สืบเนื่องจากความล้มเหลวของการเปิดการเจรจาการค้าพหุพาคีรอบใหม่ที่จัดขึ้น ณ นครซีแอตเติล สหรัฐอเมริกา เมื่อปลายปี 2542 เป็นผลให้ประเทศต่างๆ ให้ความสำคัญกับการเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีเพื่อเปิดเสรีการค้าระหว่างกันมากขึ้นทั้งในรูปแบบภูมิภาคและแบบทวิภาคี การทำ FTA ดังกล่าวอาจทำให้เกิดการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างประเทศในกลุ่มที่ทำ FTA กับประเทศนอกกลุ่ม ที่ไม่ได้ทำ FTA และอาจจะทำให้มีการได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการค้าเกิดขึ้นได้
นิวซีแลนด์กับเกาหลีใต้ได้ตกลงร่วมกันให้แต่ละฝ่ายทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำ Closer Economic Partnership(CEP) ระหว่างกัน โดยเกาหลีใต้มอบให้ The Korean Institute for International Economic Policy(KIEP) เป็นผู้ศึกษา ส่วนนิวซีแลนด์มอบให้ New Zealand Institute of Economic Research(NZIER) เป็นผู้ศึกษา ข้อสรุปจากรายงานการศึกษาทั้งสองฝ่ายเห็นว่าการทำ CEP ระหว่างกันจะเกิดประโยชน์ต่อทั้งนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้ ซึ่งปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ในช่วงของการเจรจาหาความเป็นไปได้ในระดับรัฐบาล
เนื่องจากทั้งนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้ต่างเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการค้ากับไทย ซึ่งหากมีการทำ CEP ดังกล่าวเกิดขึ้น อาจจะมีผลกระทบต่อการค้าของไทยกับสองประเทศดังกล่าว
สำนักวิจัยเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ ได้ศึกษาการจัดทำ CEP ระหว่างนิวซีแลนด์กับเกาหลีใต้และผลกระทบต่อไทย ในเบื้องต้น ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. สรุปรายงานผลการศึกษาของ New Zealand Institute of Economic Research(NZIER) ในการจัดทำเขตการค้าเสรี(Closer Economic Partnership:CEP) ระหว่างนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้
1.1 โครงสร้างทางเศรษฐกิจ นิวซีแลนด์และเกาหลีใต้มีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เกื้อกูลกัน โดยนิวซีแลนด์มีความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าขั้นปฐมและขั้นกลาง ขณะที่เกาหลีใต้มีความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ดังนั้น การทำ CEP จะทำให้ประเทศทั้งสองได้รับประโยชน์จากการขยายการค้าเพิ่มขึ้นในการผลิตสินค้าที่แต่ละฝ่ายมีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ และจากลักษณะภูมิศาสตร์ของทั้งสองประเทศที่แตกต่างกันทำให้เกิดการเกื้อกูลในลักษณะที่เรียกว่า Seasonally Complementary โดยเฉพาะการค้าสินค้าเกษตร และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการสร้างการค้ามากกว่าการเบี่ยงเบนทางการค้า
1.2 ต้นทุนในการปรับตัว(Adjustment Costs) การจัดทำ CEP จะมีต้นทุนของการปรับตัว แต่ต้นทุนที่เกิดขึ้นจะมีน้อยเนื่องจากทั้งสองประเทศมีนโยบายที่ค่อนข้างเปิดเสรี ทำให้ภาคธุรกิจมีความสามารถในการปรับตัวได้ดี และคาดว่าเกาหลีใต้จะมีต้นทุนในการปรับตัวน้อยกว่านิวซีแลนด์ เนื่องจากมีขนาดของเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่า
