ข่าวในประเทศ
1. ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่าค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเป็นการเคลื่อนไหวตามความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นที่ระดับ 44.91 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.เมื่อวันที่ 14 ส.ค.44 ว่า เป็นการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ เนื่องจากประชาชนและนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้น โดย ธปท.ไม่ได้เข้าแทรกแซงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศถือว่าอยู่ในภาวะที่สงบนิ่ง อัตราแลกเปลี่ยนมีเสถียรภาพ และเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 32 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนกรณีการออก พธบ.กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่จะออกในไตรมาสที่ 4 ปี 44 จำนวน 3.2 แสน ล.บาท จะไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนดอกเบี้ย แม้ว่าขณะนี้อัตราดอกเบี้ยตลาด พธบ.จะปรับตัวค่อนข้างสูงก็ตาม และจะไม่กระทบต่อตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชนที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้ (ข่าวสด, ไทยรัฐ 15)
2. ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ธปท.จะดำเนินคดีกับสถาบันการเงินที่ทุจริตกรณีที่มีหลักฐานแน่ชัดเท่านั้น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับผู้บริหารสถาบันการเงินที่ทุจริต ว่า ธปท.จะดำเนินคดีกับผู้บริหารสถาบันการเงินในกรณีที่มั่นใจและมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดได้เท่านั้น โดยล่าสุด ธปท.ได้มีการขอความร่วมมือจาก ธพ.ในการรวบรวมข้อมูลหลักฐานส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับบริษัทเอกชน 3 แห่งที่ทำการขนเงินออกนอกประเทศ สำหรับการดำเนินคดีกับผู้บริหารสถาบันการเงิน 56 แห่ง ขณะนี้ ธปท.ได้หยุดทำเรื่องแล้ว และในส่วนที่ ธปท.ได้ตรวจสอบและค้นพบหลักฐานที่เพียงพอที่จะดำเนินคดีทุกคดี ได้ส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไป (ไทยรัฐ, ข่าวสด 15)
3. ธปท. ปรับปรุงเกณฑ์การอนุญาตให้สถาบันการเงินถือหุ้นในบริษัทจำกัดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทเกินอัตราที่ กม.กำหนดดังนี้ 1) อนุญาตให้ ธพ. สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจที่มีหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในบริษัทลูกหนี้เนื่องจากการปรับโครงสร้างหนี้ได้เกินร้อยละ 10 ของหุ้นที่จำหน่ายทั้งหมดของบริษัทลูกหนี้ ให้ครอบคลุมถึงหุ้นของบริษัทอื่นที่ลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้นำมาตีชำระหนี้ หุ้นของผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้นำมาตีชำระหนี้ และการถือหุ้นในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเข้าถือหุ้นหรือฟื้นฟูบริษัทลูกหนี้ด้วย 2) การอนุญาตให้ ธพ. และสถาบันการเงินดังกล่าวมีหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิมีมูลค่ารวมกันเกินร้อยละ 20 ให้ครอบคลุมถึงกรณีหุ้นของบริษัทอื่นที่ลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้มาตีชำระหนี้ ทั้งนี้ ธพ. และสถาบันการเงินต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทลูกหนี้ที่ได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ลงในทันทีแต่ต้องไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 47(มติชนรายวัน, ไทยโพสต์ 15)
ข่าวต่างประเทศ
1. ธ. กลางญี่ปุ่นสร้างความประหลาดใจแก่ตลาดเงินโดยการผ่อนคลายนโยบายการเงินเป็นครั้งที่ 4 ในรอบปีนี้รายงานจากโตเกียวเมื่อ 14 ส.ค. 44 ธ. กลางญี่ปุ่นได้สร้างความประหลาดใจแก่ตลาดการเงิน โดยการผ่อนปรนนโยบายการเงินมากขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 4 ในรอบปี 44 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประสบภาวะถดถอย ทั้งนี้ ธ. กลางญี่ปุ่นจะเพิ่มเงินสดสำรองจากเดิมประมาณ 5 ล้านล้านเยน เป็น 6 ล้านล้านเยน และจะเพิ่มการซื้อ พธบ. รัฐบาลจากเดือนละ 400 พัน ล. เยน เป็น 600 พัน ล. เยน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงิน ขณะที่ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินทุนของญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับศูนย์แล้ว (รอยเตอร์14)
