นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายว่าตนได้ศึกษาคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภาแล้วเห็นว่าแตกต่างพฤติกรรมของรัฐบาลในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เช่นในหน้า 15 ที่รัฐบาลบอกว่าจะยึดหลักการให้เศรษจกิจขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพ และรักษาวินัยการเงินการคลัง แต่ในข้อเท็จจริงที่ผ่าน มา 4 ปี การกระทำของรัฐบาลเป็นเพียงการสร้างภาพมายา รัฐบาลมุ่งเน้นการสร้างภาพตัวเลขทางเศรษฐกิจในเชิงปริมาณ แต่ไม่เน้นในเชิงคุณภาพทำให้ผู้ได้รับอานิสงค์เป็นเพียงกลุ่มคนรวย ถือได้ว่ารัฐบาลชุดนี้สร้างมิติใหม่ที่เรียกว่ากระจุกความรวย กระจายความจน
นายศิริโชค กล่าวว่าหากเปรียบเทียบเศรษฐกิจเหมือนเครื่องบิน เครื่องยนต์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนแบ่งออกเป็น 4เครื่องยนต์ 1. การบริโภคภายในประเทศ 2.การลงทุน 3. ค่าใช้จ่ายของภาครัฐ 4. ส่งออก ต้องยอมรับว่า 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลใช้เครื่องยนต์หลักๆเพียง 2 ตัวคือการบริโภคภายในประเทศ และการส่งออก เพื่อขับเคลื่อนจีดีพีให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
ส.ส. สงขลา กล่าวต่อว่า รัฐบาลยังได้ฉวยโอกาสผลักดันแนวความคิด ‘ การสร้างหนี้ คือการสร้างชาติ’ของนายกฯ ซีอีโอ แล้วนำเงินทั้งในและนอกงบประมาณปล่อยกู้ผ่านสถาบันการเงินของรัฐ ให้ประชาชนคนไทยได้กู้ ท้ายที่สุดการใช้จ่ายในประเทศก็พุ่งขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นของการบริโภคภายในประเทศนั้น เป็นการเพิ่มขึ้นเพียงเชิงปริมาณเท่านั้น เป็นการเพิ่มจากกำลังซื้อที่มาจากหนี้ ไม่ใช่กำลังซื้อที่มาจากรายได้
วันนี้หนี้ภาคประชาชนสูงขึ้นจาก 60,000กว่า บาท เป็น100,000 กว่าบาท นอกจากนี้หนี้บัตรเครดิตเปรียบเทียบกับ ปี 2542 เพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว รัฐบาลใช้คนจนเป็นเครื่องมือในการปั้นตัวเลขจีดีพี ให้ได้ตามที่รัฐบาลต้องการ จนขณะนี้คนไทยเป็นหนี้เกือบทุกครัวเรือน
นายศิริโชค กล่าวต่อว่าเครื่องยนต์อีกเครื่องหนึ่งที่รัฐบาลใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัว ก็คือการส่งออก แต่จะเห็นได้ว่าการส่งออกกำลังประสบกับปัญหาติดลบ ปริมาณการส่งออกลดลง 1.87 % วันนี้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลจึงเหลืออยู่ 2 ตัวได้แก่การลงทุนของภาคเอกชน และการลงทุนของภาครัฐ และสิ่งที่รัฐบาลควรทำในขณะนี้คือการหามาตรการในการกระตุ้นให้เอกชนลงทุนเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลไม่ควรไปแย่งลงทุนกับเอกชน
และเครื่องยนต์สุดท้ายที่รัฐบาลมีคือการลงทุนภาครัฐ ซึ่งนายกฯได้ประกาศชัดว่าจะลงทุนถึง 1.55 ล้านล้าน ภายใน 5 ปี ตนเห็นด้วยหากเป็นการลงทุนที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ แต่หากเป็นการลงทุนเพื่อปั้นตัวเลขจีดีพีอย่างเดียว ตนอยากให้รัฐบาลหยุดและคิดใหม่
