ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานความคืบหน้าการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของระบบสถาบันการเงินและลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายของ คปน. ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2544
ร.ต. ยอดชาย ชูศรี ผู้อำนวยการอาวุโส สายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เปิดเผยความคืบหน้าการปรับโครงสร้างหนี้ของเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีรายละเอียดดังนี้1. ความคืบหน้าในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงิน
ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2544 สถาบันการเงินได้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จไปแล้วจำนวน 370,658 ราย คิดเป็นมูลหนี้รวม 2,014,532 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนมกราคม 2544 จำนวน 10,169 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 2.82 และเป็นมูลหนี้ 25,601 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.29 โดยส่วนใหญ่จะเป็นลูกหนี้ประเภทอุตสาหกรรม รองลงมาคือ การค้าส่งค้าปลีก และธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามลำดับ นอกจากนี้ยังเป็นลูกหนี้ในเขตกรุงเทพมหานครและภาคกลางเป็นสำคัญ ทั้งนี้ลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้จะเป็นลูกหนี้รายกลางรายย่อยเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้มูลหนี้ที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้มีแนวโน้มลดลง
สำหรับลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีจำนวน 69,915 ราย มูลหนี้ 380,709 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นเดือนมกราคม 2544 จำนวน 7,138 ราย ยอดมูลหนี้ลดลง 12,701 ล้านบาท (ตาราง 1-4)
2. ความคืบหน้าในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายของคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (คปน.)
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2544 คปน. มีลูกหนี้เป้าหมายรวมทั้งสิ้น 13,852 ราย มูลหนี้ 2,614,592 ล้านบาท โดยมีลูกหนี้ที่ให้ความร่วมมือเข้าสู่กระบวนการจำนวน 9,202 ราย มูลหนี้ 1,644,494 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 66.43 ของจำนวนลูกหนี้เป้าหมายทั้งสิ้น สรุปความคืบหน้าในการดำเนินการ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2544 ดังนี้ (ตาราง 5)
1. ลูกหนี้เป้าหมายที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,526 ราย มูลหนี้ 1,227,247 ล้านบาท ซึ่งเป็นร้อยละ 81.79 ของจำนวนลูกหนี้ที่ให้ความร่วมมือเข้ากระบวนการทั้งสิ้น ซึ่งปัจจุบันจัดทำสัญญาสำเร็จแล้ว จำนวน 7,376 ราย มูลหนี้ 1,131,701 ล้านบาท และอยู่ในระหว่างการจัดทำสัญญา จำนวน 138 ราย มูลหนี้ 68,694 ล้านบาทและยื่นเข้าสู่กระบวนการศาลฟื้นฟู จำนวน 12 ราย มูลหนี้ 26,851 ล้านบาท โดยลูกหนี้ที่สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้สำเร็จเป็นลูกหนี้รายกลางรายย่อยประมาณร้อยละ 87.20 และลูกหนี้ส่วนใหญ่อยู่ในภาคธุรกิจการพาณิชย์ จำนวน 1,881 ราย (ร้อยละ 24.99) รองลงมาคือภาคอุปโภคบริโภค จำนวน 1,809 ราย (ร้อยละ 24.04) และการอุตสาหกรรม จำนวน 1,212ราย (ร้อยละ 16.10)
2. ลูกหนี้เป้าหมายที่คงเหลือในกระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของ คปน. มีจำนวน 533 ราย มูลหนี้รวม 53,750 ล้านบาท โดยมีลูกหนี้เป้าหมายรายใหญ่เหลือเพียง 144 ราย (ร้อยละ 9.32 ของลูกหนี้รายใหญ่ที่เข้ากระบวนการ) มูลหนี้ 39,599 ล้านบาท (ร้อยละ 2.73 ของลูกหนี้รายใหญ่ที่เข้ากระบวนการ) ส่วนลูกหนี้เป้าหมายรายกลาง รายย่อย ปัจจุบันยังคงเหลือในกระบวนการของบันทึกข้อตกลงในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ อีก 389 ราย (ร้อยละ 5.08 ของลูกหนี้รายกลางรายย่อยที่เข้ากระบวนการ) มูลหนี้ 14,151 ล้านบาท (ร้อยละ 7.29 ของลูกหนี้รายกลางรายย่อยที่เข้ากระบวนการ) และยังอยู่ระหว่างรอลงนามผูกพันตนเข้ากระบวนการอีก 1,815 ราย (ร้อยละ 16.47 ของลูกหนี้ทั้งสิ้น) มูลหนี้ 6,724 ล้านบาท (ร้อยละ 2.20 ของลูกหนี้ทั้งสิ้น)