2. บริษัทล้มละลายของญี่ปุ่นลดลงในเดือน ก.ค.44 รายงานจากโตเกียว เมื่อ 14 ส.ค.44 บริษัทวิจัยเอกชน Teikoku Databank เปิดเผยว่า เดือน ก.ค.44 บริษัทล้มละลายของญี่ปุ่นมีจำนวน 1,567 บริษัท ลดลงร้อยละ 3.1 จากช่วงเดียวกันของปี 43 หนี้สินรวมของบริษัทล้มละลายในเดือน ก.ค.44 มีจำนวน 747.02 พัน ล.เยน หรือลดลงร้อยละ 82.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 43 นับเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันที่หนี้สินของบริษัทล้มละลายต่ำกว่าจำนวน 1 ล้านล้านเยน อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวยังคงเป็นสัญญาณเตือนว่า การปฏิรูประบบเศรษฐกิจในญี่ปุ่นอาจจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของบริษัทล้มละลายในอนาคต (รอยเตอร์ 14)
3. ยอดขายปลีกของ สรอ. เดือน ก.ค.44 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน มิ.ย.44 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 14 ส.ค.44 ก.พาณิชย์เปิดเผยว่า เดือน ก.ค.44 ยอดขายปลีกโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เท่ากับตัวเลขที่ปรับแล้วในเดือน มิ.ย.44 ซึ่งดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะลดลงร้อยละ 0.2 และหากไม่รวมมูลค่าการขายรถยนต์ ยอดขายปลีกฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 หลังจากลดลงร้อยละ 0.2 ในเดือน มิ.ย. และดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ทั้งนี้ การที่ยอดขายปลีกโดยรวมในเดือน ก.ค.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมูลค่าการขายอุปกรณ์รถยนต์และชิ้นส่วน ลดลงร้อยละ 0.5 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับแล้วจากรายงานเดิมที่ร้อยละ 1.5 และมูลค่าการขายน้ำมันเบนซินลดลงร้อยละ 4.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 35 ขณะที่มูลค่าการขายสินค้าประเภทกีฬาเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 หลังจากเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.7 ในเดือน มิ.ย. และยอดขายสินค้าเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในเดือนก่อน (รอยเตอร์ 14)
4. อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษชะลอตัวลงในเดือน ก.ค. 44 สนับสนุนให้ ธ. กลางมีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ย รายงานจากลอนดอนเมื่อ 14 ส.ค. 44 สำนักงานสถิตแห่งชาติ รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อโดยรวมของอังกฤษในเดือน ก.ค. 44 ลดลงร้อยละ 0.6 เทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้นร้อยละ1.6 เทียบต่อปี ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน พ.ย. 42 ส่วนอัตราเงินเฟ้อ ที่ไม่รวมราคาต้นทุนเงินกู้บ้านที่ผันผวน ก็ลดลงร้อยละ 0.6 เช่นกันในเดือน ก.ค.44 ขณะที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เทียบต่อปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่า จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 และลดลงจากเดือน พ.ค. และ มิ.ย. 44 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เทียบต่อปี จากรายงานดังกล่าว สนับสนุนแนวคิดของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดการณ์ว่า ธ. กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีกก่อนสิ้นปีนี้ (รอยเตอร์14)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 14 ส.ค. 44 44.968 (45.278)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 14 ส.ค. 44ซื้อ 44.8284 (45.1004) ขาย 45.1144 (45.4008)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,800 (5,800) ขาย 5,900 (5,900)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 25.85 (24.96)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.09 (15.39) ดีเซลหมุนเร็ว 13.94 (14.24)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่าค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเป็นการเคลื่อนไหวตามความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นที่ระดับ 44.91 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.