1. การค้าระหว่างไทย-รัสเซีย
ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา (2540-2543) การค้าของไทยกับรัสเซียมีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 444.48 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2543 การค้าระหว่างกันมีมูลค่า 456.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า และคิดเป็นร้อยละ 0.3 ของมูลค่าการค้ารวมทั้งหมดของไทย โดยไทยมีมูลค่าการส่งออกไปรัสเซียเฉลี่ยในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา (2540-2543) ปีละ 89.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับในปี 2543 มีมูลค่าการส่งออก 79 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 15.8 เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า และ ในช่วง 3 เดือนแรก (มค.- มีค) ของปี 2544 ไทยส่งออกไปรัสเซีย 16.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำตาลทราย เม็ดพลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ฯลฯ สำหรับการนำเข้านั้น ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา (2540-2543) การนำเข้าสินค้าจากรัสเซียมีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 260.65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2543 มีมูลค่าการนำเข้า 377.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.6 จากปีก่อนหน้า และในช่วง 3 เดือนแรก (มค.- มีค) ของปี 2544 ไทยนำเข้าจากรัสเซีย 63.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า สินแร่โลหะอื่นและเศษโลหะ ปุ๋ย แร่ดิบ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ ฯลฯ ทั้งนี้ไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับรัสเซียมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา (2540-2543) และในช่วง 3 เดือนแรก(มค.- มีค) ของปี 2544 ไทยยังคงขาดดุลการค้าเป็นมูลค่า 47.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
2. รัสเซียประกาศห้ามนำสินค้าเข้าด่านทางบกผ่านประเทศที่สาม
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการศุลกากรแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (State Customs Committee of the Russian Federation) ได้ออกคำสั่งที่ 25 ลงวันที่ 15 มกราคม 2544 ห้ามการนำสินค้าจากประเทศ บังกลาเทศ เวียดนาม อินเดีย อินโดนีเซีย กัมพูชา จีน ลาว มาเลเซีย พม่า เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไทย และศรีลังกา เข้ารัสเซียผ่านด่านศุลกากร 'ทางบก' (โดยผ่านจากประเทศที่สาม) ยกเว้นจะเป็นการนำเข้าผ่านประเทศคาซัคสถาน มองโกเลีย จีน และเกาหลีเหนือ หรือนำเข้าโดยผ่านด่านท่าเรือของรัสเซีย โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2544 อย่างไรก็ตามก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ รัสเซียได้มีการแจ้งเลื่อนการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าวออกไป ซึ่งหากคำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะมีผลกระทบอย่างมากต่อการส่งออกสินค้าไทยไปรัสเซีย เนื่องจากผู้นำเข้ารัสเซียนิยมนำเข้าสินค้าไทยผ่านประเทศที่สาม นั้น
3. การดำเนินการของฝ่ายไทย
ฝ่ายไทยได้ใช้ความพยายามเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางการค้าของประเทศโดยอาศัยช่องทางต่างๆ แสดงความกังวลต่อฝ่ายรัสเซียถึงผลกระทบที่พึงมีของคำสั่งดังกล่าว โดยได้ชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงในปัจจุบันที่ว่าการอำนวยความสะดวกของท่าเรือรัสเซียยังไม่สามารถสนองตอบต่อการใช้งานที่มีอยู่ได้อย่างเพียงพอ และคำสั่งดังกล่าวมีความไม่สอดคล้องกับหลักการพื้นฐานขององค์การการค้าโลก ได้แก่หลักการไม่เลือกปฏิบัติ โดยผ่านทางอัครราชทูตที่ปรึกษา(ฝ่ายการพาณิชย์) ประจำกรุงมอสโก และ สำนักงานตัวแทนการค้ารัสเซียประจำประเทศไทย
4. รัสเซียได้ยกเลิกการใช้คำสั่งฯเลขที่ 25
รัสเซียได้ชี้แจงว่า คำสั่งนี้จัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาในการฉ้อราษฎร์บังหลวงของระบบศุลกากรรัสเซีย แต่เมื่อรัสเซียได้พิจารณาเห็นว่าจะเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มเติม ดังนั้น จึงได้ยกเลิกการใช้คำสั่ง คณะกรรมการศุลกากรเลขที่ 25 ดังกล่าวแล้วก่อนที่จะมีผลบังคับใช้
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 82-6623--จบ--