3. ลูกหนี้เป้าหมายซึ่งสถาบันการเงินต้องนำเข้าสู่การดำเนินการทางศาลเนื่องจาก ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไม่สำเร็จภายใต้กระบวนการของคปน. รวมทั้งเป็นลูกหนี้ที่ไม่เข้าสู่กระบวนการ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีจำนวนทั้งสิ้น 3,918 ราย มูลหนี้ 1,167,210 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นลูกหนี้ที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไม่สำเร็จภายใต้กระบวนการของคปน. จำนวน 1,143 ราย มูลหนี้ 363,498 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.42 ของจำนวนรายลูกหนี้ที่ลงนาม
4. ความคืบหน้าของโครงการการให้สินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ SMEs ที่เป็น NPL ปัจจุบัน มีลูกหนี้ SMEs ที่เป็น NPL ที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อใหม่เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนจากสถาบันการเงินและการค้ำประกันจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) ตามโครงการนี้แล้ว จำนวน 12 ราย เป็นวงเงินสินเชื่อรวม 70.50 ล้านบาท ซึ่ง ขณะนี้ บสย. ได้ดำเนินการผ่อนคลายหลักเกณฑ์บางประการในการค้ำประกันแล้ว ได้แก่ การขยายขนาดสินทรัพย์ถาวรสุทธิของลูกหนี้จากเดิมไม่เกิน 100 ล้านบาท เพิ่มเป็นไม่เกิน 200 ล้านบาท การขยายวงเงินค้ำประกันรวมสูงสุด จากเดิมไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อราย เพิ่มเป็นไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อราย และการผ่อนผันให้ลูกหนี้จัดหาผู้ค้ำประกันการชำระหนี้แก่ บสย. ให้เป็นไปในหลักการเดียวกับที่สถาบันผู้ให้กู้กำหนด
นอกจากนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ให้ความร่วมมือในการนำเสนอรายชื่อสมาชิกที่เป็น SME เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนประมาณ 150 ราย โดยทยอยนำเสนอซึ่งปัจจุบันนำเสนอมาแล้วจำนวน 114 ราย โดย สปน. จะพิจารณานำส่งรายชื่อสมาชิกดังกล่าวสำหรับรายที่มีเอกสารพื้นฐานประกอบการขอสินเชื่อครบถ้วน ไปยังสถาบันเจ้าหนี้ และ บสย. เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งปัจจุบัน นำส่งไปแล้วประมาณ 50 ราย
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
ร.ต. ยอดชาย ชูศรี ผู้อำนวยการอาวุโส สายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เปิดเผยความคืบหน้าการปรับโครงสร้างหนี้ของเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีรายละเอียดดังนี้1. ความคืบหน้าในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงิน
ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2544 สถาบันการเงินได้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จไปแล้วจำนวน 370,658 ราย คิดเป็นมูลหนี้รวม 2,014,532 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนมกราคม 2544 จำนวน 10,169 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 2.82 และเป็นมูลหนี้ 25,601 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.29 โดยส่วนใหญ่จะเป็นลูกหนี้ประเภทอุตสาหกรรม รองลงมาคือ การค้าส่งค้าปลีก และธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามลำดับ นอกจากนี้ยังเป็นลูกหนี้ในเขตกรุงเทพมหานครและภาคกลางเป็นสำคัญ ทั้งนี้ลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้จะเป็นลูกหนี้รายกลางรายย่อยเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้มูลหนี้ที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้มีแนวโน้มลดลง
สำหรับลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีจำนวน 69,915 ราย มูลหนี้ 380,709 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นเดือนมกราคม 2544 จำนวน 7,138 ราย ยอดมูลหนี้ลดลง 12,701 ล้านบาท (ตาราง 1-4)
2. ความคืบหน้าในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายของคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (คปน.)