1.3 ผลประโยชน์ที่จะได้รับในเชิงมูลค่า นิวซีแลนด์จะได้รับประโยชย์ในเชิงปริมาณจากการยกเลิกภาษีนำเข้าระหว่างกัน มากกว่า 42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนเกาหลีใต้จะได้รับประมาณ 21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์ในเชิงปริมาณที่คำนวณได้นี้น่าจะน้อยกว่าประโยชน์ที่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากเป็นการคำนวณในลักษณะ Short-run effect และการคำนวณยังไม่สามารถประเมินถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการลด/เลิก มาตรการที่มิใช่ภาษี
1.4 ผลประโยชน์เชิงคุณภาพในระยะยาว ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากจัดตั้ง CEP ระหว่างนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้ก็ คือ Productivity growth และ Economy of scale โดยจะมีการจัดสรรทรัพยากรไปสู่การบริการที่มีศักยภาพ การขยายการค้า และเชื่อมโยงไปสู่การลงทุนระหว่างกันและจากประเทศอื่นๆนอก CEP เพิ่มขึ้น
2. ข้อวิเคราะห์
2.1 โครงสร้างการผลิตสินค้าของนิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และไทย มีความแตกต่างกัน โดยไทยและเกาหลีใต้พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศมากกว่าร้อยละ 70 ของ GDP ขณะที่นิวซีแลนด์มีเพียงร้อยละ 48.8 ของ GDP นิวซีแลนด์มีความโดดเด่นด้านภาคบริการ เกาหลีใต้ด้านภาคอุตสาหกรรม และไทยด้านภาคเกษตร ดังนั้นการทำ CEP จึงมีผลกระทบต่อกันไม่มากนัก และอาจมีผลในทางสนับสนุนเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ซึ่งจะช่วยให้การค้าระหว่างกันมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบันทั้งสามประเทศยังมีการคุ้มครองภาคเกษตร โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ทั้งนี้เนื่องจากสินค้าเกษตรโดยทั่วไปแม้ว่าจะเป็นคนละชนิดและและผลิตต่างเวลากันตามสภาพภูมิอากาศของแต่ละประเทศ แต่บางรายการมีความยืดหยุ่นสูงและสามารถใช้ทดแทนกันได้
2.2 นิวซีแลนด์พึ่งพาเกาหลีใต้ในด้านการค้ามากกว่าเกาหลีใต้พึ่งพานิวซีแลนด์ ดังนั้น การทำ CEP จึงเป็นประโยชน์โดยตรงต่อนิวซีแลนด์มากกว่าเกาหลีใต้ โดยเฉพาะด้านการส่งออกสินค้าเกษตร แต่สินค้าส่งออกของนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่เป็นคนละชนิดกับไทย จึงมีผลกระทบต่อไทยน้อย
2.3 เกาหลีใต้มีขนาดตลาดที่ใหญ่ ประชากรมีกำลังซื้อสูง การทำ CEP จะเกิดประโยชน์ในการสร้างมูลค่าการค้าของเกาหลีใต้และนิวซีแลนด์ได้เพิ่มขึ้น
2.4 สินค้าที่คาดว่าไทยจะได้รับผลกระทบหากมีการทำ CEP ระหว่างนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้
2.4.1 ตลาดนิวซีแลนด์ การนำเข้าสินค้าของนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่ไม่เก็บภาษีนำเข้า ส่วนรายการที่เก็บภาษีนำเข้าจะมีอัตราภาษีที่ค่อนข้างต่ำ และมีการกีดกันทางการค้าน้อย นิวซีแลนด์นำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้และไทยที่เป็นรายการเดียวกันมีไม่มาก ทำให้การทำ CEP ระหว่างนิวซีแลนด์กับเกาหลีใต้ มีผลกระทบต่อไทยน้อย โดยรายการสำคัญที่ไทยจะได้รับผลกระทบมากเพราะนิวซีแลนด์เก็บภาษีนำเข้า ในอัตราที่สูงและมีมูลค่าการส่งออกของไทยไปนิวซีแลนด์มากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีรายการเดียว คือ