-สส-
ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา (2540-2543) การค้าของไทยกับรัสเซียมีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 444.48 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2543 การค้าระหว่างกันมีมูลค่า 456.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า และคิดเป็นร้อยละ 0.3 ของมูลค่าการค้ารวมทั้งหมดของไทย โดยไทยมีมูลค่าการส่งออกไปรัสเซียเฉลี่ยในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา (2540-2543) ปีละ 89.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับในปี 2543 มีมูลค่าการส่งออก 79 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 15.8 เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า และ ในช่วง 3 เดือนแรก (มค.- มีค) ของปี 2544 ไทยส่งออกไปรัสเซีย 16.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำตาลทราย เม็ดพลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ฯลฯ สำหรับการนำเข้านั้น ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา (2540-2543) การนำเข้าสินค้าจากรัสเซียมีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 260.65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2543 มีมูลค่าการนำเข้า 377.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.6 จากปีก่อนหน้า และในช่วง 3 เดือนแรก (มค.- มีค) ของปี 2544 ไทยนำเข้าจากรัสเซีย 63.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า สินแร่โลหะอื่นและเศษโลหะ ปุ๋ย แร่ดิบ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ ฯลฯ ทั้งนี้ไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับรัสเซียมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา (2540-2543) และในช่วง 3 เดือนแรก(มค.- มีค) ของปี 2544 ไทยยังคงขาดดุลการค้าเป็นมูลค่า 47.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
2. รัสเซียประกาศห้ามนำสินค้าเข้าด่านทางบกผ่านประเทศที่สาม
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการศุลกากรแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (State Customs Committee of the Russian Federation) ได้ออกคำสั่งที่ 25 ลงวันที่ 15 มกราคม 2544 ห้ามการนำสินค้าจากประเทศ บังกลาเทศ เวียดนาม อินเดีย อินโดนีเซีย กัมพูชา จีน ลาว มาเลเซีย พม่า เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไทย และศรีลังกา เข้ารัสเซียผ่านด่านศุลกากร 'ทางบก' (โดยผ่านจากประเทศที่สาม) ยกเว้นจะเป็นการนำเข้าผ่านประเทศคาซัคสถาน มองโกเลีย จีน และเกาหลีเหนือ หรือนำเข้าโดยผ่านด่านท่าเรือของรัสเซีย โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2544 อย่างไรก็ตามก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ รัสเซียได้มีการแจ้งเลื่อนการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าวออกไป ซึ่งหากคำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะมีผลกระทบอย่างมากต่อการส่งออกสินค้าไทยไปรัสเซีย เนื่องจากผู้นำเข้ารัสเซียนิยมนำเข้าสินค้าไทยผ่านประเทศที่สาม นั้น
3. การดำเนินการของฝ่ายไทย
ฝ่ายไทยได้ใช้ความพยายามเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางการค้าของประเทศโดยอาศัยช่องทางต่างๆ แสดงความกังวลต่อฝ่ายรัสเซียถึงผลกระทบที่พึงมีของคำสั่งดังกล่าว โดยได้ชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงในปัจจุบันที่ว่าการอำนวยความสะดวกของท่าเรือรัสเซียยังไม่สามารถสนองตอบต่อการใช้งานที่มีอยู่ได้อย่างเพียงพอ และคำสั่งดังกล่าวมีความไม่สอดคล้องกับหลักการพื้นฐานขององค์การการค้าโลก ได้แก่หลักการไม่เลือกปฏิบัติ โดยผ่านทางอัครราชทูตที่ปรึกษา(ฝ่ายการพาณิชย์) ประจำกรุงมอสโก และ สำนักงานตัวแทนการค้ารัสเซียประจำประเทศไทย
4. รัสเซียได้ยกเลิกการใช้คำสั่งฯเลขที่ 25
รัสเซียได้ชี้แจงว่า คำสั่งนี้จัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาในการฉ้อราษฎร์บังหลวงของระบบศุลกากรรัสเซีย แต่เมื่อรัสเซียได้พิจารณาเห็นว่าจะเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มเติม ดังนั้น จึงได้ยกเลิกการใช้คำสั่ง คณะกรรมการศุลกากรเลขที่ 25 ดังกล่าวแล้วก่อนที่จะมีผลบังคับใช้
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 82-6623--จบ--
-สส-