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2544 คปน. มีลูกหนี้เป้าหมายรวมทั้งสิ้น 13,852 ราย มูลหนี้ 2,614,592 ล้านบาท โดยมีลูกหนี้ที่ให้ความร่วมมือเข้าสู่กระบวนการจำนวน 9,202 ราย มูลหนี้ 1,644,494 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 66.43 ของจำนวนลูกหนี้เป้าหมายทั้งสิ้น สรุปความคืบหน้าในการดำเนินการ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2544 ดังนี้ (ตาราง 5)
1. ลูกหนี้เป้าหมายที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,526 ราย มูลหนี้ 1,227,247 ล้านบาท ซึ่งเป็นร้อยละ 81.79 ของจำนวนลูกหนี้ที่ให้ความร่วมมือเข้ากระบวนการทั้งสิ้น ซึ่งปัจจุบันจัดทำสัญญาสำเร็จแล้ว จำนวน 7,376 ราย มูลหนี้ 1,131,701 ล้านบาท และอยู่ในระหว่างการจัดทำสัญญา จำนวน 138 ราย มูลหนี้ 68,694 ล้านบาทและยื่นเข้าสู่กระบวนการศาลฟื้นฟู จำนวน 12 ราย มูลหนี้ 26,851 ล้านบาท โดยลูกหนี้ที่สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้สำเร็จเป็นลูกหนี้รายกลางรายย่อยประมาณร้อยละ 87.20 และลูกหนี้ส่วนใหญ่อยู่ในภาคธุรกิจการพาณิชย์ จำนวน 1,881 ราย (ร้อยละ 24.99) รองลงมาคือภาคอุปโภคบริโภค จำนวน 1,809 ราย (ร้อยละ 24.04) และการอุตสาหกรรม จำนวน 1,212ราย (ร้อยละ 16.10)
2. ลูกหนี้เป้าหมายที่คงเหลือในกระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของ คปน. มีจำนวน 533 ราย มูลหนี้รวม 53,750 ล้านบาท โดยมีลูกหนี้เป้าหมายรายใหญ่เหลือเพียง 144 ราย (ร้อยละ 9.32 ของลูกหนี้รายใหญ่ที่เข้ากระบวนการ) มูลหนี้ 39,599 ล้านบาท (ร้อยละ 2.73 ของลูกหนี้รายใหญ่ที่เข้ากระบวนการ) ส่วนลูกหนี้เป้าหมายรายกลาง รายย่อย ปัจจุบันยังคงเหลือในกระบวนการของบันทึกข้อตกลงในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ อีก 389 ราย (ร้อยละ 5.08 ของลูกหนี้รายกลางรายย่อยที่เข้ากระบวนการ) มูลหนี้ 14,151 ล้านบาท (ร้อยละ 7.29 ของลูกหนี้รายกลางรายย่อยที่เข้ากระบวนการ) และยังอยู่ระหว่างรอลงนามผูกพันตนเข้ากระบวนการอีก 1,815 ราย (ร้อยละ 16.47 ของลูกหนี้ทั้งสิ้น) มูลหนี้ 6,724 ล้านบาท (ร้อยละ 2.20 ของลูกหนี้ทั้งสิ้น)
3. ลูกหนี้เป้าหมายซึ่งสถาบันการเงินต้องนำเข้าสู่การดำเนินการทางศาลเนื่องจาก ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไม่สำเร็จภายใต้กระบวนการของคปน. รวมทั้งเป็นลูกหนี้ที่ไม่เข้าสู่กระบวนการ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2544 มีจำนวนทั้งสิ้น 3,918 ราย มูลหนี้ 1,167,210 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นลูกหนี้ที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไม่สำเร็จภายใต้กระบวนการของคปน. จำนวน 1,143 ราย มูลหนี้ 363,498 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.42 ของจำนวนรายลูกหนี้ที่ลงนาม
4. ความคืบหน้าของโครงการการให้สินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ SMEs ที่เป็น NPL ปัจจุบัน มีลูกหนี้ SMEs ที่เป็น NPL ที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อใหม่เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนจากสถาบันการเงินและการค้ำประกันจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) ตามโครงการนี้แล้ว จำนวน 12 ราย เป็นวงเงินสินเชื่อรวม 70.50 ล้านบาท ซึ่ง ขณะนี้ บสย. ได้ดำเนินการผ่อนคลายหลักเกณฑ์บางประการในการค้ำประกันแล้ว ได้แก่ การขยายขนาดสินทรัพย์ถาวรสุทธิของลูกหนี้จากเดิมไม่เกิน 100 ล้านบาท เพิ่มเป็นไม่เกิน 200 ล้านบาท การขยายวงเงินค้ำประกันรวมสูงสุด จากเดิมไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อราย เพิ่มเป็นไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อราย และการผ่อนผันให้ลูกหนี้จัดหาผู้ค้ำประกันการชำระหนี้แก่ บสย. ให้เป็นไปในหลักการเดียวกับที่สถาบันผู้ให้กู้กำหนด
นอกจากนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ให้ความร่วมมือในการนำเสนอรายชื่อสมาชิกที่เป็น SME เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนประมาณ 150 ราย โดยทยอยนำเสนอซึ่งปัจจุบันนำเสนอมาแล้วจำนวน 114 ราย โดย สปน. จะพิจารณานำส่งรายชื่อสมาชิกดังกล่าวสำหรับรายที่มีเอกสารพื้นฐานประกอบการขอสินเชื่อครบถ้วน ไปยังสถาบันเจ้าหนี้ และ บสย. เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งปัจจุบัน นำส่งไปแล้วประมาณ 50 ราย
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-