นายสุวรรณ วลัยเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทประกันชีวิตทั้ง 26 บริษัท ในวันที่ 15 ตุลาคม 2544 เกี่ยวกับการขอความร่วมมือให้บริษัทประกันชีวิตต่าง ๆ ฃ่วยกันรณรงค์ให้ตัวแทนประกันชีวิตหันมาสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อเป็นการรักษาเงินตราไว้ในประเทศให้มากขึ้น
“ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าตัวแทนขายประกันชีวิตที่ขายได้ตามเป้าหมายมักจะกำหนดค่าตอบแทนด้วยการจัดทัวร์ให้เที่ยวในต่างประเทศ และจะเห็นได้ว่าคนไทยจะซื้อของจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศมากกว่าคนต่างประเทศที่เข้ามาเที่ยวในเมืองไทยแล้วซื้อของกลับไป ซึ่งเรื่องนี้ทางสมาคมประกันชีวิตไทยตกลงจะรับไปหารือกับสมาชิกฯก่อนและจะให้คำตอบอีกครั้ง”
ขณะเดียวกันก็ได้ขอให้บริษัทประกันชีวิตดำรงสถานะเงินกองทุนและสภาพคล่องให้ครบ 100% ตามที่กฏหมายกำหนด นอกจากนี้บริษัทฯจะต้องไม่ติดค้างเงินกับกรมฯ เช่น สำรองเงินกองทุนประกันชีวิต เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่เข้ามาทำประกันชีวิต พร้อมทั้งให้มีการติดตามดูแลผู้เอาประกันชีวิตได้รับเงินผลประโยชน์ตามระยะเวลาที่แน่นอน ตลอดจนเผยแพร่สถิติเรื่องร้องเรียนการชดใช้เงินผลประโยชน์ของแต่ละบริษัทให้ประชาชนได้รับทราบ และจะมีการจัดลำดับความมั่นคงทางการเงินและคุณภาพการให้บริการ และพัฒนาคุณภาพจรรยาบรรณของบุคคลากรในธุรกิจ โดยเฉพาะตัวแทนประกันชีวิต
สำหรับอัตราเบี้ยซึ่งคำนวณผลตอบแทนให้กับผู้ถือกรมธรรม์จากปัจจุบันที่บริษัทประกันชีวิตคิดอัตรา 4% นั้น นายสุวรรณเห็นว่า ควรปล่อยให้เป็นแบบลอยตัวเพราะจะส่งผลดีกับผู้เอาประกัน ซึ่งถ้าหากบริษัทใดให้ผลตอบแทนสูงผู้ทำประกันชีวิตก็จะหันมาทำประกันชีวิตกับบริษัทนั้น
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ ตุลาคม 2544--
-ปส-
“ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าตัวแทนขายประกันชีวิตที่ขายได้ตามเป้าหมายมักจะกำหนดค่าตอบแทนด้วยการจัดทัวร์ให้เที่ยวในต่างประเทศ และจะเห็นได้ว่าคนไทยจะซื้อของจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศมากกว่าคนต่างประเทศที่เข้ามาเที่ยวในเมืองไทยแล้วซื้อของกลับไป ซึ่งเรื่องนี้ทางสมาคมประกันชีวิตไทยตกลงจะรับไปหารือกับสมาชิกฯก่อนและจะให้คำตอบอีกครั้ง”
ขณะเดียวกันก็ได้ขอให้บริษัทประกันชีวิตดำรงสถานะเงินกองทุนและสภาพคล่องให้ครบ 100% ตามที่กฏหมายกำหนด นอกจากนี้บริษัทฯจะต้องไม่ติดค้างเงินกับกรมฯ เช่น สำรองเงินกองทุนประกันชีวิต เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่เข้ามาทำประกันชีวิต พร้อมทั้งให้มีการติดตามดูแลผู้เอาประกันชีวิตได้รับเงินผลประโยชน์ตามระยะเวลาที่แน่นอน ตลอดจนเผยแพร่สถิติเรื่องร้องเรียนการชดใช้เงินผลประโยชน์ของแต่ละบริษัทให้ประชาชนได้รับทราบ และจะมีการจัดลำดับความมั่นคงทางการเงินและคุณภาพการให้บริการ และพัฒนาคุณภาพจรรยาบรรณของบุคคลากรในธุรกิจ โดยเฉพาะตัวแทนประกันชีวิต
สำหรับอัตราเบี้ยซึ่งคำนวณผลตอบแทนให้กับผู้ถือกรมธรรม์จากปัจจุบันที่บริษัทประกันชีวิตคิดอัตรา 4% นั้น นายสุวรรณเห็นว่า ควรปล่อยให้เป็นแบบลอยตัวเพราะจะส่งผลดีกับผู้เอาประกัน ซึ่งถ้าหากบริษัทใดให้ผลตอบแทนสูงผู้ทำประกันชีวิตก็จะหันมาทำประกันชีวิตกับบริษัทนั้น
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ ตุลาคม 2544--
-ปส-