เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ไทย จากงอบสาน มาเป็นโคมไฟ
หลังจากเดินท่องชมสินค้าหลากหลายชนิด ในงานแสดงสินค้าแห่งหนึ่ง สายตาให้สะดุดกับสินค้าโคมไฟ ที่ต้องหยุดดูอยู่นานนั่นเพราะชื่นชอบกับไอเดีย และการปรับประยุกต์ผลิตภัณฑ์หนึ่ง ให้ออกมาเป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งได้อย่างเก๋ไก๋ไม่ตกยุค มิหนำซ้ำยังเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า แบบส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน นั่นหมายถึงรายได้ อันจะเกิดขึ้นกับผู้ผลิตทั้งสองฝ่าย
คุณมานิดา ฉิมจารย์ อายุ 27 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบูรพา 1 ใน 9 เจ้าของผลิตภัณฑ์ เล่าให้ฟังว่า "สินค้าดังกล่าวเกิดขึ้นมาจากการรวมกลุ่มกับเพื่อนทั้งหมดรวม 9 คน โดยควักเงินลงทุนคนละ 1,000 บาท เพื่อนำมาซื้อวัสดุอุปกรณ์จำเป็น อย่างเช่น เหล็ก ชุดไฟ เลื่อย และเครื่องมือต่างๆ อันเกี่ยวข้อง โดยเริ่มทดลองผลิต อาศัยการฝึกฝน และความตั้งใจจริง กระทั่งได้ผลงานดังปรากฏให้เห็น"
ทั้งนี้ คุณมานิดา ยังกล่าวเสริมว่า เพื่อนๆ แต่ละคนล้วนมีความรู้ระดับปริญญาตรีทั้งสิ้น บางคนเคยทำงานเป็นพนักงานบริษัท ซึ่งก็มีเหตุหลายอย่างทำให้เขาต้องลาออกแล้วตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านเกิดในจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนตัวคุณมานิดา แต่ก่อนเคยทำงานช่วยคุณน้าค้าขาย จากนั้นพี่สาวชวนมาทำงานด้านพัฒนาชุมชน ซึ่งเป็นงานฝีมือ ส่งผลให้ได้ไปออกงานหลายๆ แห่ง โลกทรรศน์เริ่มกว้างขึ้น เห็นสิ่งใหม่ๆ และมีผู้ประกอบการหลายรายนำวัสดุธรรมชาติมาผลิตเป็นสินค้า จัดจำหน่าย มีผู้สนใจสั่งซื้อจำนวนมาก
กระทั่งวันหนึ่ง คุณมานิดาพบเห็นสินค้าประเภทโคมไฟจึงเกิดไอเดีย ด้วยครอบครัวคุณมานิดา ประกอบอาชีพด้านการเกษตร โดยเฉพาะปลูกต้นสักไว้จำหน่าย ซึ่งในการตัดแต่ละครั้งมีเศษไม้จำนวนมากไม่ได้ใช้ประโยชน์ จึงคิดดัดแปลงทำเป็นฐานโคมไฟ จากนั้นนำวัสดุธรรมชาติ อาทิ กก ใบลาน ไม้ไผ่ มาสานเป็นงอบเพื่อครอบหัวส่วนบนของโคมไฟ ซึ่งวัสดุต่างๆ เหล่านี้สามารถหาได้ในท้องถิ่น จากนั้นให้แรงงานชาวบ้านย่านนั้น โดยเฉพาะคนเฒ่าคนแก่ ซึ่งมีความถนัดการจักสานเป็นผู้ผลิตให้ ถือเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อีกทางหนึ่ง โดยให้อัตราค่าจ้างใบละประมาณ 17-18 บาท
หลังสานเสร็จ คุณมานิดาและเพื่อนสมาชิกในกลุ่มจะนำมาขัดและเคลือบเงาให้เกิดความสวยงาม จากนั้นประกอบกับตัวฐานติดตั้งชุดไฟ เสร็จพร้อมจำหน่ายในราคา 300 บาท กระทั่งถึง 2,000 บาท แล้วแต่ความยากง่าย ทั้งนี้ คุณมานิดาว่า กับการลงทุนประมาณ 250 บาท ต่อชิ้น เฉลี่ยรายได้ต่อเดือนขณะนี้ 20,000 บาท
"จากการออกงานแสดงสินค้าส่งผลให้มีผู้สนใจสินค้ามากขึ้น หลายคนแม้ไม่ซื้อแต่หยิบนามบัตรกลับไปพิจารณา ถือเป็นความภาคภูมิใจแล้ว ซึ่งไม่เพียงลูกค้าคนไทยเท่านั้นให้การตอบรับ แต่ชาวต่างชาติยังสนใจ โดยลูกค้าส่วนใหญ่บอกว่านำไปตกแต่งบ้าน สปา รีสอร์ต และยังมีสั่งซื้อเพื่อนำไปจัดจำหน่ายอีกต่อหนึ่ง" คุณมานิดา เล่าถึงผู้ซื้อ
