กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีสหภาพยุโรป (อียู) พิจารณาคืนสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) รอบใหม่เพื่อช่วยเหลือประเทศไทยกรณีที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิ โดยจะเรียกเก็บภาษีสินค้ากุ้ง 4.2% เท่ากับอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งอัตราเดิมจะเรียกเก็บ 12% นอกจากนี้สินค้าเกษตรและประมงของไทยกว่า 300 รายการก็จะได้รับสิทธิ์จีเอสพีในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้โครงการจีเอสพีรอบใหม่นี้จะพิจารณาตัดจีเอสพีเป็นรายหมวด (Section) แทนกลุ่มสินค้า (Sector) และจะจัดกลุ่มสินค้าตามระบบพิกัดภาษีศุลกากร (Combined Nomenclature) อิงกับระบบ Harmonized System (HS) ซึ่งจะเพิ่มความละเอียดมากขึ้นส่งผลให้สินค้าไทยในหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่งถูกตัดจีเอสพี ขณะที่สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจะไม่ได้รับการคืนสิทธิ์ โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการเตรียมการนำเสนอโครงการต่อสภายุโรปเพื่อพิจารณาอนุมัติเป็นขั้นตอนสุดท้าย และหาก ไม่มีเสียงคัดค้านจากประเทศสมาชิก ร่างระเบียบดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2548 ซึ่งจะเร็วกว่ากำหนดเดิมที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2548
ประเด็นวิเคราะห์:
ผู้ส่งออกไทยหลายรายให้ความเห็นว่า การคืนสิทธ์จีเอสพีสินค้ากุ้งจากอียู จะส่งผลให้การ ส่งออกกุ้งไทยไปอียูขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน รวมถึงสินค้าทูน่ากระป๋องซึ่งได้รับการลดภาษีจาก 24% เหลือ 20.5% ก็จะส่งผลให้ต้นทุนของผู้นำเข้าลดลง และคาดว่าในปีนี้ไทยจะสามารถส่งออกทูน่าไป อียูไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นตัน อย่างไรก็ตามอียูได้ตัดสิทธิ์จีเอสพีรอบใหม่ในสินค้ายานพาหนะ แต่ก็ยังคงเชื่อมั่น ได้ว่าบริษัทแม่ของแต่ละค่ายรถยนต์จะสามารถหาทางแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบได้ เนื่องจากมีเครือข่ายอยู่ในหลายประเทศ ทั้งนี้ในกรณีที่สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยที่ไม่ได้รับการคืนสิทธิ์จีเอสพีในรอบใหม่นี้ คงจะไม่มีผลกระทบต่อการส่งออกไทยมากนัก เนื่องจากในปัจจุบันสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยเสียภาษีนำเข้าอียูเฉลี่ยที่ 2.5% เท่านั้นขณะที่อียูเป็นตลาดส่งออกสินค้าอัญมณีจากไทย 20% ของการส่งออกในภาพรวม
ที่มา: http://www.depthai.go.th
-ดท-