใหม่ ทั้งเรื่องการนำเข้าเครื่องซีทีเอ็กซ์ ตลอดถึงการชี้แจงถึงสัญญาใหม่ที่ได้ทำขึ้นระหว่างบทม.กับ บริษัทจีอี และการแก้ไขสัญญาระหว่างบทม.และไอทีโอ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านในการอภิปรายายไม่ไว้วางใจ นอกเหนือจากการที่รัฐบาลไม่เอาจริงในการดำเนินการใช้สนธิสัญญามาลงโทษ แบ่งเป็นม 3 ข้อ คือ 1. กระบวนการของการอนุมัติโครงการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้เป็นผลมาจากกระบวนการสมคบ เพื่อให้เกิดการซื้อขายอุปกรณ์ในลักษณะซื้ออ้อม ผ่านตัวแทนหลายทอด ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการทุจริต 2. เงินที่ถูกนำไปใช้เป็นเงินสินบนแก้เจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง ก็เกิดขึ้นจากการสร้างส่วนต่างของราคา จากการขายผ่านหลายทอดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ซีทีเอ็กซ์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง 17 รายการ
‘ซึ่งคนไทยเริ่มต้นซื้อจากสหรัฐมาในราคาประมาณ 1,400 ล้านบาท แต่ในโครงการที่นำมาติดตั้ง ทำให้บทม.ต้องจ่ายปลายทางเป็นราคา 2,600ล้านบาท คือมีส่วนต่างอยู่ 1,200ล้านบาท ซึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้คำนวนส่วนต่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ และน่าจะเป็นช่องว่างที่นำไปสู่สินบนมีประมาณ 600 ล้านบาท’หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ข้อ 3.ตามสัญญาเดิมนั้นหลังจากเกิดปัญหาขึ้นกับกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ ซึ่งชัดเจนว่าเครื่องซีทีเอ็กซ์ไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้ แต่ว่าในขณะที่บทม.และรัฐมนตรีได้รับทราบว่าเครื่องซีทีเอ็กซ์ไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้ แต่ยังมีการจ่ายเงินในโครงการนี้ออกไป ซึ่งเงินได้ตกไปอยู่ในมือของบริษัทแพทธิออทประมาณ 600 ล้าน และอยู่ในมือของไอทีโออีก 900 ล้านบาท รวมเป็น 1,500 ล้านบาท
‘ซึ่งอยากย้ำว่า 1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการอภิปรายเป็นต้นมาไม่มีสิ่งใดเลยที่มาหักล้างข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน ในทางตรงกันข้ามมีข้อเท็จจริงและมีการกระทำที่แสดงให้เห็นว่ากระบวนการทุจริตยังเป็นไปในลักษณะที่ผ่านค้านกล่าวหา 2. มีความพยายามที่พูดให้เกิดความสับสนว่าฝ่ายค้านเปลี่ยนข้อกล่าวหาตลอดเวลา แต่ความเป็นจริงแล้วข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านเหมือนเดิมทุกประการ ถึงความไม่ชอบมาพากลและการทุจริต’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า วันนี้ได้เอาสัญญามาดูและพรรคได้เห็นถึงความเป็นจริงและยังเป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะดำเนินการแบบเดิม กล่าวคือ ประการแรก หากสิ่งที่ฝ่ายค้านพูดไม่เป็นความจริง รัฐบาลคงไม่ต้องไปทำสัญญาใหม่ และการทำสัญญาใหม่ระบุชัดในสัญญาว่าจำเป็นจะต้องทำเพื่อไม่ให้เป็นปัญหากับกระทรวงยุติธรรม เมื่อมีการทำสัญญาใหม่เครื่องซีทีเอ็กซ์จึงจะสามารถเดินทางมาได้ ซึ่งการเดินทางมาของเครื่องก็ไม่ได้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีกล่าวอ้างในสภา ที่บอกว่าจะขึ้นเรือมา ซึ่งถือว่าเป็นการพูดความเท็จในสภาอย่างชัดแจ้ง
