QS 9000 เป็นระบบบริหารคุณภาพชิ้นส่วนยานยนต์ที่กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา 3 ราย หรือ BIG 3 ได้ร่วมกันกำหนดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2537 เพื่อใช้เป็นมาตรฐานกำหนดคุณสมบัติสำหรับผู้จัดส่งชิ้นส่วนต่าง ๆ (Supplier) นอกเหนือไปจากข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละบริษัท โดยระบบ QS 9000 ได้พัฒนามาจากระบบ ISO 9001 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่รับรองคุณภาพในเรื่องการออกแบบ การพัฒนา การผลิต การติดตั้งและบริการ แต่จะมีส่วนที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มเข้ามา
ในปัจจุบันนอกเหนือจากกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง 3 ของสหรัฐฯ แล้ว บริษัทผู้ผลิตรถบรรทุก และบริษัทผลิตรถยนต์อื่น ๆ ต่างนำระบบ QS 9000 มาใช้เป็นมาตรฐานในการคัดเลือกผู้จัดส่งชิ้นส่วนให้แก่บริษัท นอกจากนี้อุตสาหกรรมอื่น ๆ ก็ได้นำ QS 9000 ไปเป็นแบบอย่างในการประยุกต์ระบบ ISO 9001 เพื่อนำไปสร้างเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมของตนเช่นเดียวกับที่กลุ่ม BIG 3 ได้สร้างมาตรฐาน QS 9000 ขึ้นมาใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์
ข้อกำหนดในระบบ QS 9000 แบ่งได้เป็น 2 ส่วนสำคัญคือ
ส่วนที่ 1 : ประกอบด้วยส่วนสำคัญคือ ข้อกำหนดของ ISO 9001 ทั้งหมด และข้อกำหนดเพิ่มเติมของ QS 9000 อันเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมรถยนต์ และรถบรรทุก
ส่วนที่ 2 : ประกอบด้วย ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานการผลิต ที่กำหนดขึ้นโดยเฉพาะ สำหรับแต่ละบริษัทในกลุ่ม Big 3 ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่แต่ละบริษัทต้องการใช้มาตรฐานของตนเอง ซึ่งแตกต่างจากมาตรฐานของบริษัทอื่น
สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการนำระบบ QS 9000 มาใช้ในองค์กร จะต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 ก่อนจึงจะสามารถขอใบรับรอง QS 9000 ได้ โดยเริ่มจากการยื่นขอใบรับรองจากสถาบันรับรองมาตรฐาน QS 9000 เพิ่มเติมจาก ISO 9001 ที่ได้รับอยู่แล้ว หลังจากนั้นจึงทำการปรับปรุงระบบการทำงานให้เป็นไปตามมาตรฐาน QS 9000 ที่กำหนดเพิ่มเติมจาก ISO 9001 เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้วจะได้รับเอกสารรับรองจากสถาบันรับรองมาตรฐาน ทั้งนี้ สถาบันที่สามารถให้การรับรอง QS 9000 จะต้องเป็นสถาบันที่เป็นตัวแทนการออกใบรับรองมาตรฐาน ISO 9001 ด้วย โดยสถาบันเหล่านี้จะถูกควบคุมจากองค์กร IASG (International Automotive Sector Group) ที่ก่อตัวขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดูแลควบคุมและปรับปรุงมาตรฐาน QS 9000 ภายใต้การควบคุมของตัวแทนจากกลุ่ม Big 3 อีกต่อหนึ่ง
ในระยะแรกที่ต้องปรับปรุงกระบวนการผลิตของตนเพื่อให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน QS 9000 ผู้ผลิตชิ้นส่วนอาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้น อีกทั้งต้องเสียเวลาในการปรับตัวทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การลงทุนวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐานตามที่กำหนด แต่ในระยะยาวการได้รับการรับรองมาตรฐาน QS 9000 จะช่วยสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วน โดยเฉพาะผู้ผลิตเพื่อส่งออกให้มีศักยภาพ ในการที่จะเข้าไปแข่งขันในตลาดโลกได้เพิ่มขึ้น
ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร โทร. 271-3700, 278-0047, 617-2111 ต่อ 1142-1145
ที่มา--ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร--
-อน-
ในปัจจุบันนอกเหนือจากกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง 3 ของสหรัฐฯ แล้ว บริษัทผู้ผลิตรถบรรทุก และบริษัทผลิตรถยนต์อื่น ๆ ต่างนำระบบ QS 9000 มาใช้เป็นมาตรฐานในการคัดเลือกผู้จัดส่งชิ้นส่วนให้แก่บริษัท นอกจากนี้อุตสาหกรรมอื่น ๆ ก็ได้นำ QS 9000 ไปเป็นแบบอย่างในการประยุกต์ระบบ ISO 9001 เพื่อนำไปสร้างเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมของตนเช่นเดียวกับที่กลุ่ม BIG 3 ได้สร้างมาตรฐาน QS 9000 ขึ้นมาใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์
ข้อกำหนดในระบบ QS 9000 แบ่งได้เป็น 2 ส่วนสำคัญคือ
ส่วนที่ 1 : ประกอบด้วยส่วนสำคัญคือ ข้อกำหนดของ ISO 9001 ทั้งหมด และข้อกำหนดเพิ่มเติมของ QS 9000 อันเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมรถยนต์ และรถบรรทุก
ส่วนที่ 2 : ประกอบด้วย ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานการผลิต ที่กำหนดขึ้นโดยเฉพาะ สำหรับแต่ละบริษัทในกลุ่ม Big 3 ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่แต่ละบริษัทต้องการใช้มาตรฐานของตนเอง ซึ่งแตกต่างจากมาตรฐานของบริษัทอื่น
สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการนำระบบ QS 9000 มาใช้ในองค์กร จะต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 ก่อนจึงจะสามารถขอใบรับรอง QS 9000 ได้ โดยเริ่มจากการยื่นขอใบรับรองจากสถาบันรับรองมาตรฐาน QS 9000 เพิ่มเติมจาก ISO 9001 ที่ได้รับอยู่แล้ว หลังจากนั้นจึงทำการปรับปรุงระบบการทำงานให้เป็นไปตามมาตรฐาน QS 9000 ที่กำหนดเพิ่มเติมจาก ISO 9001 เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้วจะได้รับเอกสารรับรองจากสถาบันรับรองมาตรฐาน ทั้งนี้ สถาบันที่สามารถให้การรับรอง QS 9000 จะต้องเป็นสถาบันที่เป็นตัวแทนการออกใบรับรองมาตรฐาน ISO 9001 ด้วย โดยสถาบันเหล่านี้จะถูกควบคุมจากองค์กร IASG (International Automotive Sector Group) ที่ก่อตัวขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดูแลควบคุมและปรับปรุงมาตรฐาน QS 9000 ภายใต้การควบคุมของตัวแทนจากกลุ่ม Big 3 อีกต่อหนึ่ง
ในระยะแรกที่ต้องปรับปรุงกระบวนการผลิตของตนเพื่อให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน QS 9000 ผู้ผลิตชิ้นส่วนอาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้น อีกทั้งต้องเสียเวลาในการปรับตัวทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การลงทุนวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐานตามที่กำหนด แต่ในระยะยาวการได้รับการรับรองมาตรฐาน QS 9000 จะช่วยสนับสนุนผู้ผลิตชิ้นส่วน โดยเฉพาะผู้ผลิตเพื่อส่งออกให้มีศักยภาพ ในการที่จะเข้าไปแข่งขันในตลาดโลกได้เพิ่มขึ้น
ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร โทร. 271-3700, 278-0047, 617-2111 ต่อ 1142-1145
ที่มา--ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร--
-อน-