นายเกริกไกร จีระแพทย์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่ากรมการค้าต่าง-ประเทศได้จัดให้มีการประชุมหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อพิจารณาทบทวนนโยบายการส่งออกไม้ยางพารา และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบไม้ยางพาราในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2543 โดยได้พิจารณารวม 3 ประเด็น คือ การพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์การผลิต การใช้ และการส่งออกไม้ยางพารา การพิจารณาทบทวนนโยบายการส่งออกไม้ยางพารา และการพิจารณากำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบไม้ยางพาราในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติ ดังนี้
1. ในปี 2543 ไม้ยางพาราจะมีปริมาณเพียงพอสำหรับความต้องการใช้ของอุตสาหกรรมภายในประเทศ และเพื่อการส่งออก
2. ในสถานการณ์ปัจจุบันทุกฝ่ายเห็นควรให้คงมาตรการควบคุมการส่งออกไม้ยางพารา เพื่อให้สามารถดูแลการส่งออกให้สอดคล้องกับสถานการณ์/ความต้องการใช้ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ โดยให้แก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้มีความคล่องตัว สอดคล้องกับสถานการณ์ และข้อเท็จจริงทางปฏิบัติ
3. การกำหนดมาตรการ/แนวทางป้องกันการขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมภายในประเทศ ได้มีการพิจารณาแนวทางที่จะให้มีการทำสัญญาซื้อขาย (Contract Farming) เพื่อให้มีการซื้อขายไม้ยางพาราระหว่างผู้ประกอบการแปรรูปไม้และผู้ใช้ไม้ตลอดทั้งปี สำหรับมาตรการด้านภาษี ในสถานการณ์ปัจจุบันจะยังคงอัตราภาษีส่งออกร้อยละ 3
--กรมการค้าต่างประเทศ มีนาคม 2543--
-อน-
1. ในปี 2543 ไม้ยางพาราจะมีปริมาณเพียงพอสำหรับความต้องการใช้ของอุตสาหกรรมภายในประเทศ และเพื่อการส่งออก
2. ในสถานการณ์ปัจจุบันทุกฝ่ายเห็นควรให้คงมาตรการควบคุมการส่งออกไม้ยางพารา เพื่อให้สามารถดูแลการส่งออกให้สอดคล้องกับสถานการณ์/ความต้องการใช้ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ โดยให้แก้ไขปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้มีความคล่องตัว สอดคล้องกับสถานการณ์ และข้อเท็จจริงทางปฏิบัติ
3. การกำหนดมาตรการ/แนวทางป้องกันการขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมภายในประเทศ ได้มีการพิจารณาแนวทางที่จะให้มีการทำสัญญาซื้อขาย (Contract Farming) เพื่อให้มีการซื้อขายไม้ยางพาราระหว่างผู้ประกอบการแปรรูปไม้และผู้ใช้ไม้ตลอดทั้งปี สำหรับมาตรการด้านภาษี ในสถานการณ์ปัจจุบันจะยังคงอัตราภาษีส่งออกร้อยละ 3
--กรมการค้าต่างประเทศ มีนาคม 2543--
-อน-