ประการที่ 2 คือ แม้มีการทำสัญญาใหม่ที่เรียกว่าซื้อตรง แต่ไม่ได้เป็นการซื้อแล้วมาดำเนินการเอง ยังให้บทม.ดำเนินการ โดยยังยืนยันจะให้บทม.มอบให้บริษัทแพทธิออทเป็นผู้ดำเนินการ เพราะฉะนั้นในทางปฏิบัติขบวนการในการใช้บริษัทหลายทอดยังคงอยู่เหมือนเดิม เหตุผลสำคัญคงเป็นเพราะว่าเงินที่จ่ายไปโดยไม่สมควรจ่ายและรัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไปตรวจสอบ และเอาเงินคืนมาแม้กระทั้งการชำระค่าเครื่องต่างๆก็จะให้บทม.เป็นผู้จัดการ
ประการที่ 3 คือ ส่วนต่างราคาที่อธิบายไม่ได้ จนถึงวันนี้รัฐบาลยังยืนยันจะใช้เงิน 2,600 ล้าน ในโครงการนี้ และ เงิน 600 ล้านก็ไม่สามารถอธิบายได้ วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำตารางเปรียบเทียบ.ให้เห็นตัวเลขในส่วนต่างราคา 17 รายการและการทำงานที่เกี่ยวข้อง ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยบอกว่าเงินหายไป 600 ล้านวันนี้พรรคฯก็ขอยืนยันคำเดิมทุกประการ
‘สิ่งที่น่าสนใจคือในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงสัญญา คำชี้แจงเรื่อง 2,600ล้าน วันที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ วันที่นายวิษณุ เครืองาม และวันที่ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ชี้แจงไม่เคยเหมือนกันเลย เพราะฉะนั้นสิ่งที่น่าแปลกคือที่มากล่าวหาฝ่ายค้านว่าเปลี่ยนข้อกล่าวหา เปลี่ยนตัวเลข แต่วันนี้ปรากฎชัดแล้วว่ารัฐบาลต่างหากที่คำชี้แจงไม่เคยตรงกัน และอีกประการหนึ่งคือเมื่อทางรัฐบาลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนปัจจุบันไม่สามารถที่จะโปร่งตัวเลขได้ แต่ก็ยังมีความพยายามจะให้ตัวเลขรวมเท่ากับ 2,600ล้าน จึงมีการไปนำตัวเลขอื่นมาบวก เพื่อให้เป็นตัวเลขที่ตั้งไว้ 2,600 ล้านให้ได้’หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 9 ส.ค. 2548--จบ--
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านในการอภิปรายายไม่ไว้วางใจ นอกเหนือจากการที่รัฐบาลไม่เอาจริงในการดำเนินการใช้สนธิสัญญามาลงโทษ แบ่งเป็นม 3 ข้อ คือ 1. กระบวนการของการอนุมัติโครงการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้เป็นผลมาจากกระบวนการสมคบ เพื่อให้เกิดการซื้อขายอุปกรณ์ในลักษณะซื้ออ้อม ผ่านตัวแทนหลายทอด ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการทุจริต 2. เงินที่ถูกนำไปใช้เป็นเงินสินบนแก้เจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง ก็เกิดขึ้นจากการสร้างส่วนต่างของราคา จากการขายผ่านหลายทอดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ซีทีเอ็กซ์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง 17 รายการ
‘ซึ่งคนไทยเริ่มต้นซื้อจากสหรัฐมาในราคาประมาณ 1,400 ล้านบาท แต่ในโครงการที่นำมาติดตั้ง ทำให้บทม.ต้องจ่ายปลายทางเป็นราคา 2,600ล้านบาท คือมีส่วนต่างอยู่ 1,200ล้านบาท ซึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้คำนวนส่วนต่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ และน่าจะเป็นช่องว่างที่นำไปสู่สินบนมีประมาณ 600 ล้านบาท’หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ข้อ 3.ตามสัญญาเดิมนั้นหลังจากเกิดปัญหาขึ้นกับกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ ซึ่งชัดเจนว่าเครื่องซีทีเอ็กซ์ไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้ แต่ว่าในขณะที่บทม.และรัฐมนตรีได้รับทราบว่าเครื่องซีทีเอ็กซ์ไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้ แต่ยังมีการจ่ายเงินในโครงการนี้ออกไป ซึ่งเงินได้ตกไปอยู่ในมือของบริษัทแพทธิออทประมาณ 600 ล้าน และอยู่ในมือของไอทีโออีก 900 ล้านบาท รวมเป็น 1,500 ล้านบาท
