กรุงเทพฯ--24 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (23 พฤษภาคม 2544) นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ดังนี้
1. เมื่อ 17 พฤษภาคม 2544 ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากนายอดิเรก ศรีสมุทร ในนามคนงานไทยจำนวน 31 คน ร้องเรียนว่า พวกตนเข้ามาทำงานตัดไม้ในมาเลเซียตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 ทำงานจนถึงปัจจุบันไม่เคยได้รับค่าจ้าง จึงประสงค์ขอความช่วยเหลือส่งกลับประเทศไทยด้วย
2. สำนักงานแรงงานฯ ทราบมาด้วยว่า นายภีรัช พันเบญจพล เป็นผู้ที่นำคนงาน กลุ่มนี้เข้าไปทำงานในมาเลเซีย จึงได้ติดต่อขอให้นายภีรัชฯ ดูแลคนงานของตน ซึ่งนายภีรัชฯ ก็รับ จะให้การดูแล โดยนายภีรัชฯ กล่าวว่า เดิมนำคนงานมาทำงานกับนายทม มีศิริ แต่ขณะนี้นายทมฯ ได้หลบหนีไป ตนจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบคนงานกลุ่มนี้ ขณะนี้กำลังดำเนินตการขอใบอนุญาตทำงานให้แก่คนงาน รวมทั้งยืนยันจะนำค่าจ้างไปจ่ายให้คนงานทั้งหมดเร็วๆ นี้ 3. ในการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น สถานเอกอัครราชทูตฯ และสำนักงานแรงงานฯ ได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซีย เพื่อขออนุญาตนำคนงานกลุ่มนี้เดินทาง กลับประเทศไทย เนื่องจากคนงานอยู่ในมาเลเซียเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่จากการประสานงานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียยืนยันว่า คนงานทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย โดยจะต้องไปเสียค่าปรับให้ถูกต้องก่อน
4. วันที่ 22 พฤษภาคม 2544 สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ เดินทางไปพบกับคนงานกลุ่มดังกล่าวตามที่อยู่ที่ได้รับ แต่ปรากฏว่าก่อนเดินทาง ได้รับแจ้งจาก นายอดิเรกฯ ว่านายจ้างได้ย้ายพวกตนไปอยู่ที่รัฐเปอร์ลิส (รัฐทางตอนเหนือติดกับจังหวัดสตูล) ตั้งแต่คืนวันที่ 21 พฤษภาคม 2544 ขณะนี้นายจ้าง และนายภีรัชฯ ได้หลบหนีไปแล้ว โดยไม่มี การจ่ายค่าจ้างและมิได้นำหนังสือเดินทางมาคืนให้แต่อย่างใด สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงได้ประสาน เป็นการภายในกับสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง ซึ่งมีอาณาดูแลรัฐทางตอนเหนือของมาเลเซียว่า หากได้รับการติดต่อจากคนงานกลุ่มนี้ขอให้พิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป
5. จากการตรวจสอบสถานเอกอัครราชทูตฯ พบว่า นายทม มีศิริ กับพวกได้สร้างพฤติกรรมหลอกลวงนำคนงานมาทำงานในมาเลเซียครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยใน 2 ครั้งแรก เมื่อ 8 ธันวาคม 2543 ที่ Port Dickson ครั้งที่ 2 ที่เมือง Parit Bunta รัฐเปรัก เมื่อ 15 ธันวาคม 2543 ซึ่งทั้งสองกรณีสถานเอกอัครราชทูตฯ และสำนักงานแรงงานฯ ได้ให้ความช่วยเหลือคนงานในการเจรจากับเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียเพื่ออนุญาตให้คนงานไทยได้เดินทางกลับประเทศมาแล้ว จึงเห็นว่าพฤติกรรมของนายทมฯ กับพวกเป็นการกระทำที่สร้างความเดือดร้อน ให้แก่คนงานไทย และสร้างปัญหาให้แก่ทางการไทยและมาเลเซียเป็นอย่างยิ่ง สมควรที่หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องจะได้รับทราบและพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศจะพิจารณายกเลิกหนังสือเดินทางของบุคคลทั้งสองคือนายทม มีศิริ และนายภีรัช พันเบญจพล และบรรจุชื่อบุคคลทั้งสองไว้ใน Watch List ได้เพื่อเป็นหนทางหนึ่งที่จะยับยั้งมิให้บุคคล ดังกล่าวประกอบอาชญากรรมดังกล่าวได้อีกต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