รถยนต์นั่งแบบจี๊ปทั้งชนิดหลังคาอ่อนและหลังคาแข็งรวมถึงชนิดสเตชันแวกอนและที่มีลักษณะคล้ายกันความจุกระบอกสูบเกิน 1,500 cc. แต่ไม่เกิน 3,000 cc (HS 870323) โดยการนำเข้าของนิวซีแลนด์จากไทยเกือบทั้งหมดในหมวดนี้เป็นรถสเตชันวากอน ในปี 2543 ไทยส่งออกไปนิวซีแลนด์มี มูลค่า 17.65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่เกาหลีใต้ส่งออกไปนิวซีแลนด์มีมูลค่าใน 31.07 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปัจจุบันนิวซีแลนด์เก็บภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 15 โดยเกาหลีใต้มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 5.17 และไทยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 2.97
ส่วนรายการอื่นๆ ได้รับผลกระทบน้อย เพราะมีมูลค่าส่งออกของไทยไป นิวซีแลนด์น้อยกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เช่น เครื่องส่งวิทยุ,โทรเลข,โทรทัศน์(อัตราภาษีร้อยละ 5) ยางนอกรถยนต์นั่ง(อัตราภาษีร้อยละ 10-15) เครื่องประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ(อัตราภาษีร้อยละ 5) แผ่นอะลูมิเนียมหนาเกิน 0.2 มม.ทำด้วยอะลูมิเนียมอันลอต(อัตราภาษีร้อยละ 5) และแบตเตอรี่รถยนต์(อัตราภาษีร้อยละ5-15) เป็นต้น
2.4.2 ตลาดเกาหลีใต้ สินค้าสำคัญที่คาดว่าจะกระทบต่อไทยเมื่อมีการทำ CEP ระหว่างนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้มี 3 รายการ โดยมีมูลค่าการส่งออกมากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯและมีอัตราภาษีนำเข้าสูง ส่วนรายการอื่นๆ คาดว่าจะมีผลกระทบน้อยเพราะเป็นรายการที่ไทยส่งออกไปเกาหลีใต้น้อย คือ
1) น้ำมันเบนซินและน้ำมันที่คล้ายกันสำหรับเครื่องยนต์(HS 271000) ในปี 2543 ไทยส่งออกไปเกาหลีใต้มีมูลค่า 14.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นิวซีแลนด์ส่งออกไปเกาหลีใต้มีมูลค่า 9.57 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเกาหลีใต้เก็บภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 5.1 โดยไทยมีส่วนแบ่งตลาดเพียงร้อยละ 0.29 มีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 1.56
2) ไฟเบอร์บอร์ดมีความหนาแน่นเกิน 0.5 กรัมต่อลบ.ซม.ไม่เกิน 0.8 กรัมต่อลบ.ซม. ที่ไม่ได้ตบแต่ง(HS 441121) ในปี 2543 ไทยส่งออกไปเกาหลีใต้ 15.92 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนิวซีแลนด์ส่งออกไปเกาหลีใต้มีมูลค่า 5.10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปัจจุบันเกาหลีใต้เก็บภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 8 โดยไทยและนิวซีแลนด์มีส่วนแบ่งตลาดน้อย
(3) เนื้อปลาแบบฟิลเลแช่เย็นจนแข็ง(HS 30420) ในปี 2543 ไทยส่งออกไปเกาหลีใต้มีมูลค่า 2.86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนิวซีแลนด์ส่งออกไปเกาหลีใต้มีมูลค่า 1.27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันเกาหลีใต้เก็บภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 20.1 โดยไทยและนิวซีแลนด์มีส่วนแบ่งตลาดน้อยมาก
รายการอื่นๆ ที่จะได้รับผลกระทบ เช่น หอยและปลาหมึกปรุงแต่ง(อัตราภาษีนำเข้า 20%) อาหารปรุงแต่งสำหรับเลี้ยงทารกจัดทำขึ้นเพื่อขายปลีก(อัตราภาษีนำเข้า 12.4%) และสิ่งสกัดและน้ำคั้นที่ได้จากเนื้อสัตว์จำพวกปลา สัตว์น้ำจำพวกตรัสตาเซีย(อัตราภาษีนำเข้า 30%) เป็นต้น
3. ความเห็น
3.1 รายงานการศึกษา เรื่อง “New Zealand and the Republic of Korea Envisaging a closer economic partnership ของ NZIER ฉบับนี้ เป็นการศึกษาที่มีลักษณะคล้ายกับการศึกษา ความเป็นไปได้ ในการจัดทำเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ ที่คณะทำงานฯ ของกรมฯ ได้เคยจัดทำไว้แล้ว โดยเนื้อหารายงานการศึกษาของ NZIER กล่าวถึงข้อมูลเกี่ยวกับภูมิหลัง ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และความเป็นไปได้และผลกระทบจากการทำ CEP ระหว่างกัน โดยใช้ Quantitative analysis ประเมินประโยชน์ที่จะได้รับจากการยกเลิกอัตราภาษีระหว่างกัน แต่ยังไม่สามารถประเมินประโยชน์ที่จะได้รับจากการลดมาตรการที่มิใช่ภาษีระหว่างกัน