‘ซึ่งอยากย้ำว่า 1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการอภิปรายเป็นต้นมาไม่มีสิ่งใดเลยที่มาหักล้างข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน ในทางตรงกันข้ามมีข้อเท็จจริงและมีการกระทำที่แสดงให้เห็นว่ากระบวนการทุจริตยังเป็นไปในลักษณะที่ผ่านค้านกล่าวหา 2. มีความพยายามที่พูดให้เกิดความสับสนว่าฝ่ายค้านเปลี่ยนข้อกล่าวหาตลอดเวลา แต่ความเป็นจริงแล้วข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านเหมือนเดิมทุกประการ ถึงความไม่ชอบมาพากลและการทุจริต’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า วันนี้ได้เอาสัญญามาดูและพรรคได้เห็นถึงความเป็นจริงและยังเป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะดำเนินการแบบเดิม กล่าวคือ ประการแรก หากสิ่งที่ฝ่ายค้านพูดไม่เป็นความจริง รัฐบาลคงไม่ต้องไปทำสัญญาใหม่ และการทำสัญญาใหม่ระบุชัดในสัญญาว่าจำเป็นจะต้องทำเพื่อไม่ให้เป็นปัญหากับกระทรวงยุติธรรม เมื่อมีการทำสัญญาใหม่เครื่องซีทีเอ็กซ์จึงจะสามารถเดินทางมาได้ ซึ่งการเดินทางมาของเครื่องก็ไม่ได้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีกล่าวอ้างในสภา ที่บอกว่าจะขึ้นเรือมา ซึ่งถือว่าเป็นการพูดความเท็จในสภาอย่างชัดแจ้ง
ประการที่ 2 คือ แม้มีการทำสัญญาใหม่ที่เรียกว่าซื้อตรง แต่ไม่ได้เป็นการซื้อแล้วมาดำเนินการเอง ยังให้บทม.ดำเนินการ โดยยังยืนยันจะให้บทม.มอบให้บริษัทแพทธิออทเป็นผู้ดำเนินการ เพราะฉะนั้นในทางปฏิบัติขบวนการในการใช้บริษัทหลายทอดยังคงอยู่เหมือนเดิม เหตุผลสำคัญคงเป็นเพราะว่าเงินที่จ่ายไปโดยไม่สมควรจ่ายและรัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไปตรวจสอบ และเอาเงินคืนมาแม้กระทั้งการชำระค่าเครื่องต่างๆก็จะให้บทม.เป็นผู้จัดการ
ประการที่ 3 คือ ส่วนต่างราคาที่อธิบายไม่ได้ จนถึงวันนี้รัฐบาลยังยืนยันจะใช้เงิน 2,600 ล้าน ในโครงการนี้ และ เงิน 600 ล้านก็ไม่สามารถอธิบายได้ วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำตารางเปรียบเทียบ.ให้เห็นตัวเลขในส่วนต่างราคา 17 รายการและการทำงานที่เกี่ยวข้อง ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยบอกว่าเงินหายไป 600 ล้านวันนี้พรรคฯก็ขอยืนยันคำเดิมทุกประการ
‘สิ่งที่น่าสนใจคือในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงสัญญา คำชี้แจงเรื่อง 2,600ล้าน วันที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ วันที่นายวิษณุ เครืองาม และวันที่ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ชี้แจงไม่เคยเหมือนกันเลย เพราะฉะนั้นสิ่งที่น่าแปลกคือที่มากล่าวหาฝ่ายค้านว่าเปลี่ยนข้อกล่าวหา เปลี่ยนตัวเลข แต่วันนี้ปรากฎชัดแล้วว่ารัฐบาลต่างหากที่คำชี้แจงไม่เคยตรงกัน และอีกประการหนึ่งคือเมื่อทางรัฐบาลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนปัจจุบันไม่สามารถที่จะโปร่งตัวเลขได้ แต่ก็ยังมีความพยายามจะให้ตัวเลขรวมเท่ากับ 2,600ล้าน จึงมีการไปนำตัวเลขอื่นมาบวก เพื่อให้เป็นตัวเลขที่ตั้งไว้ 2,600 ล้านให้ได้’หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 9 ส.ค. 2548--จบ--