บทสรุปสำหรับนักลงทุน
จากการที่รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนด้านอุตสาหกรรมของชุมชนในโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ทำให้มีผลิตภัณฑ์จำนวนมาก โดยเฉพาะอาหารแปรรูปออกมาสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม สินค้าที่พัฒนามาจากกลุ่มชุมชนเหล่านี้ยังไม่ได้มาตรฐานในด้านการบรรจุภัณฑ์ โดยยังใช้วิธีบรรจุแบบเก่า ซึ่งไม่ถูกสุขอนามัย ดังนั้น การผลักดันให้มีการใช้เครื่องจักรสำหรับบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะเครื่องปิดผนึกบรรจุภัณฑ์จะช่วยทำให้ยกระดับมาตรฐานสินค้าให้สามารถจำหน่ายได้ในตลาดที่กว้างขวางมากขึ้น
จากนโยบายเบื้องต้น จะเห็นได้ว่าเครื่องจักรขนาดเล็กสำหรับบรรจุภัณฑ์จึงมีศักยภาพในตลาดในประเทศสูงมาก เนื่องจากโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์นั้น จะทำให้มีอุปสงค์ของการใช้เครื่องจักรขนาดเล็กสำหรับการบรรจุภัณฑ์อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเครื่องที่จำเป็นในระดับพื้นฐานของการบรรจุภัณฑ์ คือ เครื่องซีลด์ปากถุงพลาสติก ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่ไม่ซับซ้อนและเหมาะสมแก่การใช้งานในระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็กปัจจุบันเครื่องจักรสำหรับการบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ใช้ในประเทศยังอาศัยการนำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยมีอัตราการนำเข้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากผู้ประกอบการในประเทศสามารถพัฒนาและผลิตเครื่องจักรเหล่านี้เพื่อทดแทนการนำเข้าได้ ก็จะสามารถประหยัดเงินตราต่างประเทศได้อย่างมาก ทั้งนี้ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการผลิตเครื่องจักรชนิดต่างๆ ที่ทำการผลิตเครื่องจักรสำหรับบรรจุภัณฑ์ควบคู่ไปด้วย เพียง 4 รายเท่านั้น โดยเป็นผู้ผลิตขนาดเล็ก ซึ่งสินค้าที่ผลิตได้จะแข่งขันกับเครื่องจักรขนาดเล็กที่นำเข้ามาจากไต้หวัน และ จีน ทั้งนี้หากผู้ผลิตของไทยสามารถผลิตสินค้าได้ราคาถูกกว่าสินค้าที่นำเข้าจากจีน และ ไต้หวัน ก็จะสามารถขยายตลาดที่มีอยู่อย่างมากได้ โดยทำการติดต่อขายตรงไปยังโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่มีอยู่มากมายในประเทศ รวมทั้งติดต่อไปยัง อบต. ของแต่ละตำบลเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ในอนาคต
ด้านการลงทุนนั้นผู้ลงทุนควรมีเงินทุนในการดำเนินกิจการตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป โดยต้องลงทุนในสินทรัพย์ถาวรประมาณ 60% ได้แก่ ค่าเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ และอุปกรณ์อื่นๆ ส่วนอีก 40% เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ ซึ่งเงินทุนหมุนเวียนนี้ส่วนใหญ่ (75%) เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผลิต ซึ่งวัตถุดิบในการผลิตทั้งหมดสามารถหาได้ภายในประเทศ เช่น ชุด Heater มอเตอร์ เฟือง สายพาน ฯลฯ
กรณีการลงทุนเริ่มต้น 3.5 ล้านบาท ทำการผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรปิดผนึกบรรจุภัณฑ์ 180 เครื่อง/ปี ราคาจำหน่ายเฉลี่ย 50,000 บาท/เครื่อง และได้รับกำไรสุทธิประมาณ 15% ของยอดขาย จะสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลา 2-3 ปี ทั้งนี้ถ้าตลอดอายุโครงการ 5 ปี ได้รับผลตอบแทนสุทธิเท่ากัน จะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 26.8%
ส่วนแรงงานเป็นบุคลากรทางด้านช่างกล ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญในการผลิต ส่วนค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการขายนั้นประมาณ 25% ของเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากเป็นสินค้าที่ต้องขายตรงสู่ผู้ใช้และมีค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้าและดูแลหลังการขายด้วย จึงต้องมีเจ้าหน้าที่ในส่วนของการดูแลลูกค้าหลังการขาย และการรับประกันสินค้าด้วย
ผู้สนใจลงทุนสามารถหาข้อมูลสนับสนุนด้านเทคนิคได้จากสำนักงานพัฒนาอุตสาหกรรม-สนับสนุน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือจากคณะวิศวกรรม สาขาเครื่องกล ในมหาวิทยาลัยของรัฐ