วันนี้ (23 พฤษภาคม 2544) นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ดังนี้
1. เมื่อ 17 พฤษภาคม 2544 ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากนายอดิเรก ศรีสมุทร ในนามคนงานไทยจำนวน 31 คน ร้องเรียนว่า พวกตนเข้ามาทำงานตัดไม้ในมาเลเซียตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์ 2544 ทำงานจนถึงปัจจุบันไม่เคยได้รับค่าจ้าง จึงประสงค์ขอความช่วยเหลือส่งกลับประเทศไทยด้วย
2. สำนักงานแรงงานฯ ทราบมาด้วยว่า นายภีรัช พันเบญจพล เป็นผู้ที่นำคนงาน กลุ่มนี้เข้าไปทำงานในมาเลเซีย จึงได้ติดต่อขอให้นายภีรัชฯ ดูแลคนงานของตน ซึ่งนายภีรัชฯ ก็รับ จะให้การดูแล โดยนายภีรัชฯ กล่าวว่า เดิมนำคนงานมาทำงานกับนายทม มีศิริ แต่ขณะนี้นายทมฯ ได้หลบหนีไป ตนจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบคนงานกลุ่มนี้ ขณะนี้กำลังดำเนินตการขอใบอนุญาตทำงานให้แก่คนงาน รวมทั้งยืนยันจะนำค่าจ้างไปจ่ายให้คนงานทั้งหมดเร็วๆ นี้ 3. ในการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น สถานเอกอัครราชทูตฯ และสำนักงานแรงงานฯ ได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซีย เพื่อขออนุญาตนำคนงานกลุ่มนี้เดินทาง กลับประเทศไทย เนื่องจากคนงานอยู่ในมาเลเซียเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่จากการประสานงานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียยืนยันว่า คนงานทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย โดยจะต้องไปเสียค่าปรับให้ถูกต้องก่อน
4. วันที่ 22 พฤษภาคม 2544 สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ เดินทางไปพบกับคนงานกลุ่มดังกล่าวตามที่อยู่ที่ได้รับ แต่ปรากฏว่าก่อนเดินทาง ได้รับแจ้งจาก นายอดิเรกฯ ว่านายจ้างได้ย้ายพวกตนไปอยู่ที่รัฐเปอร์ลิส (รัฐทางตอนเหนือติดกับจังหวัดสตูล) ตั้งแต่คืนวันที่ 21 พฤษภาคม 2544 ขณะนี้นายจ้าง และนายภีรัชฯ ได้หลบหนีไปแล้ว โดยไม่มี การจ่ายค่าจ้างและมิได้นำหนังสือเดินทางมาคืนให้แต่อย่างใด สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงได้ประสาน เป็นการภายในกับสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง ซึ่งมีอาณาดูแลรัฐทางตอนเหนือของมาเลเซียว่า หากได้รับการติดต่อจากคนงานกลุ่มนี้ขอให้พิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป
5. จากการตรวจสอบสถานเอกอัครราชทูตฯ พบว่า นายทม มีศิริ กับพวกได้สร้างพฤติกรรมหลอกลวงนำคนงานมาทำงานในมาเลเซียครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยใน 2 ครั้งแรก เมื่อ 8 ธันวาคม 2543 ที่ Port Dickson ครั้งที่ 2 ที่เมือง Parit Bunta รัฐเปรัก เมื่อ 15 ธันวาคม 2543 ซึ่งทั้งสองกรณีสถานเอกอัครราชทูตฯ และสำนักงานแรงงานฯ ได้ให้ความช่วยเหลือคนงานในการเจรจากับเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียเพื่ออนุญาตให้คนงานไทยได้เดินทางกลับประเทศมาแล้ว จึงเห็นว่าพฤติกรรมของนายทมฯ กับพวกเป็นการกระทำที่สร้างความเดือดร้อน ให้แก่คนงานไทย และสร้างปัญหาให้แก่ทางการไทยและมาเลเซียเป็นอย่างยิ่ง สมควรที่หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องจะได้รับทราบและพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศจะพิจารณายกเลิกหนังสือเดินทางของบุคคลทั้งสองคือนายทม มีศิริ และนายภีรัช พันเบญจพล และบรรจุชื่อบุคคลทั้งสองไว้ใน Watch List ได้เพื่อเป็นหนทางหนึ่งที่จะยับยั้งมิให้บุคคล ดังกล่าวประกอบอาชญากรรมดังกล่าวได้อีกต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-