3.2 เอกสารฉบับนี้เป็นเพียงมุมมองด้านเดียวจากฝ่ายนิวซีแลนด์ ซึ่งพยายามจะหยิบยกประสบการณ์ที่ทำ CER กับออสเตรเลียมาสนับสนุนความเป็นไปได้ในการจัดทำ CER กับเกาหลีใต้
3.3 โอกาสที่นิวซีแลนด์และเกาหลีใต้จะจัดทำเขตการค้าเสรีระหว่างกันมีความเป็นไปได้น้อย แม้ว่าผลการศึกษาทั้งของ KIEP และ NZIER ชี้ให้เห็นประโยชน์ของการทำ CEP ระหว่างกัน แต่การตัดสินใจดำเนินการอย่างแท้จริงอยู่ในส่วนของฝ่ายบริหาร ซึ่งยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆอีกมาก โดยเฉพาะความอ่อนไหวด้านสินค้าเกษตรหลายรายการของเกาหลีใต้ที่มีผลต่อการตัดสินใจในทาง การเมือง ในขณะที่สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์เป็นสินค้าเกษตร เช่น องุ่น เนื้อสัตว์ และนม เป็นต้น
3.4 หากมีการจัดทำ CEP ระหว่างนิวซีแลนด์กับเกาหลีใต้ คาดว่าจะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในตลาดทั้งสองไม่มากนัก เพราะแม้ว่านิวซีแลนด์และเกาหลีใต้จะมีการนำเข้าสินค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้นแต่ส่วนใหญ่เป็นคนละชนิดกับไทย และรายการที่เหมือนกันเกือบทั้งหมดเป็น รายการที่มีมูลค่านำเข้าจากไทยน้อย เนื่องจากประเทศทั้งสองไม่ใช่ตลาดหลักของไทย และหลาย รายการไม่เก็บภาษีนำเข้าอยู่ก่อนแล้ว(ในตลาดนิวซีแลนด์) หรือบางรายการมีอัตราภาษีที่ต่ำเพียงร้อยละ1(ในตลาดเกาหลี) แต่ในระยะยาวจะทำให้ไทยเสียโอกาสในการขยายตลาดสินค้าในตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้นและอาจมีสินค้าบางรายการที่มีผลกระทบในการเป็นสินค้าทดแทนกันกับสินค้าของไทย
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (662)2826171-9 แฟกซ์ (662)280-0775--
-สส-
นิวซีแลนด์กับเกาหลีใต้ได้ตกลงร่วมกันให้แต่ละฝ่ายทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำ Closer Economic Partnership(CEP) ระหว่างกัน โดยเกาหลีใต้มอบให้ The Korean Institute for International Economic Policy(KIEP) เป็นผู้ศึกษา ส่วนนิวซีแลนด์มอบให้ New Zealand Institute of Economic Research(NZIER) เป็นผู้ศึกษา ข้อสรุปจากรายงานการศึกษาทั้งสองฝ่ายเห็นว่าการทำ CEP ระหว่างกันจะเกิดประโยชน์ต่อทั้งนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้ ซึ่งปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ในช่วงของการเจรจาหาความเป็นไปได้ในระดับรัฐบาล
เนื่องจากทั้งนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้ต่างเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการค้ากับไทย ซึ่งหากมีการทำ CEP ดังกล่าวเกิดขึ้น อาจจะมีผลกระทบต่อการค้าของไทยกับสองประเทศดังกล่าว
สำนักวิจัยเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ ได้ศึกษาการจัดทำ CEP ระหว่างนิวซีแลนด์กับเกาหลีใต้และผลกระทบต่อไทย ในเบื้องต้น ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. สรุปรายงานผลการศึกษาของ New Zealand Institute of Economic Research(NZIER) ในการจัดทำเขตการค้าเสรี(Closer Economic Partnership:CEP) ระหว่างนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้
