ข่าวในประเทศ
1. ธปท.เปิดเผยผลการเข้มงวดตรวจสอบเอกสารการทำธุรกรรมการเงิน ผู้ว่าการ ธปท.เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายตรวจสอบและกำกับสถาบันการเงิน ธปท. เข้าไปตรวจสอบเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมของสถาบันการเงินอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะบัญชีเงินบาทของผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ (นอน-เรสซิเดนท์) ว่ามีการดำเนินการที่ผิดปกติ หรือนำมาใช้เก็งกำไรค่าเงินบาทโดยนำไปซื้อขายเงินบาทล่วงหน้า (สว็อป) หรือไม่ และได้ขอความร่วมมือไปยังลูกค้ารายใหญ่ของสถาบันการเงินที่ทำธุรกรรมเงินบาท ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้ ธปท.พิจารณาว่าเป็นไปตามระเบียบที่กำหนดหรือไม่ เพื่อนำผู้ที่เก็งกำไรมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป ซึ่งภายหลังที่ ธปท.แก้ไขแบบรายงานใหม่ ปริมาณเงินในตลาดต่างประเทศลดลงมากโดยเฉพาะในตลาดสิงคโปร์ ทั้งนี้ กระบวนการติดตามความเคลื่อนไหวเงินบาทของ ธปท.จะพิจารณาลงลึกไปถึงผู้ขายและเอกสารหลักฐานการซื้อ หากไม่ได้รับความร่วมมือก็สามารถติดตามการทำธุรกรรมที่กรมศุลกากร เพื่อดูว่ามีการนำเงินไปซื้อสินค้าเข้าหรือออกจริงหรือไม่ มาตรการต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ ธปท.ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพได้มากขึ้น สำหรับการลงโทษตามกฎหมายนั้น ที่ผ่านมาได้ลงโทษโดยห้ามเข้ามาลงทุนในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) เป็นเวลา 10 วัน ซึ่งได้ผลดีพอสมควร เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่พบการกระทำดังกล่าวอีก . (เดลินิวส์,แนวหน้า 14)
2. ธปท.ขอความร่วมมือ ก.คลังผลักดัน บสย.เร่งทำหน้าที่ช่วยเหลือเอสเอ็มอี ผู้อำนวยการอาวุโสสายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธปท.เปิดเผยว่า ผู้ว่าการ ธปท.ได้ทำหนังสือถึง ก.คลัง ขอความร่วมมือผลักดันให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เร่งช่วยเหลืออุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) แต่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจโดยเร็วที่สุด เพราะที่ผ่านมา ธปท.มีโครงการช่วยเหลือโดยให้เงินทุนหมุนเวียนแต่ต้องได้รับการค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. ซึ่งข้อมูลล่าสุดได้รับการค้ำประกันฯ เพียง 1 รายเท่านั้น ขณะนี้มีเอสเอ็มอีที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก หากไม่ได้รับความช่วยเหลือโดยเร็วอาจทำให้เกิดผลเสียต่อระบบมากขึ้นอีก นอกจากนี้สายตลาดเงิน ธปท.ยังมีวงเงินช่วยเหลือสนับสนุนแก่เอสเอ็มอีฯ อีกโดยคิดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) ขณะเดียวกัน ธปท.ยังเร่งให้เอสเอ็มอีปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้มีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น โดยขอความร่วมมือสถาบันการเงินส่งเป้าหมายการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ ธปท.รับทราบ รวมทั้งกำลังพิจารณาขยายสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ขนาดกลางและย่อมออกไปอีก เพื่อให้มีความต่อเนื่อง..(เดลินิวส์,วัฏจักร 14)
3. ธปท.ให้สถาบันการเงินเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ผู้อำนวยการอาวุโส สายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธปท.กล่าวว่า การที่เอ็นพีแอลที่ผ่านกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้แล้วกลับมาเป็นเอ็นพีแอลใหม่อีกครั้งหนึ่งนั้น ส่วนใหญ่เนื่องจากมิได้นำเข้าสู่กระบวนการของ ธปท. ซึ่ง ธปท.ได้ตั้งข้อสังเกตให้สถาบันการเงินเพิ่มความระมัดระวังในการปรับโครงสร้างหนี้เองมากขึ้น และในบางครั้ง ธปท.เรียกสถาบันการเงินมาชี้แจงกรณีที่เห็นว่าลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ง่ายมาก เหมือนกับเป็นการซื้อเวลา โดยไม่พิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ ..(กรุงเทพธุรกิจ 14)