ไม่เพียงออกงานแสดงสินค้าเท่านั้น แต่คุณมานิดาและเพื่อนๆ ยังคิดนำสินค้าของตนประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย อีกทั้งในอนาคต คุณมานิดามุ่งจดลิขสิทธิ์รูปแบบสินค้าเพื่อป้องกันการลอกเลียน "สินค้าประเภทงานฝีมือมักจะมีคนสนใจทำเลียนแบบ ทั้งนี้ เราควรพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ดูความต้องการของตลาดเป็นหลัก อีกทั้งต้องเก็บเงินทุนไว้เพื่อซื้ออุปกรณ์ทันสมัยมาใช้ในขั้นการผลิต เพราะขณะนี้ถือเป็นอุปสรรคมาก บางครั้งยอดสั่งมีเข้ามามากแต่เครื่องมือไม่พร้อม ทั้งกำลังการผลิตไม่มาก ต้องกระจายงานให้ชาวบ้านช่วยๆ กัน" คุณมานิดา กล่าวเพิ่มเติม
ก่อนจากกันไปครั้งนี้ คุณมานิดา เผยถึงวิธีทำให้ฟังคร่าวๆ ว่า ก่อนอื่นคัดเลือกไม้สักให้ได้ขนาดตามต้องการ จากนั้นขัดผิวให้เรียบ นำมาเคลือบเงา นำเหล็กมาตัดแล้วดัดให้เป็นรูปทรงโครงขาตั้ง จากนั้นต่อเหล็กกับไม้ แล้วจึงติดตั้งชุดไฟ นำงอบซึ่งทำจากวัสดุต่างๆ ดังกล่าวมาครอบปิดด้านบน เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ
ถือเป็นตัวอย่างดีๆ ที่ผู้ผลิตกลุ่มนี้ทดลองทำกระทั่งนำมาสู่รายได้เลี้ยงตนเอง ที่สำคัญพวกเขามีความสุขกับการประกอบอาชีพนี้ ถึงแม้รายได้ขณะนี้ยังไม่มากนัก แต่เขาต่างภูมิใจกับผลงานที่ได้มาจากมันสมอง ภูมิใจที่ได้ช่วยคนบ้านเดียวกันให้มีงานทำ เกิดรายได้ตามมา
สนใจสินค้าติดต่อได้ที่ กลุ่มผลิตภัณฑ์โคมไฟ 86 หมู่ 4 ตำบลดอนอะราง อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ หรือสอบถาม คุณมานิดา ก่อนได้ที่หมายเลข (01) 879-9885 คุณรุ่งทิพย์ (01) 877-3872
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
หลังจากเดินท่องชมสินค้าหลากหลายชนิด ในงานแสดงสินค้าแห่งหนึ่ง สายตาให้สะดุดกับสินค้าโคมไฟ ที่ต้องหยุดดูอยู่นานนั่นเพราะชื่นชอบกับไอเดีย และการปรับประยุกต์ผลิตภัณฑ์หนึ่ง ให้ออกมาเป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งได้อย่างเก๋ไก๋ไม่ตกยุค มิหนำซ้ำยังเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า แบบส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน นั่นหมายถึงรายได้ อันจะเกิดขึ้นกับผู้ผลิตทั้งสองฝ่าย
คุณมานิดา ฉิมจารย์ อายุ 27 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบูรพา 1 ใน 9 เจ้าของผลิตภัณฑ์ เล่าให้ฟังว่า "สินค้าดังกล่าวเกิดขึ้นมาจากการรวมกลุ่มกับเพื่อนทั้งหมดรวม 9 คน โดยควักเงินลงทุนคนละ 1,000 บาท เพื่อนำมาซื้อวัสดุอุปกรณ์จำเป็น อย่างเช่น เหล็ก ชุดไฟ เลื่อย และเครื่องมือต่างๆ อันเกี่ยวข้อง โดยเริ่มทดลองผลิต อาศัยการฝึกฝน และความตั้งใจจริง กระทั่งได้ผลงานดังปรากฏให้เห็น"
ทั้งนี้ คุณมานิดา ยังกล่าวเสริมว่า เพื่อนๆ แต่ละคนล้วนมีความรู้ระดับปริญญาตรีทั้งสิ้น บางคนเคยทำงานเป็นพนักงานบริษัท ซึ่งก็มีเหตุหลายอย่างทำให้เขาต้องลาออกแล้วตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านเกิดในจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนตัวคุณมานิดา แต่ก่อนเคยทำงานช่วยคุณน้าค้าขาย จากนั้นพี่สาวชวนมาทำงานด้านพัฒนาชุมชน ซึ่งเป็นงานฝีมือ ส่งผลให้ได้ไปออกงานหลายๆ แห่ง โลกทรรศน์เริ่มกว้างขึ้น เห็นสิ่งใหม่ๆ และมีผู้ประกอบการหลายรายนำวัสดุธรรมชาติมาผลิตเป็นสินค้า จัดจำหน่าย มีผู้สนใจสั่งซื้อจำนวนมาก