1.1 โครงสร้างทางเศรษฐกิจ นิวซีแลนด์และเกาหลีใต้มีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เกื้อกูลกัน โดยนิวซีแลนด์มีความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าขั้นปฐมและขั้นกลาง ขณะที่เกาหลีใต้มีความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ดังนั้น การทำ CEP จะทำให้ประเทศทั้งสองได้รับประโยชน์จากการขยายการค้าเพิ่มขึ้นในการผลิตสินค้าที่แต่ละฝ่ายมีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ และจากลักษณะภูมิศาสตร์ของทั้งสองประเทศที่แตกต่างกันทำให้เกิดการเกื้อกูลในลักษณะที่เรียกว่า Seasonally Complementary โดยเฉพาะการค้าสินค้าเกษตร และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการสร้างการค้ามากกว่าการเบี่ยงเบนทางการค้า
1.2 ต้นทุนในการปรับตัว(Adjustment Costs) การจัดทำ CEP จะมีต้นทุนของการปรับตัว แต่ต้นทุนที่เกิดขึ้นจะมีน้อยเนื่องจากทั้งสองประเทศมีนโยบายที่ค่อนข้างเปิดเสรี ทำให้ภาคธุรกิจมีความสามารถในการปรับตัวได้ดี และคาดว่าเกาหลีใต้จะมีต้นทุนในการปรับตัวน้อยกว่านิวซีแลนด์ เนื่องจากมีขนาดของเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่า
1.3 ผลประโยชน์ที่จะได้รับในเชิงมูลค่า นิวซีแลนด์จะได้รับประโยชย์ในเชิงปริมาณจากการยกเลิกภาษีนำเข้าระหว่างกัน มากกว่า 42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนเกาหลีใต้จะได้รับประมาณ 21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์ในเชิงปริมาณที่คำนวณได้นี้น่าจะน้อยกว่าประโยชน์ที่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากเป็นการคำนวณในลักษณะ Short-run effect และการคำนวณยังไม่สามารถประเมินถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการลด/เลิก มาตรการที่มิใช่ภาษี
1.4 ผลประโยชน์เชิงคุณภาพในระยะยาว ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากจัดตั้ง CEP ระหว่างนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้ก็ คือ Productivity growth และ Economy of scale โดยจะมีการจัดสรรทรัพยากรไปสู่การบริการที่มีศักยภาพ การขยายการค้า และเชื่อมโยงไปสู่การลงทุนระหว่างกันและจากประเทศอื่นๆนอก CEP เพิ่มขึ้น
2. ข้อวิเคราะห์
2.1 โครงสร้างการผลิตสินค้าของนิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และไทย มีความแตกต่างกัน โดยไทยและเกาหลีใต้พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศมากกว่าร้อยละ 70 ของ GDP ขณะที่นิวซีแลนด์มีเพียงร้อยละ 48.8 ของ GDP นิวซีแลนด์มีความโดดเด่นด้านภาคบริการ เกาหลีใต้ด้านภาคอุตสาหกรรม และไทยด้านภาคเกษตร ดังนั้นการทำ CEP จึงมีผลกระทบต่อกันไม่มากนัก และอาจมีผลในทางสนับสนุนเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ซึ่งจะช่วยให้การค้าระหว่างกันมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบันทั้งสามประเทศยังมีการคุ้มครองภาคเกษตร โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ทั้งนี้เนื่องจากสินค้าเกษตรโดยทั่วไปแม้ว่าจะเป็นคนละชนิดและและผลิตต่างเวลากันตามสภาพภูมิอากาศของแต่ละประเทศ แต่บางรายการมีความยืดหยุ่นสูงและสามารถใช้ทดแทนกันได้
2.2 นิวซีแลนด์พึ่งพาเกาหลีใต้ในด้านการค้ามากกว่าเกาหลีใต้พึ่งพานิวซีแลนด์ ดังนั้น การทำ CEP จึงเป็นประโยชน์โดยตรงต่อนิวซีแลนด์มากกว่าเกาหลีใต้ โดยเฉพาะด้านการส่งออกสินค้าเกษตร แต่สินค้าส่งออกของนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่เป็นคนละชนิดกับไทย จึงมีผลกระทบต่อไทยน้อย
