แท็ก
อาเซียน
กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
แผนปฏิบัติการด้านพลังงาน
"แผนปฏิบัติการอาเซียนเพื่อความร่วมมือด้านพลังงาน ปี พ.ศ.2542-2547" ได้ระบุถึงทิศทาง แผนงาน โครงการและกิจกรรมความร่วมมือรวม 6 สาขา ได้แก่ (1)ข่ายพลังงานอาเซียน (2) ท่อส่งก๊าซอาเซียน (3)การอนุรักษ์และประหยัดพลังงาน (4) แหล่งพลังงานใหม่ (5)ถ่านหิน และ(6) ภาพรวมด้านพลังงานของภูมิภาค นโยบายพลังงานและการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
แผนปฏิบัติการ 5 ปีนี้ ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐมนตรีหลังงานอาเซียน ครั้งที่ 17 ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2542 โดยมีกลไกต่าง ๆ อาทิ ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านพลังงาน (SOME) ที่ประชุมหัวหน้าหน่วยสาธารณูปโภคด้านพลัง (HAPUA) คณะมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน (ASCOPE) และศูนย์พลังงานอาเซียน (ACE) ร่วมรับผิดชอบในการนำแผนดังกล่าวนี้ไปสู่การปฏิบัติ ด้วยการร่วมกันออกค่าใช้จ่ายหรือขอรับความช่วยเหลือจากประเทศคู่เจรจาต่าง ๆ ซึ่งในขณะนี้ อาเซียนกำลังเสนอโครงการความร่วมมือด้านพลังงานนี้กว่า 60 โครงการให้สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้พิจารณา
เป้าหมายระยะกลาง
อาเซียนได้เห็นชอบที่จะดำเนินความร่วมมือด้านพลังงานร่วมกัน โดยมีจุดมุ่งหมาย ดังนี้
-การเปิดเสรีภาคอุตสาหกรรมพลังงาน ด้วยการปรับโครงสร้างและแปรรูปหน่วยงานสาธารณูปโภคด้านพลังงาน โดยเฉพาะในด้านของการผลิตกระแสไฟฟ้า ดังจะเห็นได้จากการผลักดันให้เกิดการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตจากรัฐวิสาหกิจไปเป็นวิสาหกิจเอกชน และการเปิดโอกาสให้มีผู้ประกอบการอิสระดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกิจการสาธารณูปโภค เพื่อส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศโดยตรง (FDI) ในกิจการทางด้านนี้
-การวางกรอบสำหรับระบบการผลิตพลังงาน (กระแสไฟฟ้า)ที่ทดแทนกันได้ (power pool) ซึ่งในปัจจุบันก็มีความร่วมมือด้านนี้ในระดับทวิภาคีอยู่บ้างแล้ว อาทิ ระหว่างไทยกับพม่า ไทยกับลาว ไทยกับกัมพูชา ลาวกับกัมพูชา และระหว่างเวียดนามกับกัมพูชา เป็นต้น ให้กว้างขวางและครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเรื่องนี้ กำลังมีการทาบทามขอให้ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียช่วยเหลือในการจัดทำแผนแม่บทเพื่อการเชื่อมโยงระบบส่งไฟฟ้าในอนุภูมิภาคนี้
-การพัฒนาเครือข่ายพลังงานอาเซียน ที่ประกอบด้วยโครงการข่ายพลังงาน(ไฟฟ้า) อาเซียนและโครงการท่อส่งก๊าซอาเซียน ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ภูมิภาคนี้บรรลุถึงความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน บูรณาการทางเศรษฐกิจที่แนบแน่น และเพิ่มพูนความสามารถทางการแข่งขันของภูมิภาคอาเซียน โดยนอกจากจะมุ่งให้มีความตกลงในเรื่องของระบบการผลิตพลังงานที่ทดแทนกันได้และเชื่อมสายส่งแล้ว การพัฒนาแหล่งสำรองและท่อส่งก๊าซธรรมชาติระหว่างประเทศสมาชิกจักต้องได้รับการพิจารณาเป็นโครงการความร่วมมือลำดับต้น ไม่ว่าจะเป็นท่อส่งก๊าซในเขตพัฒนาร่วม (JDA) ไทย-มาเลเชีย ท่อส่งก๊าซอินโดนีเซีย (นาทูนาตะวันตกและสุมาตรา)-สิงคโปร์ ท่อส่งก๊าซพม่า (ยาดานา-ไทย) หรือท่อส่งก๊าซมาเลเซีย(ซาบา)-(ปาลาวัน) ฟิลิปปินส์ เป็นต้น
ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจต่อความมั่นคงด้านพลังงาน
วิกฤตการณ์ทางการเงินและเศรษฐกิจในภูมิภาคได้ส่งผลกระทบต่อความร่วมมืออาเซียนด้านพลังงานเช่นเดียวกับด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะในเรื่องของการชะลอตัวของแผนการปรับโครงสร้างทางการผลิตพลังงาน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และเงินลงทุนจากต่างประเทศและของภาคเอกชนในกิจการสาธารณูปโภคด้านนี้ที่ลดน้อยลง ซึ่งอาจส่งผลให้แผนปฏิบัติการ 5 ปีที่กำหนดไว้ข้างต้นไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จได้ตามที่คาดหวัง อย่างไรก็ตาม วิกฤตดังกล่าวกอปรกับราคาน้ำมันดิบซึ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้นำมาซึ่งข้อเสนอให้มีการทบทวนความตกลงอาเซียนว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียม ปี พ.ศ. 2529 เพื่อให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันในอาเซียนผูกพันที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศอาเซียนผู้นำเข้าน้ำมันในด้านของราคามิตรภาพและการสำรองน้ำมัน โดยเรื่องนี้ ประเทศไทยก็จะได้รับประโยชน์โดยตรงเช่นกัน
สรุป
ความร่วมมืออาเซียนด้านพลังงานนี้เป็นอีกหนึ่งกรอบความร่วมมือเฉพาะด้านของอาเซียนที่มีความสำคัญเชิงเศรษฐกิจและส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ โดยตรงต่อผู้บริโภคทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของระดับราคาของพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า น้ำมัน หรือ ก๊าซ ด้วยเหตุนี้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องร่วมกันผลักดันโครงการความร่วมมือข้างต้นให้สัมฤทธผลโดยเร็ว--จบ--
-อน-
แผนปฏิบัติการด้านพลังงาน
"แผนปฏิบัติการอาเซียนเพื่อความร่วมมือด้านพลังงาน ปี พ.ศ.2542-2547" ได้ระบุถึงทิศทาง แผนงาน โครงการและกิจกรรมความร่วมมือรวม 6 สาขา ได้แก่ (1)ข่ายพลังงานอาเซียน (2) ท่อส่งก๊าซอาเซียน (3)การอนุรักษ์และประหยัดพลังงาน (4) แหล่งพลังงานใหม่ (5)ถ่านหิน และ(6) ภาพรวมด้านพลังงานของภูมิภาค นโยบายพลังงานและการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
แผนปฏิบัติการ 5 ปีนี้ ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐมนตรีหลังงานอาเซียน ครั้งที่ 17 ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2542 โดยมีกลไกต่าง ๆ อาทิ ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านพลังงาน (SOME) ที่ประชุมหัวหน้าหน่วยสาธารณูปโภคด้านพลัง (HAPUA) คณะมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน (ASCOPE) และศูนย์พลังงานอาเซียน (ACE) ร่วมรับผิดชอบในการนำแผนดังกล่าวนี้ไปสู่การปฏิบัติ ด้วยการร่วมกันออกค่าใช้จ่ายหรือขอรับความช่วยเหลือจากประเทศคู่เจรจาต่าง ๆ ซึ่งในขณะนี้ อาเซียนกำลังเสนอโครงการความร่วมมือด้านพลังงานนี้กว่า 60 โครงการให้สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้พิจารณา
เป้าหมายระยะกลาง
อาเซียนได้เห็นชอบที่จะดำเนินความร่วมมือด้านพลังงานร่วมกัน โดยมีจุดมุ่งหมาย ดังนี้
-การเปิดเสรีภาคอุตสาหกรรมพลังงาน ด้วยการปรับโครงสร้างและแปรรูปหน่วยงานสาธารณูปโภคด้านพลังงาน โดยเฉพาะในด้านของการผลิตกระแสไฟฟ้า ดังจะเห็นได้จากการผลักดันให้เกิดการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตจากรัฐวิสาหกิจไปเป็นวิสาหกิจเอกชน และการเปิดโอกาสให้มีผู้ประกอบการอิสระดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกิจการสาธารณูปโภค เพื่อส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศโดยตรง (FDI) ในกิจการทางด้านนี้
