ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ปี 2544 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วขยายตัวร้อยละ 1.8 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 7 ไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นผลจากปัจจัยสำคัญคือการส่งออกหดตัวและมีแนวโน้มชัดเจนมากขึ้นซึ่งส่งผลเชื่อมโยงถึงการผลิตที่ยังมีกำลังการผลิตส่วนเกินในระบบอีกมาก รวมทั้งการลงทุนภาครัฐที่ลดลง และการชะลอตัวของการใช้จ่ายของครัวเรือน ส่วนปัจจัยที่ยังเอื้ออำนวยต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมได้แก่ รายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรายจ่ายประจำของรัฐบาลจากการดำเนินนโยบายการคลังขาดดุล ตลอดจนการลงทุนภาคเอกชน ที่แม้ว่าจะขยายตัวค่อนข้างดี แต่ได้เริ่มปรากฏสัญญาณของการชะลอตัวโดยเฉพาะการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์
ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ได้เริ่มส่งสัญญาณตั้งแต่ครึ่งหลังของปีที่ผ่านมาปรากฏชัดเจนมากขึ้น ประกอบด้วย
ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ช้าลงกว่าที่คาดไว้เดิม ซึ่งกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทยมากกว่าในช่วงปลายปีที่แล้ว
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระบบเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับสูงและยังเป็นอุปสรรคต่อภาคธุรกิจและการเงิน
อัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงประมาณร้อยละ 4.25 เท่ากับจำนวนผู้ว่างงานประมาณ 1.41 ล้านคน
สำหรับภาวะการผลิตในไตรมาสแรกนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากการขยายตัวของภาคการเกษตรร้อยละ 2.3 และนอกภาคการเกษตร ร้อยละ 1.7 การผลิตในภาคเกษตร ขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกหมวดการผลิต : หมวดพืชผล ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ถั่วเขียว กาแฟ สับปะรด ผัก และผลไม้ หมวดปศุสัตว์ ได้แก่ ไก่เนื้อ หมวดประมง ได้แก่ การผลิตกุ้งส่งออก
สำหรับการผลิตภาคนอกการเกษตร การผลิตของสาขาอุตสาหกรรมขยายตัวเพียงร้อยละ 1.3 เป็นผลมาจากการส่งออกที่ชะลอตัวลงในอุตสาหกรรมสินค้าทุนและเทคโนโลยีตามภาวะเศรษฐกิจของคู่ค้าสำคัญที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีและตลาดต่างประเทศสูง ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องจักรและเครื่องใช้สำนักงาน(คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์) และอุตสาหกรรมเครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์ ขณะที่อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกดีขึ้นเนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง อุตสาหกรรมที่สำคัญได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย อุตสาหกรรมหนังและเครื่องหนัง และอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
สำหรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2544 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่มีแนวโน้มขยายตัวได้สูงกว่าครึ่งแรกของปี ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังอ่อนแอซึ่งจะมีผลกระทบที่สำคัญต่อการส่งออกของไทยและทำให้การส่งออกในครึ่งหลังฟื้นตัวขึ้นได้ยาก ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ และการลงทุนภาคเอกชนไม่สามารถขยายตัวได้ดี อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภคยังไม่ปรับตัวดีขึ้น จึงคาดว่าช่วงครึ่งหลังของปีเศรษฐกิจจะยังอยู่ในช่วงของการชะลอตัวต่อเนื่องจากต้นปี
อย่างไรก็ตามปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจที่สำคัญคือ การดำเนินมาตรการของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศทั้งในส่วนของการใช้จ่ายของรัฐบาลและการดำเนินมาตรการเพื่อ กระตุ้นการหารายได้เงินตราต่างประเทศ และการใช้จ่ายภาคเอกชน
คาดว่าภายใต้เงื่อนไขภาวะเศรษฐกิจโลกที่เป็นข้อจำกัดต่อการส่งออกของไทย เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 2.0 ต่ำกว่าการขยายตัวในอัตราร้อยละ 4.4 ในปี 2543 แต่ถ้าหากการดำเนินมาตรการตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามเป้าหมาย เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ในอัตราประมาณร้อยละ 3.0 ฉะนั้น ประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2544 จึงอยู่ระหว่างร้อยละ 2.0-3.0
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 82-6623--