2.3 เกาหลีใต้มีขนาดตลาดที่ใหญ่ ประชากรมีกำลังซื้อสูง การทำ CEP จะเกิดประโยชน์ในการสร้างมูลค่าการค้าของเกาหลีใต้และนิวซีแลนด์ได้เพิ่มขึ้น
2.4 สินค้าที่คาดว่าไทยจะได้รับผลกระทบหากมีการทำ CEP ระหว่างนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้
2.4.1 ตลาดนิวซีแลนด์ การนำเข้าสินค้าของนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่ไม่เก็บภาษีนำเข้า ส่วนรายการที่เก็บภาษีนำเข้าจะมีอัตราภาษีที่ค่อนข้างต่ำ และมีการกีดกันทางการค้าน้อย นิวซีแลนด์นำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้และไทยที่เป็นรายการเดียวกันมีไม่มาก ทำให้การทำ CEP ระหว่างนิวซีแลนด์กับเกาหลีใต้ มีผลกระทบต่อไทยน้อย โดยรายการสำคัญที่ไทยจะได้รับผลกระทบมากเพราะนิวซีแลนด์เก็บภาษีนำเข้า ในอัตราที่สูงและมีมูลค่าการส่งออกของไทยไปนิวซีแลนด์มากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีรายการเดียว คือ
รถยนต์นั่งแบบจี๊ปทั้งชนิดหลังคาอ่อนและหลังคาแข็งรวมถึงชนิดสเตชันแวกอนและที่มีลักษณะคล้ายกันความจุกระบอกสูบเกิน 1,500 cc. แต่ไม่เกิน 3,000 cc (HS 870323) โดยการนำเข้าของนิวซีแลนด์จากไทยเกือบทั้งหมดในหมวดนี้เป็นรถสเตชันวากอน ในปี 2543 ไทยส่งออกไปนิวซีแลนด์มี มูลค่า 17.65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่เกาหลีใต้ส่งออกไปนิวซีแลนด์มีมูลค่าใน 31.07 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปัจจุบันนิวซีแลนด์เก็บภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 15 โดยเกาหลีใต้มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 5.17 และไทยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 2.97
ส่วนรายการอื่นๆ ได้รับผลกระทบน้อย เพราะมีมูลค่าส่งออกของไทยไป นิวซีแลนด์น้อยกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เช่น เครื่องส่งวิทยุ,โทรเลข,โทรทัศน์(อัตราภาษีร้อยละ 5) ยางนอกรถยนต์นั่ง(อัตราภาษีร้อยละ 10-15) เครื่องประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ(อัตราภาษีร้อยละ 5) แผ่นอะลูมิเนียมหนาเกิน 0.2 มม.ทำด้วยอะลูมิเนียมอันลอต(อัตราภาษีร้อยละ 5) และแบตเตอรี่รถยนต์(อัตราภาษีร้อยละ5-15) เป็นต้น
2.4.2 ตลาดเกาหลีใต้ สินค้าสำคัญที่คาดว่าจะกระทบต่อไทยเมื่อมีการทำ CEP ระหว่างนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้มี 3 รายการ โดยมีมูลค่าการส่งออกมากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯและมีอัตราภาษีนำเข้าสูง ส่วนรายการอื่นๆ คาดว่าจะมีผลกระทบน้อยเพราะเป็นรายการที่ไทยส่งออกไปเกาหลีใต้น้อย คือ
1) น้ำมันเบนซินและน้ำมันที่คล้ายกันสำหรับเครื่องยนต์(HS 271000) ในปี 2543 ไทยส่งออกไปเกาหลีใต้มีมูลค่า 14.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นิวซีแลนด์ส่งออกไปเกาหลีใต้มีมูลค่า 9.57 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเกาหลีใต้เก็บภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 5.1 โดยไทยมีส่วนแบ่งตลาดเพียงร้อยละ 0.29 มีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 1.56