‘รัฐบาลชุดนี้ใช้นโยบายเศรษฐกิจแบบยาชูกำลัง เหมือนกับการกินเครื่องดื่มชูกำลัง กินไปแล้วรู้สึกคึกคัก มีพลัง แต่เป็นเพียงชัวครู่ ชั่วขณะ หลังจากนั้นอะไรจะเกิดขึ้นรัฐบาลควรเลิกนโยบายเศรษฐกิจแบบยาชูกำลัง เพราท้ายที่สุดก็หนี้ความจริงไม่พื้น เพราะในวันนี้เส้นแบ่งกั้นระหว่างความหายนะ และความสำเร็จ ไม่ห่างมาก อยู่ที่รัฐมนตรีจะเลือกทางไหน จะเลือกนำพาประทศไปทิศทางไหน ผมฝากรัฐมนตรีครับ ผมยังรูดูอยู่ครับ’นายศิริโชค กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-
นายศิริโชค กล่าวว่าหากเปรียบเทียบเศรษฐกิจเหมือนเครื่องบิน เครื่องยนต์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนแบ่งออกเป็น 4เครื่องยนต์ 1. การบริโภคภายในประเทศ 2.การลงทุน 3. ค่าใช้จ่ายของภาครัฐ 4. ส่งออก ต้องยอมรับว่า 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลใช้เครื่องยนต์หลักๆเพียง 2 ตัวคือการบริโภคภายในประเทศ และการส่งออก เพื่อขับเคลื่อนจีดีพีให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
ส.ส. สงขลา กล่าวต่อว่า รัฐบาลยังได้ฉวยโอกาสผลักดันแนวความคิด ‘ การสร้างหนี้ คือการสร้างชาติ’ของนายกฯ ซีอีโอ แล้วนำเงินทั้งในและนอกงบประมาณปล่อยกู้ผ่านสถาบันการเงินของรัฐ ให้ประชาชนคนไทยได้กู้ ท้ายที่สุดการใช้จ่ายในประเทศก็พุ่งขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นของการบริโภคภายในประเทศนั้น เป็นการเพิ่มขึ้นเพียงเชิงปริมาณเท่านั้น เป็นการเพิ่มจากกำลังซื้อที่มาจากหนี้ ไม่ใช่กำลังซื้อที่มาจากรายได้
วันนี้หนี้ภาคประชาชนสูงขึ้นจาก 60,000กว่า บาท เป็น100,000 กว่าบาท นอกจากนี้หนี้บัตรเครดิตเปรียบเทียบกับ ปี 2542 เพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว รัฐบาลใช้คนจนเป็นเครื่องมือในการปั้นตัวเลขจีดีพี ให้ได้ตามที่รัฐบาลต้องการ จนขณะนี้คนไทยเป็นหนี้เกือบทุกครัวเรือน
นายศิริโชค กล่าวต่อว่าเครื่องยนต์อีกเครื่องหนึ่งที่รัฐบาลใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัว ก็คือการส่งออก แต่จะเห็นได้ว่าการส่งออกกำลังประสบกับปัญหาติดลบ ปริมาณการส่งออกลดลง 1.87 % วันนี้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลจึงเหลืออยู่ 2 ตัวได้แก่การลงทุนของภาคเอกชน และการลงทุนของภาครัฐ และสิ่งที่รัฐบาลควรทำในขณะนี้คือการหามาตรการในการกระตุ้นให้เอกชนลงทุนเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลไม่ควรไปแย่งลงทุนกับเอกชน
และเครื่องยนต์สุดท้ายที่รัฐบาลมีคือการลงทุนภาครัฐ ซึ่งนายกฯได้ประกาศชัดว่าจะลงทุนถึง 1.55 ล้านล้าน ภายใน 5 ปี ตนเห็นด้วยหากเป็นการลงทุนที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ แต่หากเป็นการลงทุนเพื่อปั้นตัวเลขจีดีพีอย่างเดียว ตนอยากให้รัฐบาลหยุดและคิดใหม่
‘รัฐบาลชุดนี้ใช้นโยบายเศรษฐกิจแบบยาชูกำลัง เหมือนกับการกินเครื่องดื่มชูกำลัง กินไปแล้วรู้สึกคึกคัก มีพลัง แต่เป็นเพียงชัวครู่ ชั่วขณะ หลังจากนั้นอะไรจะเกิดขึ้นรัฐบาลควรเลิกนโยบายเศรษฐกิจแบบยาชูกำลัง เพราท้ายที่สุดก็หนี้ความจริงไม่พื้น เพราะในวันนี้เส้นแบ่งกั้นระหว่างความหายนะ และความสำเร็จ ไม่ห่างมาก อยู่ที่รัฐมนตรีจะเลือกทางไหน จะเลือกนำพาประทศไปทิศทางไหน ผมฝากรัฐมนตรีครับ ผมยังรูดูอยู่ครับ’นายศิริโชค กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-