กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (6 ตุลาคม 2543) นายดอน ปรมัตถ์วินัย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ได้เคยแถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2543 ว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์กิตติมศักดิ์ให้แก่พลตรีทรงกิตติ จักกาบาตร์ ซึ่งได้เคยดำรงตำแหน่งรอง ผู้บัญชาการกองกำลังนานาชาติในติมอร์ตะวันออก (International Force in East Timor — INTERFET) ในวันที่ 6 ตุลาคม 2543 นั้น ในวันนี้ เวลา 15.00-15.30 น. (ตรงกับเวลา 11.00-11.30 น. ของประเทศไทย) รัฐบาลออสเตรเลีย โดย The Honorable Sir William Deane ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (Governor- General) ได้มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์กิตติมศักดิ์ The Honorary Membership of the Order of Australia-Military Division แก่พลตรีทรงกิตติ จักกาบาตร์ รองเจ้ากรมข่าวทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ณ ทำเนียบผู้สำเร็จราชการฯ กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย โดยมี พลโท Peter Cosgrove ผู้บัญชาการกองทัพบกออสเตรเลีย และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของออสเตรเลียเข้าร่วมในพิธี ดังกล่าวด้วย สำหรับฝ่ายไทย ผู้เข้าร่วมพิธีฯ ได้แก่ พลตรีทรงกิตติฯ ภรรยาและบุตร และนางจารุวรรณ โล่ห์วิสุทธิ์ อุปทูตฯ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์ร่า
นายดอนฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน นาย John Howard นายกรัฐมนตรี ออสเตรเลียได้มีหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี มีสาระสำคัญคือ
1) แสดงความชื่นชมต่อ พลตรีทรงกิตติฯ ซึ่งเป็นนายทหารไทยคนแรกที่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังกล่าว และเป็นบุคคลที่ 3 ที่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประเภทนี้
2) การมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในวันนี้สะท้อนถึงการที่ออสเตรเลียให้ความสำคัญต่อบทบาทของไทยในกองกำลัง INTERFET ซึ่งปัจจุบันแปรสภาพเป็นกองกำลัง UN Transitional Administration in East Timor (UNTAET) ภายใต้การบังคับบัญชาของนายทหารไทยอีกคนหนึ่ง คือ พลโทบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์
3) ขอบคุณนายกรัฐมนตรีไทยเป็นการส่วนตัวสำหรับการสนับสนุนอันดีที่ไทยให้ต่อกองกำลัง INTERFET
4) ความสำเร็จของ INTERFET เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเพราะช่วยสถาปนาสันติภาพและความมั่นคงในติมอร์ตะวันออก ซึ่งไทยในฐานะที่ได้จัดส่งกองกำลังซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากออสเตรเลียมีส่วนสำคัญทำให้ความสำเร็จนั้นบังเกิดผลนอกจากนั้น ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า ความร่วมมือในภูมิภาคสามารถช่วยแก้ไข ปัญหาที่เกิดขึ้นในภูมิภาคได้
5) ประชาคมโลกสมควรให้ความช่วยเหลือติมอร์ตะวันออกต่อไปเพื่อให้เกิดความมั่นคงที่ยั่งยืน รวมทั้งผู้อพยพได้เดินทางกลับติมอร์ตะวันออกอย่างปลอดภัย และสนับสนุนสหประชาชาติในการบูรณะและพัฒนาติมอร์ตะวันออกในระยะยาว (ดังมีสำเนาหนังสือของนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียแนบมาพร้อมนี้) อนึ่ง นาย John Moore รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหมของออสเตรเลียได้ออกแถลงข่าวแสดงความชื่นชมและขอบคุณพลตรีทรงกิตติฯ และรัฐบาลไทยด้วยเช่นกัน (ดังมีสำเนาแนบมาพร้อมนี้)
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
วันนี้ (6 ตุลาคม 2543) นายดอน ปรมัตถ์วินัย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ได้เคยแถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2543 ว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์กิตติมศักดิ์ให้แก่พลตรีทรงกิตติ จักกาบาตร์ ซึ่งได้เคยดำรงตำแหน่งรอง ผู้บัญชาการกองกำลังนานาชาติในติมอร์ตะวันออก (International Force in East Timor — INTERFET) ในวันที่ 6 ตุลาคม 2543 นั้น ในวันนี้ เวลา 15.00-15.30 น. (ตรงกับเวลา 11.00-11.30 น. ของประเทศไทย) รัฐบาลออสเตรเลีย โดย The Honorable Sir William Deane ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (Governor- General) ได้มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์กิตติมศักดิ์ The Honorary Membership of the Order of Australia-Military Division แก่พลตรีทรงกิตติ จักกาบาตร์ รองเจ้ากรมข่าวทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ณ ทำเนียบผู้สำเร็จราชการฯ กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย โดยมี พลโท Peter Cosgrove ผู้บัญชาการกองทัพบกออสเตรเลีย และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของออสเตรเลียเข้าร่วมในพิธี ดังกล่าวด้วย สำหรับฝ่ายไทย ผู้เข้าร่วมพิธีฯ ได้แก่ พลตรีทรงกิตติฯ ภรรยาและบุตร และนางจารุวรรณ โล่ห์วิสุทธิ์ อุปทูตฯ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์ร่า
นายดอนฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน นาย John Howard นายกรัฐมนตรี ออสเตรเลียได้มีหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี มีสาระสำคัญคือ
1) แสดงความชื่นชมต่อ พลตรีทรงกิตติฯ ซึ่งเป็นนายทหารไทยคนแรกที่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังกล่าว และเป็นบุคคลที่ 3 ที่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประเภทนี้
2) การมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในวันนี้สะท้อนถึงการที่ออสเตรเลียให้ความสำคัญต่อบทบาทของไทยในกองกำลัง INTERFET ซึ่งปัจจุบันแปรสภาพเป็นกองกำลัง UN Transitional Administration in East Timor (UNTAET) ภายใต้การบังคับบัญชาของนายทหารไทยอีกคนหนึ่ง คือ พลโทบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์
3) ขอบคุณนายกรัฐมนตรีไทยเป็นการส่วนตัวสำหรับการสนับสนุนอันดีที่ไทยให้ต่อกองกำลัง INTERFET
4) ความสำเร็จของ INTERFET เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเพราะช่วยสถาปนาสันติภาพและความมั่นคงในติมอร์ตะวันออก ซึ่งไทยในฐานะที่ได้จัดส่งกองกำลังซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากออสเตรเลียมีส่วนสำคัญทำให้ความสำเร็จนั้นบังเกิดผลนอกจากนั้น ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า ความร่วมมือในภูมิภาคสามารถช่วยแก้ไข ปัญหาที่เกิดขึ้นในภูมิภาคได้
5) ประชาคมโลกสมควรให้ความช่วยเหลือติมอร์ตะวันออกต่อไปเพื่อให้เกิดความมั่นคงที่ยั่งยืน รวมทั้งผู้อพยพได้เดินทางกลับติมอร์ตะวันออกอย่างปลอดภัย และสนับสนุนสหประชาชาติในการบูรณะและพัฒนาติมอร์ตะวันออกในระยะยาว (ดังมีสำเนาหนังสือของนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียแนบมาพร้อมนี้) อนึ่ง นาย John Moore รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหมของออสเตรเลียได้ออกแถลงข่าวแสดงความชื่นชมและขอบคุณพลตรีทรงกิตติฯ และรัฐบาลไทยด้วยเช่นกัน (ดังมีสำเนาแนบมาพร้อมนี้)
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-