2) ไฟเบอร์บอร์ดมีความหนาแน่นเกิน 0.5 กรัมต่อลบ.ซม.ไม่เกิน 0.8 กรัมต่อลบ.ซม. ที่ไม่ได้ตบแต่ง(HS 441121) ในปี 2543 ไทยส่งออกไปเกาหลีใต้ 15.92 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนิวซีแลนด์ส่งออกไปเกาหลีใต้มีมูลค่า 5.10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปัจจุบันเกาหลีใต้เก็บภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 8 โดยไทยและนิวซีแลนด์มีส่วนแบ่งตลาดน้อย
(3) เนื้อปลาแบบฟิลเลแช่เย็นจนแข็ง(HS 30420) ในปี 2543 ไทยส่งออกไปเกาหลีใต้มีมูลค่า 2.86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนิวซีแลนด์ส่งออกไปเกาหลีใต้มีมูลค่า 1.27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันเกาหลีใต้เก็บภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 20.1 โดยไทยและนิวซีแลนด์มีส่วนแบ่งตลาดน้อยมาก
รายการอื่นๆ ที่จะได้รับผลกระทบ เช่น หอยและปลาหมึกปรุงแต่ง(อัตราภาษีนำเข้า 20%) อาหารปรุงแต่งสำหรับเลี้ยงทารกจัดทำขึ้นเพื่อขายปลีก(อัตราภาษีนำเข้า 12.4%) และสิ่งสกัดและน้ำคั้นที่ได้จากเนื้อสัตว์จำพวกปลา สัตว์น้ำจำพวกตรัสตาเซีย(อัตราภาษีนำเข้า 30%) เป็นต้น
3. ความเห็น
3.1 รายงานการศึกษา เรื่อง “New Zealand and the Republic of Korea Envisaging a closer economic partnership ของ NZIER ฉบับนี้ เป็นการศึกษาที่มีลักษณะคล้ายกับการศึกษา ความเป็นไปได้ ในการจัดทำเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ ที่คณะทำงานฯ ของกรมฯ ได้เคยจัดทำไว้แล้ว โดยเนื้อหารายงานการศึกษาของ NZIER กล่าวถึงข้อมูลเกี่ยวกับภูมิหลัง ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และความเป็นไปได้และผลกระทบจากการทำ CEP ระหว่างกัน โดยใช้ Quantitative analysis ประเมินประโยชน์ที่จะได้รับจากการยกเลิกอัตราภาษีระหว่างกัน แต่ยังไม่สามารถประเมินประโยชน์ที่จะได้รับจากการลดมาตรการที่มิใช่ภาษีระหว่างกัน
3.2 เอกสารฉบับนี้เป็นเพียงมุมมองด้านเดียวจากฝ่ายนิวซีแลนด์ ซึ่งพยายามจะหยิบยกประสบการณ์ที่ทำ CER กับออสเตรเลียมาสนับสนุนความเป็นไปได้ในการจัดทำ CER กับเกาหลีใต้
3.3 โอกาสที่นิวซีแลนด์และเกาหลีใต้จะจัดทำเขตการค้าเสรีระหว่างกันมีความเป็นไปได้น้อย แม้ว่าผลการศึกษาทั้งของ KIEP และ NZIER ชี้ให้เห็นประโยชน์ของการทำ CEP ระหว่างกัน แต่การตัดสินใจดำเนินการอย่างแท้จริงอยู่ในส่วนของฝ่ายบริหาร ซึ่งยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆอีกมาก โดยเฉพาะความอ่อนไหวด้านสินค้าเกษตรหลายรายการของเกาหลีใต้ที่มีผลต่อการตัดสินใจในทาง การเมือง ในขณะที่สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์เป็นสินค้าเกษตร เช่น องุ่น เนื้อสัตว์ และนม เป็นต้น
3.4 หากมีการจัดทำ CEP ระหว่างนิวซีแลนด์กับเกาหลีใต้ คาดว่าจะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในตลาดทั้งสองไม่มากนัก เพราะแม้ว่านิวซีแลนด์และเกาหลีใต้จะมีการนำเข้าสินค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้นแต่ส่วนใหญ่เป็นคนละชนิดกับไทย และรายการที่เหมือนกันเกือบทั้งหมดเป็น รายการที่มีมูลค่านำเข้าจากไทยน้อย เนื่องจากประเทศทั้งสองไม่ใช่ตลาดหลักของไทย และหลาย รายการไม่เก็บภาษีนำเข้าอยู่ก่อนแล้ว(ในตลาดนิวซีแลนด์) หรือบางรายการมีอัตราภาษีที่ต่ำเพียงร้อยละ1(ในตลาดเกาหลี) แต่ในระยะยาวจะทำให้ไทยเสียโอกาสในการขยายตลาดสินค้าในตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้นและอาจมีสินค้าบางรายการที่มีผลกระทบในการเป็นสินค้าทดแทนกันกับสินค้าของไทย
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (662)2826171-9 แฟกซ์ (662)280-0775--
-สส-