ข่าวต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ. มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือน ต.ค.43 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 13 พ.ย.43 นักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า เดือน ต.ค.43 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของ สรอ. จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือน ก.ย.43 และคาดว่า CPI ที่เป็นแกนซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ในเดือน ก.ย.43 โดยนักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า CPI มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติ อาหาร และเครื่องแต่งกาย แต่ CPI จะเพิ่มขึ้นไม่มากเนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินและรถยนต์ได้ชะลอตัวลงในเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ก.แรงงาน สรอ. มีกำหนดจะประกาศตัวเลข CPI ของเดือน ต.ค.43 ในวันพฤหัสบดีที่ 16 พ.ย.นี้ ..(รอยเตอร์ 13)
2. เดือน ต.ค. 43ราคาผลผลิตของอังกฤษเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 43 สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ เปิดเผยว่า เดือน ต.ค. 43 ราคาผลผลิต ที่ยังไม่ปรับตัวเลข เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เทียบต่อปี หลังจากในเดือน ก.ย. 43 เพิ่มขึ้นร้อยละ0.4 และ ร้อยละ 2.5 ตามลำดับ ขณะเดียวกัน ในเดือน ต.ค. 43 ราคาผลผลิตที่เป็นแกนหลังปรับตัวเลข ซึ่งไม่รวมราคาอาหาร เครื่องดื่ม ยาสูบ และ ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เทียบต่อปี ลดลงจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในเดือน ก.ย. 43 และในไตรมาสที่ 3 ปี 43 เงินเฟ้อที่วัดจากราคาผลผลิตที่เป็นแกน ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 0.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 43 สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ราคาผลผลิตเพิ่มขึ้นในเดือน ต.ค. เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในเดือน ต.ค. 43 ราคาวัตถุดิบ ที่ปรับฤดูกาล ลดลงร้อยละ 0.9 เทียบกับเดือน ก.ย. 43 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 นับเป็นการลดลงมากที่สุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 43 และลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์เคยคาดไว้ว่า จะลดลงร้อยละ 0.6 ส่วนราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ราคาผลผลิตและราคาวัตถุดิบเปลี่ยนแปลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ก็ลดลงร้อยละ 5.4 เทียบต่อเดือน..(รอยเตอร์ 13)
3. ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ. มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงในเดือน ต.ค.43 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 13 พ.ย.43 นักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า เดือน ต.ค.43 ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ. จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เท่ากับเดือน ก.ย.43 และการใช้กำลังการผลิตจะลดลง อยู่ที่ระดับ 82.1 จากที่ที่ระดับ 82.2 ในเดือน ก.ย.43 แสดงถึงการชะลอตัวในภาคอุตสาหกรรมการผลิต แต่การอ่อนตัวในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน เนื่องจากตลาดการเงินกำลังให้ความสนใจกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ทั้งนี้ ธ.กลาง สรอ. มีกำหนดจะประกาศตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมของเดือน ต.ค.43 ในวันพุธที่ 15 พ.ย.นี้ ..(รอยเตอร์ 13)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 13 พ.ย. 43 43.690 (43.465)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 13 พ.ย. 43