-สส-
เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก ปี 2544 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วขยายตัวร้อยละ 1.8 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 7 ไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นผลจากปัจจัยสำคัญคือการส่งออกหดตัวและมีแนวโน้มชัดเจนมากขึ้นซึ่งส่งผลเชื่อมโยงถึงการผลิตที่ยังมีกำลังการผลิตส่วนเกินในระบบอีกมาก รวมทั้งการลงทุนภาครัฐที่ลดลง และการชะลอตัวของการใช้จ่ายของครัวเรือน ส่วนปัจจัยที่ยังเอื้ออำนวยต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมได้แก่ รายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรายจ่ายประจำของรัฐบาลจากการดำเนินนโยบายการคลังขาดดุล ตลอดจนการลงทุนภาคเอกชน ที่แม้ว่าจะขยายตัวค่อนข้างดี แต่ได้เริ่มปรากฏสัญญาณของการชะลอตัวโดยเฉพาะการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์
ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ได้เริ่มส่งสัญญาณตั้งแต่ครึ่งหลังของปีที่ผ่านมาปรากฏชัดเจนมากขึ้น ประกอบด้วย
ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ช้าลงกว่าที่คาดไว้เดิม ซึ่งกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทยมากกว่าในช่วงปลายปีที่แล้ว
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระบบเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับสูงและยังเป็นอุปสรรคต่อภาคธุรกิจและการเงิน
อัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงประมาณร้อยละ 4.25 เท่ากับจำนวนผู้ว่างงานประมาณ 1.41 ล้านคน
สำหรับภาวะการผลิตในไตรมาสแรกนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากการขยายตัวของภาคการเกษตรร้อยละ 2.3 และนอกภาคการเกษตร ร้อยละ 1.7 การผลิตในภาคเกษตร ขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกหมวดการผลิต : หมวดพืชผล ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ถั่วเขียว กาแฟ สับปะรด ผัก และผลไม้ หมวดปศุสัตว์ ได้แก่ ไก่เนื้อ หมวดประมง ได้แก่ การผลิตกุ้งส่งออก
สำหรับการผลิตภาคนอกการเกษตร การผลิตของสาขาอุตสาหกรรมขยายตัวเพียงร้อยละ 1.3 เป็นผลมาจากการส่งออกที่ชะลอตัวลงในอุตสาหกรรมสินค้าทุนและเทคโนโลยีตามภาวะเศรษฐกิจของคู่ค้าสำคัญที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีและตลาดต่างประเทศสูง ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องจักรและเครื่องใช้สำนักงาน(คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์) และอุตสาหกรรมเครื่องรับวิทยุและโทรทัศน์ ขณะที่อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกดีขึ้นเนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง อุตสาหกรรมที่สำคัญได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องแต่งกาย อุตสาหกรรมหนังและเครื่องหนัง และอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
สำหรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2544 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่มีแนวโน้มขยายตัวได้สูงกว่าครึ่งแรกของปี ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังอ่อนแอซึ่งจะมีผลกระทบที่สำคัญต่อการส่งออกของไทยและทำให้การส่งออกในครึ่งหลังฟื้นตัวขึ้นได้ยาก ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ และการลงทุนภาคเอกชนไม่สามารถขยายตัวได้ดี อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภคยังไม่ปรับตัวดีขึ้น จึงคาดว่าช่วงครึ่งหลังของปีเศรษฐกิจจะยังอยู่ในช่วงของการชะลอตัวต่อเนื่องจากต้นปี
อย่างไรก็ตามปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจที่สำคัญคือ การดำเนินมาตรการของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศทั้งในส่วนของการใช้จ่ายของรัฐบาลและการดำเนินมาตรการเพื่อ กระตุ้นการหารายได้เงินตราต่างประเทศ และการใช้จ่ายภาคเอกชน
คาดว่าภายใต้เงื่อนไขภาวะเศรษฐกิจโลกที่เป็นข้อจำกัดต่อการส่งออกของไทย เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 2.0 ต่ำกว่าการขยายตัวในอัตราร้อยละ 4.4 ในปี 2543 แต่ถ้าหากการดำเนินมาตรการตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามเป้าหมาย เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ในอัตราประมาณร้อยละ 3.0 ฉะนั้น ประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2544 จึงอยู่ระหว่างร้อยละ 2.0-3.0
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 82-6623--
-สส-