สรุปผลการประชุม : สรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร(คชก.)
สืบเนื่องจากคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ครั้งที่ 3/2544 (ครั้งที่ 112) วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2544 เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาโครงการต่าง ๆ ที่ขอใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (กชก.) ซึ่งสรุปผลการประชุมได้ดังนี้
2.1 ปาล์มน้ำมัน : การแทรกแซงตลาดน้ำมันปาล์ม ปี 2543(เพิ่มเติม)
เนื่องจากการแทรกแซงรับซื้อผลปาล์มปี 2544 นี้ เป็นการใช้เงินคงเหลือจากการแทรกแซงรับซื้อผลปาล์ม ปี 2543 ที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการ คชก. ได้กำหนดราคาแทรกแซงผลปาล์มไว้ที่กิโลกรัมละ 1.79 บาท ถ้าคณะกรรมการ คชก. อนุมัติให้แทรกแซงผลปาล์มที่กิโลกรัมละ 1.79 บาท จะต้องชดเชยส่วนต่างราคาส่งออกในอัตราตันละ 4,535 บาท แทรกแซงน้ำมันปาล์มดิบส่งออกได้ประมาณ 30,000 ตัน คิดเป็นผลปาล์มประมาณ 176,400 ตัน โดยเชื่อว่า การระบายส่งออกน้ำมันปาล์มดิบประมาณ 30,000 ตัน จะช่วยให้ราคาผลปาล์มภายในประเทศจะสูงขึ้นจากปัจจุบันได้ อีกทั้งขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซียได้แข็งตัวขึ้นหลังจากที่มีการประชุมคณะกรรมการ คชก. ในครั้งก่อนจากราคาตันละ 740 ริงกิต หรือ กก.ละ 8.30 บาท เมื่อ 2 มีนาคม 2544 เป็นตันละ 815 ริงกิตหรือ กก.ละ 9.30 บาทในปัจจุบัน ณ 15 มีนาคม 2544
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการ คชก. เห็นชอบปรับเพิ่มราคาแทรกแซง เห็นควรมอบหมายให้ อคส. ร่วมกับกรมการค้าภายใน กำหนดอัตราชดเชยการส่งออกโดยใช้ราคาน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซียเฉลี่ยย้อนหลัง 10 วัน หักด้วยค่าขนส่ง คิดเป็นราคาส่งออกแล้วนำไปหักราคาแทรกแซงรับซื้อ เป็นอัตราชดเชยการส่งออก โดยแบ่งการส่งออกเป็นงวด ๆ ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ด้านราคา
ที่ประชุมมีมติกำหนดราคาเป้าหมายนำที่ไม่ต่ำกว่า 1.50 บาท/กิโลกรัม ทั้งนี้โดยให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามราคาตลาดโลก ส่วนปริมาณแทรกแซงตลาดอยู่ที่ 50,000 ตัน โดยให้ อคส. รับซื้อและขายให้ผู้ส่งออกทันที โดยชดเชยราคาส่งออกไม่เกินตันละ 2,830 บาท
2.2 มะพร้าว : การแทรกแซงตลาดมะพร้าว
1. ให้องค์การคลังสินค้าเข้าแทรกแซงรับซื้อเนื้อมะพร้าวแห้ง 90% เพื่อส่งออกหรือจำหน่ายให้กับผู้ซื้อเพื่อนำไปส่งออกหรือสกัดน้ำมันมะพร้าวแล้วส่งออก จำนวนประมาณ 20,000 ตัน
2. ราคาแทรกแซงรับซื้อเนื้อมะพร้าวแห้ง 90% (ทับสะแก) กก.ละ 6.00 บาท ทั้งนี้ คำนวณจากราคารับซื้อทั่วไปปัจจุบัน (16 มีค.44) บวกด้วยราคานำตลาด กก.ละ 2.00 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 51 ซึ่งเท่ากับราคาส่วนเพิ่มที่เคยคิดเพิ่มให้ในปีที่ผ่านมา
สำหรับแหล่งผลิตจังหวัดอื่น ให้กำหนดโดยเทียบเคียงจากฐานราคาเป้าหมายนำ เนื้อมะพร้าวแห้ง 90% (ทับสะแก) เพิ่ม-ลดได้ตามสัดส่วนราคาตลาดและคุณภาพ ทั้งนี้จะใช้วงเงินประมาณ 125 ล้านบาท ระยะเวลารับซื้อเดือนมีนาคม-สิงหาคม 2544 ระยะเวลาโครงการมีนาคม-ตุลาคม 2544
2.3 สับปะรด : การแทรกแซงตลาดสับปะรด ปี 2544