ซื้อ 43.5290 (43.2536) ขาย 43.8288 (43.5630)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,400 (5,450) ขาย 5,500 (5,550)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 30.21 (29.57)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.49 (16.49) ดีเซลหมุนเร็ว 14.44 (14.14)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.เปิดเผยผลการเข้มงวดตรวจสอบเอกสารการทำธุรกรรมการเงิน ผู้ว่าการ ธปท.เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายตรวจสอบและกำกับสถาบันการเงิน ธปท. เข้าไปตรวจสอบเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมของสถาบันการเงินอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะบัญชีเงินบาทของผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ (นอน-เรสซิเดนท์) ว่ามีการดำเนินการที่ผิดปกติ หรือนำมาใช้เก็งกำไรค่าเงินบาทโดยนำไปซื้อขายเงินบาทล่วงหน้า (สว็อป) หรือไม่ และได้ขอความร่วมมือไปยังลูกค้ารายใหญ่ของสถาบันการเงินที่ทำธุรกรรมเงินบาท ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้ ธปท.พิจารณาว่าเป็นไปตามระเบียบที่กำหนดหรือไม่ เพื่อนำผู้ที่เก็งกำไรมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป ซึ่งภายหลังที่ ธปท.แก้ไขแบบรายงานใหม่ ปริมาณเงินในตลาดต่างประเทศลดลงมากโดยเฉพาะในตลาดสิงคโปร์ ทั้งนี้ กระบวนการติดตามความเคลื่อนไหวเงินบาทของ ธปท.จะพิจารณาลงลึกไปถึงผู้ขายและเอกสารหลักฐานการซื้อ หากไม่ได้รับความร่วมมือก็สามารถติดตามการทำธุรกรรมที่กรมศุลกากร เพื่อดูว่ามีการนำเงินไปซื้อสินค้าเข้าหรือออกจริงหรือไม่ มาตรการต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ ธปท.ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพได้มากขึ้น สำหรับการลงโทษตามกฎหมายนั้น ที่ผ่านมาได้ลงโทษโดยห้ามเข้ามาลงทุนในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) เป็นเวลา 10 วัน ซึ่งได้ผลดีพอสมควร เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่พบการกระทำดังกล่าวอีก . (เดลินิวส์,แนวหน้า 14)
2. ธปท.ขอความร่วมมือ ก.คลังผลักดัน บสย.เร่งทำหน้าที่ช่วยเหลือเอสเอ็มอี ผู้อำนวยการอาวุโสสายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธปท.เปิดเผยว่า ผู้ว่าการ ธปท.ได้ทำหนังสือถึง ก.คลัง ขอความร่วมมือผลักดันให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เร่งช่วยเหลืออุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) แต่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจโดยเร็วที่สุด เพราะที่ผ่านมา ธปท.มีโครงการช่วยเหลือโดยให้เงินทุนหมุนเวียนแต่ต้องได้รับการค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. ซึ่งข้อมูลล่าสุดได้รับการค้ำประกันฯ เพียง 1 รายเท่านั้น ขณะนี้มีเอสเอ็มอีที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก หากไม่ได้รับความช่วยเหลือโดยเร็วอาจทำให้เกิดผลเสียต่อระบบมากขึ้นอีก นอกจากนี้สายตลาดเงิน ธปท.ยังมีวงเงินช่วยเหลือสนับสนุนแก่เอสเอ็มอีฯ อีกโดยคิดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (เอ็มแอลอาร์) ขณะเดียวกัน ธปท.ยังเร่งให้เอสเอ็มอีปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้มีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น โดยขอความร่วมมือสถาบันการเงินส่งเป้าหมายการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ ธปท.รับทราบ รวมทั้งกำลังพิจารณาขยายสัญญาการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ขนาดกลางและย่อมออกไปอีก เพื่อให้มีความต่อเนื่อง..(เดลินิวส์,วัฏจักร 14)
3. ธปท.ให้สถาบันการเงินเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ผู้อำนวยการอาวุโส สายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธปท.กล่าวว่า การที่เอ็นพีแอลที่ผ่านกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้แล้วกลับมาเป็นเอ็นพีแอลใหม่อีกครั้งหนึ่งนั้น ส่วนใหญ่เนื่องจากมิได้นำเข้าสู่กระบวนการของ ธปท. ซึ่ง ธปท.ได้ตั้งข้อสังเกตให้สถาบันการเงินเพิ่มความระมัดระวังในการปรับโครงสร้างหนี้เองมากขึ้น และในบางครั้ง ธปท.เรียกสถาบันการเงินมาชี้แจงกรณีที่เห็นว่าลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ง่ายมาก เหมือนกับเป็นการซื้อเวลา โดยไม่พิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ ..(กรุงเทพธุรกิจ 14)
