แท็ก
นายกรัฐมนตรี
กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
พิธีลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการและอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐบาห์เรน
ในโอกาสการเสด็จฯ เยือนประเทศไทยเพื่อหารืออย่างเป็นทางการของ His Highness Shaikh Khalifa Bin Salman Al-Khalifa นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2544 นั้น ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2544 เวลา 11.45 น. ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล จะมีพิธีลงนามความตกลงทางเศรษฐกิจ 2 ฉบับ ได้แก่ ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ (Agreement on Economic, Trade and Technical Cooperation between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the State of Bahrain) และอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน ระหว่าง รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐบาห์เรน (Convention between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the State of Bahrain for the Avoidance of Double Taxation and the Prevention of Fiscal Evasion with Respect to Taxes on Income) โดยมี ฯพณฯ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับ H.E. Sh. Mohammed Bin Mubarak Al Khalifa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งรัฐบาห์เรน ทั้งนี้ในพิธีดังกล่าวจะมี ฯพณฯ พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ H.H. Shaikh Khalifa Bin Salman Al Khalifa นายกรัฐมนตรี บาห์เรน จะเป็นประธานและสักขีการลงนาม
การลงนามความตกลงฯ ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกของการลงนามความตกลงด้านเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ และถือเป็นการจุดประกาย และเป็นนิมิตหมายอันดีของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับรัฐบาห์เรน นับตั้งแต่ที่ได้มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2520 โดยการจัดทำความตกลงดังกล่าวจะเป็นกรอบ และกลไกในการส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์และ ความร่วมมืออันดีระหว่างประเทศไทยกับรัฐบาห์เรนโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่ภาครัฐจะ ทำหน้าที่ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชนของทั้งสองประเทศในด้านการค้า การลงทุน อีกทั้ง ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันของรัฐบาล เอกชน และองค์กรเพื่อประโยชน์สาธารณะ และมีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทางวิชาการในสาขาต่างๆ ระหว่างกัน
เกี่ยวกับสาระความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและ วิชาการ นั้น จะเน้นความร่วมมือบนพื้นฐานของประโยชน์ร่วมกัน และผลประโยชน์ต่าง ตอบแทนกันทางเศรษฐกิจ การพาณิชย์และวิชาการ เช่นในด้านอุตสาหกรรม พลังงาน การเกษตร การสื่อสาร การขนส่ง การก่อสร้าง แรงงาน และการท่องเที่ยว โดยจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-บาห์เรน เพื่อเป็นกลไกในการหารือและประสานความร่วมมือกันในด้านต่างๆ
ส่วนสาระสำคัญของอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนนั้น จะเป็นกลไกหนึ่งซึ่งทำให้นักธุรกิจของทั้งสองประเทศได้มั่นใจในการทำธุรกิจระหว่างกัน เพราะเป็นการวางระบบภาษีที่แน่นอนและชัดเจนสำหรับผู้ลงทุน ในการที่จะช่วยขจัดหรือบรรเทาภาระภาษีซ้ำซ้อนซึ่งถือเป็นต้นทุนการผลิตอย่างหนึ่ง อีกทั้ง เป็นการส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนและเทคโนโลยี ระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
พิธีลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการและอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐบาห์เรน
ในโอกาสการเสด็จฯ เยือนประเทศไทยเพื่อหารืออย่างเป็นทางการของ His Highness Shaikh Khalifa Bin Salman Al-Khalifa นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2544 นั้น ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2544 เวลา 11.45 น. ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล จะมีพิธีลงนามความตกลงทางเศรษฐกิจ 2 ฉบับ ได้แก่ ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ (Agreement on Economic, Trade and Technical Cooperation between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the State of Bahrain) และอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน ระหว่าง รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งรัฐบาห์เรน (Convention between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the State of Bahrain for the Avoidance of Double Taxation and the Prevention of Fiscal Evasion with Respect to Taxes on Income) โดยมี ฯพณฯ ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับ H.E. Sh. Mohammed Bin Mubarak Al Khalifa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน เป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งรัฐบาห์เรน ทั้งนี้ในพิธีดังกล่าวจะมี ฯพณฯ พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ H.H. Shaikh Khalifa Bin Salman Al Khalifa นายกรัฐมนตรี บาห์เรน จะเป็นประธานและสักขีการลงนาม
การลงนามความตกลงฯ ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกของการลงนามความตกลงด้านเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ และถือเป็นการจุดประกาย และเป็นนิมิตหมายอันดีของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับรัฐบาห์เรน นับตั้งแต่ที่ได้มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2520 โดยการจัดทำความตกลงดังกล่าวจะเป็นกรอบ และกลไกในการส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์และ ความร่วมมืออันดีระหว่างประเทศไทยกับรัฐบาห์เรนโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่ภาครัฐจะ ทำหน้าที่ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชนของทั้งสองประเทศในด้านการค้า การลงทุน อีกทั้ง ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันของรัฐบาล เอกชน และองค์กรเพื่อประโยชน์สาธารณะ และมีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทางวิชาการในสาขาต่างๆ ระหว่างกัน
เกี่ยวกับสาระความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและ วิชาการ นั้น จะเน้นความร่วมมือบนพื้นฐานของประโยชน์ร่วมกัน และผลประโยชน์ต่าง ตอบแทนกันทางเศรษฐกิจ การพาณิชย์และวิชาการ เช่นในด้านอุตสาหกรรม พลังงาน การเกษตร การสื่อสาร การขนส่ง การก่อสร้าง แรงงาน และการท่องเที่ยว โดยจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-บาห์เรน เพื่อเป็นกลไกในการหารือและประสานความร่วมมือกันในด้านต่างๆ
ส่วนสาระสำคัญของอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนนั้น จะเป็นกลไกหนึ่งซึ่งทำให้นักธุรกิจของทั้งสองประเทศได้มั่นใจในการทำธุรกิจระหว่างกัน เพราะเป็นการวางระบบภาษีที่แน่นอนและชัดเจนสำหรับผู้ลงทุน ในการที่จะช่วยขจัดหรือบรรเทาภาระภาษีซ้ำซ้อนซึ่งถือเป็นต้นทุนการผลิตอย่างหนึ่ง อีกทั้ง เป็นการส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนและเทคโนโลยี ระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-