สมาคมชาวไร่สับปะรดไทยขอให้ดำเนินการระบายสับปะรดออกนอกแหล่งผลิต จำนวน 100,000 ตัน ในช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน 2544 โดยขอรับการสนับสนุนค่าดำเนินการรวบรวมผลลผิตและค่าขนส่งในการนำสับปะรดไปจำหน่ายในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ที่ประชุมมีมติอนุมัติวงเงิน 50 ล้านบาท มอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำไปดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ โดยวิธีชดเชยรายได้โดยตรงให้แก่เกษตรกรรายย่อยที่เป็นสมาชิกสถาบันเกษตรกรที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
2.4 น้ำนมดิบ : การแก้ไขปัญหาการจำหน่ายน้ำนมดิบ
ชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด ขออนุมัติเงินยืมจาก กชก. โดยผ่านกรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวน 500 ล้านบาท และเงินจ่ายขาดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 5 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนให้โรงงานผู้ผลิตนมพร้อมดื่มใช้ในการรับซื้อน้ำนมดิบที่เหลือในช่วงปิดเทอม 15 มีนาคม - 15 พฤษภาคม 2544 จำนวน 20,000 ตัน เพื่อแปรรูปเป็นนม UHT. สต็อกไว้นำหน่ายในช่วงเปิดเทอม
ที่ประชุมมีมติอนุมัติเงินยืมจำนวน 488 ล้านบาท เพื่อเป็นค่ารับซื้อน้ำนมดิบและค่าผลิตนม UHT. จำนวน 100 ล้านกล่อง โดยเป็นค่าน้ำนม 2.50 บาท/กล่อง ค่ากล่อง ๆ ละ 1.50 บาท และค่าดำเนินการกล่องละ 0.88 บาท และเป็นเงินจ่ายขาดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอีกจำนวน 5 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 493 บาท
2.5 มันสำปะหลัง : ขอขยายระยะเวลาโครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูป มันสำปะหลังเพื่อช่วยเหลือผู้ปลูกมันสำปะหลัง
1. ขยายระยะเวลาโครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูปมันสำปะหลังเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2542/43 ซึ่งสิ้นสุดเดือนมกราคม 2544 ออกไปเป็นสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2544 เพื่อให้บริษัทฯ สามารถจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อที่ขอต่อรองจ่ายเงินหลังจากรับสินค้าไปแล้ว 4-6 เดือน (ในรูปเงินเชื่อ)
2. ขอให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ดำเนินโครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูปมันสำปะหลังเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2543/44 เพื่อให้รับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากบริษัท ฯ ได้
ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาโครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูปมันสำปะหลังเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2542/43 ตามที่เสนอ แต่ขอให้เลื่อนเป็นครั้งสุดท้าย และให้ อคส. ดำเนินโครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูปมันสำปะหลัง ปี 2543 ตามที่เสนอ
2.6 ลำไย : ขอขยายระยะเวลาโครงการแทรกแซงตลาดลำไย ปี 2543
1.ให้ขยายระยะเวลาส่งคืนเงินกู้ของผู้เข้าร่วมโครงการของกรมส่งเสริม- การเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมวิชาการเกษตร เป็นสิ้นสุด 31 กรกฎาคม 2544
2. ให้คงมติ คชก. เกี่ยวกับระยะเวลาการไถ่ถอนลำไยอบแห้ง ตามโครงการรับจำนำลำไยอบแห้ง ปี 2543 ของ อตก. และ อคส.