เมื่อวันที่ 14 ส.ค.44 ว่า เป็นการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ เนื่องจากประชาชนและนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้น โดย ธปท.ไม่ได้เข้าแทรกแซงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศถือว่าอยู่ในภาวะที่สงบนิ่ง อัตราแลกเปลี่ยนมีเสถียรภาพ และเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 32 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนกรณีการออก พธบ.กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่จะออกในไตรมาสที่ 4 ปี 44 จำนวน 3.2 แสน ล.บาท จะไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนดอกเบี้ย แม้ว่าขณะนี้อัตราดอกเบี้ยตลาด พธบ.จะปรับตัวค่อนข้างสูงก็ตาม และจะไม่กระทบต่อตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชนที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้ (ข่าวสด, ไทยรัฐ 15)
2. ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ธปท.จะดำเนินคดีกับสถาบันการเงินที่ทุจริตกรณีที่มีหลักฐานแน่ชัดเท่านั้น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับผู้บริหารสถาบันการเงินที่ทุจริต ว่า ธปท.จะดำเนินคดีกับผู้บริหารสถาบันการเงินในกรณีที่มั่นใจและมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดได้เท่านั้น โดยล่าสุด ธปท.ได้มีการขอความร่วมมือจาก ธพ.ในการรวบรวมข้อมูลหลักฐานส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับบริษัทเอกชน 3 แห่งที่ทำการขนเงินออกนอกประเทศ สำหรับการดำเนินคดีกับผู้บริหารสถาบันการเงิน 56 แห่ง ขณะนี้ ธปท.ได้หยุดทำเรื่องแล้ว และในส่วนที่ ธปท.ได้ตรวจสอบและค้นพบหลักฐานที่เพียงพอที่จะดำเนินคดีทุกคดี ได้ส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไป (ไทยรัฐ, ข่าวสด 15)
3. ธปท. ปรับปรุงเกณฑ์การอนุญาตให้สถาบันการเงินถือหุ้นในบริษัทจำกัดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อหรือมีหุ้นในบริษัทเกินอัตราที่ กม.กำหนดดังนี้ 1) อนุญาตให้ ธพ. สาขาธนาคารต่างประเทศ และสำนักงานวิเทศธนกิจที่มีหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิในบริษัทลูกหนี้เนื่องจากการปรับโครงสร้างหนี้ได้เกินร้อยละ 10 ของหุ้นที่จำหน่ายทั้งหมดของบริษัทลูกหนี้ ให้ครอบคลุมถึงหุ้นของบริษัทอื่นที่ลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้นำมาตีชำระหนี้ หุ้นของผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้นำมาตีชำระหนี้ และการถือหุ้นในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเข้าถือหุ้นหรือฟื้นฟูบริษัทลูกหนี้ด้วย 2) การอนุญาตให้ ธพ. และสถาบันการเงินดังกล่าวมีหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิมีมูลค่ารวมกันเกินร้อยละ 20 ให้ครอบคลุมถึงกรณีหุ้นของบริษัทอื่นที่ลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้มาตีชำระหนี้ ทั้งนี้ ธพ. และสถาบันการเงินต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทลูกหนี้ที่ได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ลงในทันทีแต่ต้องไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 47(มติชนรายวัน, ไทยโพสต์ 15)
ข่าวต่างประเทศ
1. ธ. กลางญี่ปุ่นสร้างความประหลาดใจแก่ตลาดเงินโดยการผ่อนคลายนโยบายการเงินเป็นครั้งที่ 4 ในรอบปีนี้รายงานจากโตเกียวเมื่อ 14 ส.ค. 44 ธ. กลางญี่ปุ่นได้สร้างความประหลาดใจแก่ตลาดการเงิน โดยการผ่อนปรนนโยบายการเงินมากขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 4 ในรอบปี 44 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประสบภาวะถดถอย ทั้งนี้ ธ. กลางญี่ปุ่นจะเพิ่มเงินสดสำรองจากเดิมประมาณ 5 ล้านล้านเยน เป็น 6 ล้านล้านเยน และจะเพิ่มการซื้อ พธบ. รัฐบาลจากเดือนละ 400 พัน ล. เยน เป็น 600 พัน ล. เยน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงิน ขณะที่ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินทุนของญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับศูนย์แล้ว (รอยเตอร์14)
