ภาวะเศรษฐกิจการเงินเดือนกุมภาพันธ์ 2543 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย ภาคธุรกิจเริ่มเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ยังประสบปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ยัง เข้มงวดกับการขยายสินเชื่อและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาพืชผลเกษตรยังไม่กระเตื้องขึ้น ภาคการเงินปรับตัวดีขึ้น เงินที่ถูกถอนไปเก็บไว้จากความกลัวปัญหา Y2K ทยอยไหลกลับเข้าสู่ระบบธนาคารพาณิชย์ ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 102.3 ในเดือนก่อนมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 102.7
ภาคเกษตร
ปริมาณฝนเฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์ 4.2 มิลลิเมตร ผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ (ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปอ) กำลังออกสู่ท้องตลาด ทำให้ราคาผลผลิตส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงจาก เดือนก่อนเล็กน้อย มีเพียงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น
นอกภาคเกษตร
ผลจากการสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือนกุมภาพันธ์ 2543 จำนวน 111 ราย พอสรุปได้ดังนี้
1) ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนกุมภาพันธ์ 2543 ลดลงจากเดือนก่อน โดยอยู่ที่ระดับร้อยละ 50.1 และยังอยู่ในระดับที่เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอีกในระยะ 4 เดือนข้างหน้า โดยปัจจัยความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ ด้านการลงทุนโดยรวม ด้านต้นทุนการประกอบการ และแนวโน้มการส่งออก ลดลงจากเดือนก่อน ส่วนปัจจัยด้านการจ้างงานดีขึ้นจากเดือนก่อน
2) การแข่งขันทางธุรกิจลดลงจากเดือนก่อน แต่ยังคงรุนแรงเนื่องจากความต้องการสินค้าในประเทศลดลง
3) ภาวะการเงินเดือนกุมภาพันธ์ 2543 ทรงตัวจากเดือนก่อน ผู้ประกอบการให้เครดิตกับลูกค้าเพิ่มขึ้น และมีภาระดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงจากเดือนก่อน ขณะที่สภาพคล่องในธุรกิจลดลงจากเดือนก่อน
4) แนวโน้มตลาดเงินช่วงเดือนเมษายน - มิถุนายน 2543 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยังมีแนวโน้มลดลง และธุรกิจมีสภาพคล่องลดลง ขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มทรงตัว
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการมีข้อเสนอแนะถึงภาครัฐ ดังนี้
1. ธนาคารพาณิชย์ควรปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจที่ยังดำเนินการต่อไปได้ขณะนี้ขาดเงินทุนหมุนเวียน
2. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
3. ภาครัฐควรดูแลราคาพืชผลทางการเกษตรให้เหมาะสม และเร่งสร้างงานในท้องถิ่นเพื่อสร้างกำลังซื้อให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง
4. ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างประสบปัญหาค่าใช้จ่ายในการประมูล ต้นทุนการประกอบการและมีการคอรัปชั่นสูง รวมทั้งการเมืองมีอิทธิพล ซึ่งส่งผลให้งานของทางราชการที่ถูกประมูลมีคุณภาพต่ำมาก
5. ผู้ประกอบการที่จะลงทุนใหม่และขยายการลงทุนยังรอดูสถานการณ์และความชัดเจนของภาวะเศรษฐกิจและการเมือง รวมทั้งหาตลาดต่างประเทศมากขึ้น
6. รัฐควรย้ายโรงงานอุตสาหกรรมมาลงทุนในภาคอีสานให้มากขึ้น
อัตราเงินเฟ้อ
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในระดับเดียวกับเดือนก่อน โดยสูงขึ้นร้อยละ 0.3 จากเดือนก่อนและสูงขึ้นร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ศกก่อน เนื่องจากราคา สินค้าหมวดอื่นที่มิใช่อาหารสูงขึ้นร้อยละ 0.5 ส่วนราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มลดลงร้อยละ 0.1
ภาคการเงิน
ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2543 จำนวนสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาค 524 สำนักงาน ลดลงจากเดือนก่อน 1 สำนักงานจากการรวมสำนักงานย่อย จากข้อมูลเบื้องต้นในเดือนนี้มียอดเงินฝากคงค้าง 230,438.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.6 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าลดลง ร้อยละ 1.1 เนื่องจากในเดือนนี้มีเงินที่ถูกถอนไปจากความกลัวปัญหา Y2K ทยอยไหลกลับเข้ามาฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ ทางด้านสินเชื่อมียอดคงค้าง 236,704.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 1.0 แต่ลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับธนาคารพาณิชย์เริ่มปล่อยเงินกู้ในบางธุรกรรม ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากในภาคฯ เดือนนี้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 102.3 ในเดือนก่อนมาเป็นร้อยละ 102.7
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในเดือนนี้ส่วนใหญ่ทรงตัว มีเพียงบางธนาคารที่ยังมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ยังคงอยู่ที่ร้อยละ 2.50-3.25 ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน ร้อยละ 3.00-4.00 ต่อปี เงินฝากประจำ 6 เดือน ร้อยละ 3.00-4.00 ต่อปี และเงินฝากประจำ 12 เดือน ร้อยละ 3.25-4.50 ต่อปี ทางด้านดอกเบี้ยเงินกู้ สำหรับลูกค้าที่เบิกเงินเกินบัญชี (MOR) ร้อยละ 8.25-10.00 ต่อปี ดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีแบบมีระยะเวลา (MLR) ร้อยละ 8.00-9.25 ต่อปี และดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ร้อยละ 8.50-10.25 ต่อปี
ภาคการคลัง
เดือนกุมภาพันธ์ 2543 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดเก็บภาษีอากรรวมทั้งสิ้น 1,182.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 จากเดือนก่อนจัดเก็บได้ 1,100.7 ล้านบาท เนื่องจากการจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้น ทุกประเภท
การค้าชายแดนไทย-ลาว
การค้าชายแดนไทย-ลาวในเดือนกุมภาพันธ์มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปลาว 1,101.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 27.5 สำหรับมูลค่าการนำเข้า 327.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.2 และไทยยังคงเกินดุลการค้ากับลาว 774.4 ล้านบาท
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ--
-ยก-
ภาคเกษตร
ปริมาณฝนเฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์ 4.2 มิลลิเมตร ผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ (ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปอ) กำลังออกสู่ท้องตลาด ทำให้ราคาผลผลิตส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงจาก เดือนก่อนเล็กน้อย มีเพียงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น
นอกภาคเกษตร
ผลจากการสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือนกุมภาพันธ์ 2543 จำนวน 111 ราย พอสรุปได้ดังนี้
1) ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนกุมภาพันธ์ 2543 ลดลงจากเดือนก่อน โดยอยู่ที่ระดับร้อยละ 50.1 และยังอยู่ในระดับที่เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอีกในระยะ 4 เดือนข้างหน้า โดยปัจจัยความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ ด้านการลงทุนโดยรวม ด้านต้นทุนการประกอบการ และแนวโน้มการส่งออก ลดลงจากเดือนก่อน ส่วนปัจจัยด้านการจ้างงานดีขึ้นจากเดือนก่อน
2) การแข่งขันทางธุรกิจลดลงจากเดือนก่อน แต่ยังคงรุนแรงเนื่องจากความต้องการสินค้าในประเทศลดลง
3) ภาวะการเงินเดือนกุมภาพันธ์ 2543 ทรงตัวจากเดือนก่อน ผู้ประกอบการให้เครดิตกับลูกค้าเพิ่มขึ้น และมีภาระดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงจากเดือนก่อน ขณะที่สภาพคล่องในธุรกิจลดลงจากเดือนก่อน
4) แนวโน้มตลาดเงินช่วงเดือนเมษายน - มิถุนายน 2543 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยังมีแนวโน้มลดลง และธุรกิจมีสภาพคล่องลดลง ขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มทรงตัว