3. เร่งระบายการจำหน่ายลำไยอบแห้งทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาส่งคืนเงินกู้ของผู้เข้าร่วมโครงการของกรมส่งเสริมการเกษตร กมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมวิชาการเกษตร เป็นสิ้นสุด 31 กรกฎาคม 2544 ตามที่เสนอ
ให้ขยายระยะเวลาการไถ่ถอนลำไยอบแห้งตามโครงการรับจำนำลำไยอบแห้งปี 2543 ของ อตก. และ อคส. ออกไป จากมีนาคม 2544 เป็น เมษายน 2544
เห็นควรให้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการเร่งระบายลำไยอบแห้งออกสู่ตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ
2.7 กระเทียม : การแทรกแซงตลาดกระเทียมฤดูการผลิต ปี 2543/44
1. อนุมัติเงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจำนวน 200 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ยให้กระทรวงมหาดไทยนำไปจัดสรรให้กับจังหวัดที่เข้าร่วมโครงการเพื่อนำไปให้ผู้ประกอบการค้าทั่วไป สหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรยืมไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรับซื้อกระเทียมในราคาตลาด เมื่อราคาตลาดต่ำกว่าราคาเป้าหมายนำ โดยกำหนดราคาเป้าหมายนำกระเทียมแห้งคละกิโลกรัมละ 15.00 บาท (คิดเป็นกระเทียมสด กิโลกรัมละ 5.00 บาท) และอนุมัติจ่ายขาดจำนวน 0.875 ล้านบาท ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เพื่อนำไปให้ สหกรณ์ในแหล่งผลิต จ่ายเป็นค่าขนส่ง และค่าจัดการในการนำกระเทียมจากแหล่งผลิตจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และแม่ฮ่องสอน ไปจำหน่ายตลาดปลายทางนอกแหล่งผลิตในอัตราไม่เกินกิโลกรัมละ 1.75 บาท จำนวน 500 ตัน
นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และจังหวัดที่เข้าร่วม โครงการ ช่วยดำเนินการปราบปรามและสัดกั้นกระเทียมลักลอบ ให้ได้ผลอย่างจริงจัง และ ต่อเนื่อง
--รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรประจำวันที่ 19-25 มี.ค.2544--
-สส-
สืบเนื่องจากคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ครั้งที่ 3/2544 (ครั้งที่ 112) วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2544 เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาโครงการต่าง ๆ ที่ขอใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (กชก.) ซึ่งสรุปผลการประชุมได้ดังนี้
2.1 ปาล์มน้ำมัน : การแทรกแซงตลาดน้ำมันปาล์ม ปี 2543(เพิ่มเติม)
เนื่องจากการแทรกแซงรับซื้อผลปาล์มปี 2544 นี้ เป็นการใช้เงินคงเหลือจากการแทรกแซงรับซื้อผลปาล์ม ปี 2543 ที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการ คชก. ได้กำหนดราคาแทรกแซงผลปาล์มไว้ที่กิโลกรัมละ 1.79 บาท ถ้าคณะกรรมการ คชก. อนุมัติให้แทรกแซงผลปาล์มที่กิโลกรัมละ 1.79 บาท จะต้องชดเชยส่วนต่างราคาส่งออกในอัตราตันละ 4,535 บาท แทรกแซงน้ำมันปาล์มดิบส่งออกได้ประมาณ 30,000 ตัน คิดเป็นผลปาล์มประมาณ 176,400 ตัน โดยเชื่อว่า การระบายส่งออกน้ำมันปาล์มดิบประมาณ 30,000 ตัน จะช่วยให้ราคาผลปาล์มภายในประเทศจะสูงขึ้นจากปัจจุบันได้ อีกทั้งขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซียได้แข็งตัวขึ้นหลังจากที่มีการประชุมคณะกรรมการ คชก. ในครั้งก่อนจากราคาตันละ 740 ริงกิต หรือ กก.ละ 8.30 บาท เมื่อ 2 มีนาคม 2544 เป็นตันละ 815 ริงกิตหรือ กก.ละ 9.30 บาทในปัจจุบัน ณ 15 มีนาคม 2544