-การวางกรอบสำหรับระบบการผลิตพลังงาน (กระแสไฟฟ้า)ที่ทดแทนกันได้ (power pool) ซึ่งในปัจจุบันก็มีความร่วมมือด้านนี้ในระดับทวิภาคีอยู่บ้างแล้ว อาทิ ระหว่างไทยกับพม่า ไทยกับลาว ไทยกับกัมพูชา ลาวกับกัมพูชา และระหว่างเวียดนามกับกัมพูชา เป็นต้น ให้กว้างขวางและครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเรื่องนี้ กำลังมีการทาบทามขอให้ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียช่วยเหลือในการจัดทำแผนแม่บทเพื่อการเชื่อมโยงระบบส่งไฟฟ้าในอนุภูมิภาคนี้
-การพัฒนาเครือข่ายพลังงานอาเซียน ที่ประกอบด้วยโครงการข่ายพลังงาน(ไฟฟ้า) อาเซียนและโครงการท่อส่งก๊าซอาเซียน ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ภูมิภาคนี้บรรลุถึงความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน บูรณาการทางเศรษฐกิจที่แนบแน่น และเพิ่มพูนความสามารถทางการแข่งขันของภูมิภาคอาเซียน โดยนอกจากจะมุ่งให้มีความตกลงในเรื่องของระบบการผลิตพลังงานที่ทดแทนกันได้และเชื่อมสายส่งแล้ว การพัฒนาแหล่งสำรองและท่อส่งก๊าซธรรมชาติระหว่างประเทศสมาชิกจักต้องได้รับการพิจารณาเป็นโครงการความร่วมมือลำดับต้น ไม่ว่าจะเป็นท่อส่งก๊าซในเขตพัฒนาร่วม (JDA) ไทย-มาเลเชีย ท่อส่งก๊าซอินโดนีเซีย (นาทูนาตะวันตกและสุมาตรา)-สิงคโปร์ ท่อส่งก๊าซพม่า (ยาดานา-ไทย) หรือท่อส่งก๊าซมาเลเซีย(ซาบา)-(ปาลาวัน) ฟิลิปปินส์ เป็นต้น
ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจต่อความมั่นคงด้านพลังงาน
วิกฤตการณ์ทางการเงินและเศรษฐกิจในภูมิภาคได้ส่งผลกระทบต่อความร่วมมืออาเซียนด้านพลังงานเช่นเดียวกับด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะในเรื่องของการชะลอตัวของแผนการปรับโครงสร้างทางการผลิตพลังงาน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และเงินลงทุนจากต่างประเทศและของภาคเอกชนในกิจการสาธารณูปโภคด้านนี้ที่ลดน้อยลง ซึ่งอาจส่งผลให้แผนปฏิบัติการ 5 ปีที่กำหนดไว้ข้างต้นไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จได้ตามที่คาดหวัง อย่างไรก็ตาม วิกฤตดังกล่าวกอปรกับราคาน้ำมันดิบซึ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้นำมาซึ่งข้อเสนอให้มีการทบทวนความตกลงอาเซียนว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียม ปี พ.ศ. 2529 เพื่อให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันในอาเซียนผูกพันที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศอาเซียนผู้นำเข้าน้ำมันในด้านของราคามิตรภาพและการสำรองน้ำมัน โดยเรื่องนี้ ประเทศไทยก็จะได้รับประโยชน์โดยตรงเช่นกัน
สรุป
ความร่วมมืออาเซียนด้านพลังงานนี้เป็นอีกหนึ่งกรอบความร่วมมือเฉพาะด้านของอาเซียนที่มีความสำคัญเชิงเศรษฐกิจและส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ โดยตรงต่อผู้บริโภคทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของระดับราคาของพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า น้ำมัน หรือ ก๊าซ ด้วยเหตุนี้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องร่วมกันผลักดันโครงการความร่วมมือข้างต้นให้สัมฤทธผลโดยเร็ว--จบ--
-อน-