กระทั่งวันหนึ่ง คุณมานิดาพบเห็นสินค้าประเภทโคมไฟจึงเกิดไอเดีย ด้วยครอบครัวคุณมานิดา ประกอบอาชีพด้านการเกษตร โดยเฉพาะปลูกต้นสักไว้จำหน่าย ซึ่งในการตัดแต่ละครั้งมีเศษไม้จำนวนมากไม่ได้ใช้ประโยชน์ จึงคิดดัดแปลงทำเป็นฐานโคมไฟ จากนั้นนำวัสดุธรรมชาติ อาทิ กก ใบลาน ไม้ไผ่ มาสานเป็นงอบเพื่อครอบหัวส่วนบนของโคมไฟ ซึ่งวัสดุต่างๆ เหล่านี้สามารถหาได้ในท้องถิ่น จากนั้นให้แรงงานชาวบ้านย่านนั้น โดยเฉพาะคนเฒ่าคนแก่ ซึ่งมีความถนัดการจักสานเป็นผู้ผลิตให้ ถือเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อีกทางหนึ่ง โดยให้อัตราค่าจ้างใบละประมาณ 17-18 บาท
หลังสานเสร็จ คุณมานิดาและเพื่อนสมาชิกในกลุ่มจะนำมาขัดและเคลือบเงาให้เกิดความสวยงาม จากนั้นประกอบกับตัวฐานติดตั้งชุดไฟ เสร็จพร้อมจำหน่ายในราคา 300 บาท กระทั่งถึง 2,000 บาท แล้วแต่ความยากง่าย ทั้งนี้ คุณมานิดาว่า กับการลงทุนประมาณ 250 บาท ต่อชิ้น เฉลี่ยรายได้ต่อเดือนขณะนี้ 20,000 บาท
"จากการออกงานแสดงสินค้าส่งผลให้มีผู้สนใจสินค้ามากขึ้น หลายคนแม้ไม่ซื้อแต่หยิบนามบัตรกลับไปพิจารณา ถือเป็นความภาคภูมิใจแล้ว ซึ่งไม่เพียงลูกค้าคนไทยเท่านั้นให้การตอบรับ แต่ชาวต่างชาติยังสนใจ โดยลูกค้าส่วนใหญ่บอกว่านำไปตกแต่งบ้าน สปา รีสอร์ต และยังมีสั่งซื้อเพื่อนำไปจัดจำหน่ายอีกต่อหนึ่ง" คุณมานิดา เล่าถึงผู้ซื้อ
ไม่เพียงออกงานแสดงสินค้าเท่านั้น แต่คุณมานิดาและเพื่อนๆ ยังคิดนำสินค้าของตนประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย อีกทั้งในอนาคต คุณมานิดามุ่งจดลิขสิทธิ์รูปแบบสินค้าเพื่อป้องกันการลอกเลียน "สินค้าประเภทงานฝีมือมักจะมีคนสนใจทำเลียนแบบ ทั้งนี้ เราควรพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ดูความต้องการของตลาดเป็นหลัก อีกทั้งต้องเก็บเงินทุนไว้เพื่อซื้ออุปกรณ์ทันสมัยมาใช้ในขั้นการผลิต เพราะขณะนี้ถือเป็นอุปสรรคมาก บางครั้งยอดสั่งมีเข้ามามากแต่เครื่องมือไม่พร้อม ทั้งกำลังการผลิตไม่มาก ต้องกระจายงานให้ชาวบ้านช่วยๆ กัน" คุณมานิดา กล่าวเพิ่มเติม
ก่อนจากกันไปครั้งนี้ คุณมานิดา เผยถึงวิธีทำให้ฟังคร่าวๆ ว่า ก่อนอื่นคัดเลือกไม้สักให้ได้ขนาดตามต้องการ จากนั้นขัดผิวให้เรียบ นำมาเคลือบเงา นำเหล็กมาตัดแล้วดัดให้เป็นรูปทรงโครงขาตั้ง จากนั้นต่อเหล็กกับไม้ แล้วจึงติดตั้งชุดไฟ นำงอบซึ่งทำจากวัสดุต่างๆ ดังกล่าวมาครอบปิดด้านบน เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ
ถือเป็นตัวอย่างดีๆ ที่ผู้ผลิตกลุ่มนี้ทดลองทำกระทั่งนำมาสู่รายได้เลี้ยงตนเอง ที่สำคัญพวกเขามีความสุขกับการประกอบอาชีพนี้ ถึงแม้รายได้ขณะนี้ยังไม่มากนัก แต่เขาต่างภูมิใจกับผลงานที่ได้มาจากมันสมอง ภูมิใจที่ได้ช่วยคนบ้านเดียวกันให้มีงานทำ เกิดรายได้ตามมา
สนใจสินค้าติดต่อได้ที่ กลุ่มผลิตภัณฑ์โคมไฟ 86 หมู่ 4 ตำบลดอนอะราง อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ หรือสอบถาม คุณมานิดา ก่อนได้ที่หมายเลข (01) 879-9885 คุณรุ่งทิพย์ (01) 877-3872
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-