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการ คชก. เห็นชอบปรับเพิ่มราคาแทรกแซง เห็นควรมอบหมายให้ อคส. ร่วมกับกรมการค้าภายใน กำหนดอัตราชดเชยการส่งออกโดยใช้ราคาน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซียเฉลี่ยย้อนหลัง 10 วัน หักด้วยค่าขนส่ง คิดเป็นราคาส่งออกแล้วนำไปหักราคาแทรกแซงรับซื้อ เป็นอัตราชดเชยการส่งออก โดยแบ่งการส่งออกเป็นงวด ๆ ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ด้านราคา
ที่ประชุมมีมติกำหนดราคาเป้าหมายนำที่ไม่ต่ำกว่า 1.50 บาท/กิโลกรัม ทั้งนี้โดยให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามราคาตลาดโลก ส่วนปริมาณแทรกแซงตลาดอยู่ที่ 50,000 ตัน โดยให้ อคส. รับซื้อและขายให้ผู้ส่งออกทันที โดยชดเชยราคาส่งออกไม่เกินตันละ 2,830 บาท
2.2 มะพร้าว : การแทรกแซงตลาดมะพร้าว
1. ให้องค์การคลังสินค้าเข้าแทรกแซงรับซื้อเนื้อมะพร้าวแห้ง 90% เพื่อส่งออกหรือจำหน่ายให้กับผู้ซื้อเพื่อนำไปส่งออกหรือสกัดน้ำมันมะพร้าวแล้วส่งออก จำนวนประมาณ 20,000 ตัน
2. ราคาแทรกแซงรับซื้อเนื้อมะพร้าวแห้ง 90% (ทับสะแก) กก.ละ 6.00 บาท ทั้งนี้ คำนวณจากราคารับซื้อทั่วไปปัจจุบัน (16 มีค.44) บวกด้วยราคานำตลาด กก.ละ 2.00 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 51 ซึ่งเท่ากับราคาส่วนเพิ่มที่เคยคิดเพิ่มให้ในปีที่ผ่านมา
สำหรับแหล่งผลิตจังหวัดอื่น ให้กำหนดโดยเทียบเคียงจากฐานราคาเป้าหมายนำ เนื้อมะพร้าวแห้ง 90% (ทับสะแก) เพิ่ม-ลดได้ตามสัดส่วนราคาตลาดและคุณภาพ ทั้งนี้จะใช้วงเงินประมาณ 125 ล้านบาท ระยะเวลารับซื้อเดือนมีนาคม-สิงหาคม 2544 ระยะเวลาโครงการมีนาคม-ตุลาคม 2544
2.3 สับปะรด : การแทรกแซงตลาดสับปะรด ปี 2544
สมาคมชาวไร่สับปะรดไทยขอให้ดำเนินการระบายสับปะรดออกนอกแหล่งผลิต จำนวน 100,000 ตัน ในช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน 2544 โดยขอรับการสนับสนุนค่าดำเนินการรวบรวมผลลผิตและค่าขนส่งในการนำสับปะรดไปจำหน่ายในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ที่ประชุมมีมติอนุมัติวงเงิน 50 ล้านบาท มอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำไปดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ โดยวิธีชดเชยรายได้โดยตรงให้แก่เกษตรกรรายย่อยที่เป็นสมาชิกสถาบันเกษตรกรที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
2.4 น้ำนมดิบ : การแก้ไขปัญหาการจำหน่ายน้ำนมดิบ
ชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด ขออนุมัติเงินยืมจาก กชก. โดยผ่านกรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวน 500 ล้านบาท และเงินจ่ายขาดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 5 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนให้โรงงานผู้ผลิตนมพร้อมดื่มใช้ในการรับซื้อน้ำนมดิบที่เหลือในช่วงปิดเทอม 15 มีนาคม - 15 พฤษภาคม 2544 จำนวน 20,000 ตัน เพื่อแปรรูปเป็นนม UHT. สต็อกไว้นำหน่ายในช่วงเปิดเทอม
ที่ประชุมมีมติอนุมัติเงินยืมจำนวน 488 ล้านบาท เพื่อเป็นค่ารับซื้อน้ำนมดิบและค่าผลิตนม UHT. จำนวน 100 ล้านกล่อง โดยเป็นค่าน้ำนม 2.50 บาท/กล่อง ค่ากล่อง ๆ ละ 1.50 บาท และค่าดำเนินการกล่องละ 0.88 บาท และเป็นเงินจ่ายขาดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอีกจำนวน 5 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 493 บาท
2.5 มันสำปะหลัง : ขอขยายระยะเวลาโครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูป มันสำปะหลังเพื่อช่วยเหลือผู้ปลูกมันสำปะหลัง
1. ขยายระยะเวลาโครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูปมันสำปะหลังเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2542/43 ซึ่งสิ้นสุดเดือนมกราคม 2544 ออกไปเป็นสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2544 เพื่อให้บริษัทฯ สามารถจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อที่ขอต่อรองจ่ายเงินหลังจากรับสินค้าไปแล้ว 4-6 เดือน (ในรูปเงินเชื่อ)
2. ขอให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ดำเนินโครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูปมันสำปะหลังเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2543/44 เพื่อให้รับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากบริษัท ฯ ได้
ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาโครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูปมันสำปะหลังเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2542/43 ตามที่เสนอ แต่ขอให้เลื่อนเป็นครั้งสุดท้าย และให้ อคส. ดำเนินโครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูปมันสำปะหลัง ปี 2543 ตามที่เสนอ
2.6 ลำไย : ขอขยายระยะเวลาโครงการแทรกแซงตลาดลำไย ปี 2543
1.ให้ขยายระยะเวลาส่งคืนเงินกู้ของผู้เข้าร่วมโครงการของกรมส่งเสริม- การเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมวิชาการเกษตร เป็นสิ้นสุด 31 กรกฎาคม 2544
2. ให้คงมติ คชก. เกี่ยวกับระยะเวลาการไถ่ถอนลำไยอบแห้ง ตามโครงการรับจำนำลำไยอบแห้ง ปี 2543 ของ อตก. และ อคส.
3. เร่งระบายการจำหน่ายลำไยอบแห้งทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาส่งคืนเงินกู้ของผู้เข้าร่วมโครงการของกรมส่งเสริมการเกษตร กมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมวิชาการเกษตร เป็นสิ้นสุด 31 กรกฎาคม 2544 ตามที่เสนอ
ให้ขยายระยะเวลาการไถ่ถอนลำไยอบแห้งตามโครงการรับจำนำลำไยอบแห้งปี 2543 ของ อตก. และ อคส. ออกไป จากมีนาคม 2544 เป็น เมษายน 2544
เห็นควรให้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการเร่งระบายลำไยอบแห้งออกสู่ตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ
2.7 กระเทียม : การแทรกแซงตลาดกระเทียมฤดูการผลิต ปี 2543/44
1. อนุมัติเงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจำนวน 200 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ยให้กระทรวงมหาดไทยนำไปจัดสรรให้กับจังหวัดที่เข้าร่วมโครงการเพื่อนำไปให้ผู้ประกอบการค้าทั่วไป สหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรยืมไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรับซื้อกระเทียมในราคาตลาด เมื่อราคาตลาดต่ำกว่าราคาเป้าหมายนำ โดยกำหนดราคาเป้าหมายนำกระเทียมแห้งคละกิโลกรัมละ 15.00 บาท (คิดเป็นกระเทียมสด กิโลกรัมละ 5.00 บาท) และอนุมัติจ่ายขาดจำนวน 0.875 ล้านบาท ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เพื่อนำไปให้ สหกรณ์ในแหล่งผลิต จ่ายเป็นค่าขนส่ง และค่าจัดการในการนำกระเทียมจากแหล่งผลิตจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และแม่ฮ่องสอน ไปจำหน่ายตลาดปลายทางนอกแหล่งผลิตในอัตราไม่เกินกิโลกรัมละ 1.75 บาท จำนวน 500 ตัน
นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และจังหวัดที่เข้าร่วม โครงการ ช่วยดำเนินการปราบปรามและสัดกั้นกระเทียมลักลอบ ให้ได้ผลอย่างจริงจัง และ ต่อเนื่อง
--รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรประจำวันที่ 19-25 มี.ค.2544--
-สส-