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการมีข้อเสนอแนะถึงภาครัฐ ดังนี้
1. ธนาคารพาณิชย์ควรปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจที่ยังดำเนินการต่อไปได้ขณะนี้ขาดเงินทุนหมุนเวียน
2. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
3. ภาครัฐควรดูแลราคาพืชผลทางการเกษตรให้เหมาะสม และเร่งสร้างงานในท้องถิ่นเพื่อสร้างกำลังซื้อให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง
4. ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างประสบปัญหาค่าใช้จ่ายในการประมูล ต้นทุนการประกอบการและมีการคอรัปชั่นสูง รวมทั้งการเมืองมีอิทธิพล ซึ่งส่งผลให้งานของทางราชการที่ถูกประมูลมีคุณภาพต่ำมาก
5. ผู้ประกอบการที่จะลงทุนใหม่และขยายการลงทุนยังรอดูสถานการณ์และความชัดเจนของภาวะเศรษฐกิจและการเมือง รวมทั้งหาตลาดต่างประเทศมากขึ้น
6. รัฐควรย้ายโรงงานอุตสาหกรรมมาลงทุนในภาคอีสานให้มากขึ้น
อัตราเงินเฟ้อ
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในระดับเดียวกับเดือนก่อน โดยสูงขึ้นร้อยละ 0.3 จากเดือนก่อนและสูงขึ้นร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ศกก่อน เนื่องจากราคา สินค้าหมวดอื่นที่มิใช่อาหารสูงขึ้นร้อยละ 0.5 ส่วนราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มลดลงร้อยละ 0.1
ภาคการเงิน
ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2543 จำนวนสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาค 524 สำนักงาน ลดลงจากเดือนก่อน 1 สำนักงานจากการรวมสำนักงานย่อย จากข้อมูลเบื้องต้นในเดือนนี้มียอดเงินฝากคงค้าง 230,438.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.6 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าลดลง ร้อยละ 1.1 เนื่องจากในเดือนนี้มีเงินที่ถูกถอนไปจากความกลัวปัญหา Y2K ทยอยไหลกลับเข้ามาฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ ทางด้านสินเชื่อมียอดคงค้าง 236,704.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 1.0 แต่ลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับธนาคารพาณิชย์เริ่มปล่อยเงินกู้ในบางธุรกรรม ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากในภาคฯ เดือนนี้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 102.3 ในเดือนก่อนมาเป็นร้อยละ 102.7
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในเดือนนี้ส่วนใหญ่ทรงตัว มีเพียงบางธนาคารที่ยังมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ยังคงอยู่ที่ร้อยละ 2.50-3.25 ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน ร้อยละ 3.00-4.00 ต่อปี เงินฝากประจำ 6 เดือน ร้อยละ 3.00-4.00 ต่อปี และเงินฝากประจำ 12 เดือน ร้อยละ 3.25-4.50 ต่อปี ทางด้านดอกเบี้ยเงินกู้ สำหรับลูกค้าที่เบิกเงินเกินบัญชี (MOR) ร้อยละ 8.25-10.00 ต่อปี ดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีแบบมีระยะเวลา (MLR) ร้อยละ 8.00-9.25 ต่อปี และดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ร้อยละ 8.50-10.25 ต่อปี
ภาคการคลัง
เดือนกุมภาพันธ์ 2543 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดเก็บภาษีอากรรวมทั้งสิ้น 1,182.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 จากเดือนก่อนจัดเก็บได้ 1,100.7 ล้านบาท เนื่องจากการจัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้น ทุกประเภท
การค้าชายแดนไทย-ลาว
การค้าชายแดนไทย-ลาวในเดือนกุมภาพันธ์มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปลาว 1,101.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 27.5 สำหรับมูลค่าการนำเข้า 327.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.2 และไทยยังคงเกินดุลการค้ากับลาว 774.4 ล้านบาท
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ--
-ยก-