2. บริษัทล้มละลายของญี่ปุ่นลดลงในเดือน ก.ค.44 รายงานจากโตเกียว เมื่อ 14 ส.ค.44 บริษัทวิจัยเอกชน Teikoku Databank เปิดเผยว่า เดือน ก.ค.44 บริษัทล้มละลายของญี่ปุ่นมีจำนวน 1,567 บริษัท ลดลงร้อยละ 3.1 จากช่วงเดียวกันของปี 43 หนี้สินรวมของบริษัทล้มละลายในเดือน ก.ค.44 มีจำนวน 747.02 พัน ล.เยน หรือลดลงร้อยละ 82.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 43 นับเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันที่หนี้สินของบริษัทล้มละลายต่ำกว่าจำนวน 1 ล้านล้านเยน อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวยังคงเป็นสัญญาณเตือนว่า การปฏิรูประบบเศรษฐกิจในญี่ปุ่นอาจจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของบริษัทล้มละลายในอนาคต (รอยเตอร์ 14)
3. ยอดขายปลีกของ สรอ. เดือน ก.ค.44 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน มิ.ย.44 รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 14 ส.ค.44 ก.พาณิชย์เปิดเผยว่า เดือน ก.ค.44 ยอดขายปลีกโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เท่ากับตัวเลขที่ปรับแล้วในเดือน มิ.ย.44 ซึ่งดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะลดลงร้อยละ 0.2 และหากไม่รวมมูลค่าการขายรถยนต์ ยอดขายปลีกฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 หลังจากลดลงร้อยละ 0.2 ในเดือน มิ.ย. และดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ทั้งนี้ การที่ยอดขายปลีกโดยรวมในเดือน ก.ค.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน เนื่องจากมูลค่าการขายอุปกรณ์รถยนต์และชิ้นส่วน ลดลงร้อยละ 0.5 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับแล้วจากรายงานเดิมที่ร้อยละ 1.5 และมูลค่าการขายน้ำมันเบนซินลดลงร้อยละ 4.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 35 ขณะที่มูลค่าการขายสินค้าประเภทกีฬาเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 หลังจากเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.7 ในเดือน มิ.ย. และยอดขายสินค้าเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในเดือนก่อน (รอยเตอร์ 14)
4. อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษชะลอตัวลงในเดือน ก.ค. 44 สนับสนุนให้ ธ. กลางมีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ย รายงานจากลอนดอนเมื่อ 14 ส.ค. 44 สำนักงานสถิตแห่งชาติ รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อโดยรวมของอังกฤษในเดือน ก.ค. 44 ลดลงร้อยละ 0.6 เทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้นร้อยละ1.6 เทียบต่อปี ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน พ.ย. 42 ส่วนอัตราเงินเฟ้อ ที่ไม่รวมราคาต้นทุนเงินกู้บ้านที่ผันผวน ก็ลดลงร้อยละ 0.6 เช่นกันในเดือน ก.ค.44 ขณะที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เทียบต่อปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่า จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 และลดลงจากเดือน พ.ค. และ มิ.ย. 44 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เทียบต่อปี จากรายงานดังกล่าว สนับสนุนแนวคิดของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดการณ์ว่า ธ. กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีกก่อนสิ้นปีนี้ (รอยเตอร์14)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 14 ส.ค. 44 44.968 (45.278)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 14 ส.ค. 44ซื้อ 44.8284 (45.1004) ขาย 45.1144 (45.4008)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,800 (5,800) ขาย 5,900 (5,900)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 25.85 (24.96)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.09 (15.39) ดีเซลหมุนเร็ว 13.94 (14.24)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-