ข่าวต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ. มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือน ต.ค.43 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 13 พ.ย.43 นักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า เดือน ต.ค.43 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของ สรอ. จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือน ก.ย.43 และคาดว่า CPI ที่เป็นแกนซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 จากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ในเดือน ก.ย.43 โดยนักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า CPI มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติ อาหาร และเครื่องแต่งกาย แต่ CPI จะเพิ่มขึ้นไม่มากเนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินและรถยนต์ได้ชะลอตัวลงในเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ก.แรงงาน สรอ. มีกำหนดจะประกาศตัวเลข CPI ของเดือน ต.ค.43 ในวันพฤหัสบดีที่ 16 พ.ย.นี้ ..(รอยเตอร์ 13)
2. เดือน ต.ค. 43ราคาผลผลิตของอังกฤษเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 43 สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ เปิดเผยว่า เดือน ต.ค. 43 ราคาผลผลิต ที่ยังไม่ปรับตัวเลข เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เทียบต่อปี หลังจากในเดือน ก.ย. 43 เพิ่มขึ้นร้อยละ0.4 และ ร้อยละ 2.5 ตามลำดับ ขณะเดียวกัน ในเดือน ต.ค. 43 ราคาผลผลิตที่เป็นแกนหลังปรับตัวเลข ซึ่งไม่รวมราคาอาหาร เครื่องดื่ม ยาสูบ และ ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เทียบต่อปี ลดลงจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในเดือน ก.ย. 43 และในไตรมาสที่ 3 ปี 43 เงินเฟ้อที่วัดจากราคาผลผลิตที่เป็นแกน ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 0.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 43 สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ราคาผลผลิตเพิ่มขึ้นในเดือน ต.ค. เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในเดือน ต.ค. 43 ราคาวัตถุดิบ ที่ปรับฤดูกาล ลดลงร้อยละ 0.9 เทียบกับเดือน ก.ย. 43 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 นับเป็นการลดลงมากที่สุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 43 และลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์เคยคาดไว้ว่า จะลดลงร้อยละ 0.6 ส่วนราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ราคาผลผลิตและราคาวัตถุดิบเปลี่ยนแปลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ก็ลดลงร้อยละ 5.4 เทียบต่อเดือน..(รอยเตอร์ 13)
3. ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ. มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงในเดือน ต.ค.43 รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 13 พ.ย.43 นักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า เดือน ต.ค.43 ผลผลิตอุตสาหกรรมของ สรอ. จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เท่ากับเดือน ก.ย.43 และการใช้กำลังการผลิตจะลดลง อยู่ที่ระดับ 82.1 จากที่ที่ระดับ 82.2 ในเดือน ก.ย.43 แสดงถึงการชะลอตัวในภาคอุตสาหกรรมการผลิต แต่การอ่อนตัวในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน เนื่องจากตลาดการเงินกำลังให้ความสนใจกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ทั้งนี้ ธ.กลาง สรอ. มีกำหนดจะประกาศตัวเลขผลผลิตอุตสาหกรรมของเดือน ต.ค.43 ในวันพุธที่ 15 พ.ย.นี้ ..(รอยเตอร์ 13)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 13 พ.ย. 43 43.690 (43.465)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 13 พ.ย. 43
ซื้อ 43.5290 (43.2536) ขาย 43.8288 (43.5630)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,400 (5,450) ขาย 5,500 (5,550)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 30.21 (29.57)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.49 (16.49) ดีเซลหมุนเร็ว 14.44 (14.14)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-