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
จากการที่รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนด้านอุตสาหกรรมของชุมชนในโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ทำให้มีผลิตภัณฑ์จำนวนมาก โดยเฉพาะอาหารแปรรูปออกมาสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม สินค้าที่พัฒนามาจากกลุ่มชุมชนเหล่านี้ยังไม่ได้มาตรฐานในด้านการบรรจุภัณฑ์ โดยยังใช้วิธีบรรจุแบบเก่า ซึ่งไม่ถูกสุขอนามัย ดังนั้น การผลักดันให้มีการใช้เครื่องจักรสำหรับบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะเครื่องปิดผนึกบรรจุภัณฑ์จะช่วยทำให้ยกระดับมาตรฐานสินค้าให้สามารถจำหน่ายได้ในตลาดที่กว้างขวางมากขึ้น
จากนโยบายเบื้องต้น จะเห็นได้ว่าเครื่องจักรขนาดเล็กสำหรับบรรจุภัณฑ์จึงมีศักยภาพในตลาดในประเทศสูงมาก เนื่องจากโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์นั้น จะทำให้มีอุปสงค์ของการใช้เครื่องจักรขนาดเล็กสำหรับการบรรจุภัณฑ์อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเครื่องที่จำเป็นในระดับพื้นฐานของการบรรจุภัณฑ์ คือ เครื่องซีลด์ปากถุงพลาสติก ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่ไม่ซับซ้อนและเหมาะสมแก่การใช้งานในระดับอุตสาหกรรมขนาดเล็กปัจจุบันเครื่องจักรสำหรับการบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ใช้ในประเทศยังอาศัยการนำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยมีอัตราการนำเข้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากผู้ประกอบการในประเทศสามารถพัฒนาและผลิตเครื่องจักรเหล่านี้เพื่อทดแทนการนำเข้าได้ ก็จะสามารถประหยัดเงินตราต่างประเทศได้อย่างมาก ทั้งนี้ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการผลิตเครื่องจักรชนิดต่างๆ ที่ทำการผลิตเครื่องจักรสำหรับบรรจุภัณฑ์ควบคู่ไปด้วย เพียง 4 รายเท่านั้น โดยเป็นผู้ผลิตขนาดเล็ก ซึ่งสินค้าที่ผลิตได้จะแข่งขันกับเครื่องจักรขนาดเล็กที่นำเข้ามาจากไต้หวัน และ จีน ทั้งนี้หากผู้ผลิตของไทยสามารถผลิตสินค้าได้ราคาถูกกว่าสินค้าที่นำเข้าจากจีน และ ไต้หวัน ก็จะสามารถขยายตลาดที่มีอยู่อย่างมากได้ โดยทำการติดต่อขายตรงไปยังโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่มีอยู่มากมายในประเทศ รวมทั้งติดต่อไปยัง อบต. ของแต่ละตำบลเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ในอนาคต
ด้านการลงทุนนั้นผู้ลงทุนควรมีเงินทุนในการดำเนินกิจการตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป โดยต้องลงทุนในสินทรัพย์ถาวรประมาณ 60% ได้แก่ ค่าเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ และอุปกรณ์อื่นๆ ส่วนอีก 40% เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ ซึ่งเงินทุนหมุนเวียนนี้ส่วนใหญ่ (75%) เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผลิต ซึ่งวัตถุดิบในการผลิตทั้งหมดสามารถหาได้ภายในประเทศ เช่น ชุด Heater มอเตอร์ เฟือง สายพาน ฯลฯ
กรณีการลงทุนเริ่มต้น 3.5 ล้านบาท ทำการผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรปิดผนึกบรรจุภัณฑ์ 180 เครื่อง/ปี ราคาจำหน่ายเฉลี่ย 50,000 บาท/เครื่อง และได้รับกำไรสุทธิประมาณ 15% ของยอดขาย จะสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลา 2-3 ปี ทั้งนี้ถ้าตลอดอายุโครงการ 5 ปี ได้รับผลตอบแทนสุทธิเท่ากัน จะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 26.8%
ส่วนแรงงานเป็นบุคลากรทางด้านช่างกล ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญในการผลิต ส่วนค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการขายนั้นประมาณ 25% ของเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากเป็นสินค้าที่ต้องขายตรงสู่ผู้ใช้และมีค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้าและดูแลหลังการขายด้วย จึงต้องมีเจ้าหน้าที่ในส่วนของการดูแลลูกค้าหลังการขาย และการรับประกันสินค้าด้วย
ผู้สนใจลงทุนสามารถหาข้อมูลสนับสนุนด้านเทคนิคได้จากสำนักงานพัฒนาอุตสาหกรรม-สนับสนุน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือจากคณะวิศวกรรม สาขาเครื่องกล ในมหาวิทยาลัยของรัฐ
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--