กรมศุลกากรสหรัฐอเมริกาได้ประกาศใช้วิธีการใหม่ในการแก้ไขข้อผิดพลาดในเอกสารการนำเข้า ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2000 (พ.ศ. 2543) เป็นต้นมา โดยให้ใช้วิธีแก้ไขรายการหลังการนำเข้า (Post Entry Amendment : PEA) แทนวิธีการเดิมที่ให้ยื่นหนังสือแสดงข้อมูลเพิ่มเติม (Supplemental Information Letter : SIL)ระบบที่ใช้อยู่เดิม
ในอดีตสหรัฐอเมริกาได้กำหนดวิธีการแก้ไขรายการนำเข้าให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ จนเมื่อปี 1998 สหรัฐฯ ได้ใช้ระบบ SIL คือ การยื่นหนังสือแสดงข้อมูลเพิ่มเติม โดยผู้นำเข้าจะต้องยื่นหนังสือแสดงรายการแก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้องต่อด่านศุลกากรขาเข้า ทั้งนี้ระบบ SIL มีจุดมุ่งหมายเพื่อการแก้ไขสิ่งผิดพลาดเฉพาะที่เป็นสาระสำคัญ และเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นมากในการนำเข้า อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผ่านมาผู้นำเข้ามักจะแก้ไขข้อผิดพลาดทุกรายการด้วย SIL จึงทำให้ปริมาณ SIL นั้นมีจำนวนมากเกินกว่าที่เจ้าพนักงานศุลกากรจะสามารถตรวจสอบดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งด้วยวิธีการใหม่ (PEA) ที่กรมศุลกากรได้นำมาใช้แทน ผู้นำเข้าจะสามารถแก้ไขทุกรายการที่มีข้อผิดพลาดด้วยวิธีการใหม่ดังกล่าวได้อย่างเหมาะสมรูปแบบของระบบใหม่
ระบบ PEA ได้แยกเอกสารประกอบการแก้ไขออกเป็น 2 ประเภท คือ การแจกแจงทุกครั้งของการนำเข้า (Entry-by-Entry Basis) และการแสดงเอกสารเป็นรายไตรมาส (Quarterly)
1. Entry-by-entry Basis
1.1 รายการข้อผิดพลาดสำคัญ ๆ ที่ผู้นำเข้าจะแจ้งในลักษณะ Entry-by-Entry มีดังนี้.-
(1) ข้อผิดพลาดในมูลค่าภาษี ซึ่งมีผลกระทบต่อมูลค่าภาษีที่เท่ากับหรือมากกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ
(2) ข้อผิดพลาดที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาษี แต่เกี่ยวข้องกับโควต้าสินค้าหรือสินค้าที่มีการควบคุมนำเข้า
โดยความสมัครใจ (Voluntary Restraint Agreement : VRA)
(3) ข้อผิดพลาดในรายการสินค้าสิ่งทอที่ไม่มีโควต้า แต่มีมูลค่านำเข้าเท่ากับ หรือมากกว่า 3,000
ดอลลาร์สหรัฐฯ
(4) ข้อผิดพลาดอื่นๆที่เกี่ยวกับประเทศแหล่งกำเนิด ปริมาณ มูลค่า เลขพิกัด HTS หรือค่าธรรมเนียม
ต่างๆ ซึ่งมีมูลค่านำเข้าตั้งแต่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไป
1.2 เอกสารที่ใช้ประกอบการยื่น PEA ในกรณีนี้ ได้แก่
(1) Cover Sheet (รับได้จากฐานข้อมูลของกรมศุลกากร)
(2) หนังสือชี้แจงการแก้ไข 2 ชุด
(3) เอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็น เพื่อประกอบการแก้ไข
ทั้งนี้ กรมศุลกากรสหรัฐฯ จะพิจารณาเอกสาร PEA ที่ขอแก้ไขก่อนเรียกชำระภาษี หากพิจารณาแล้วเห็นชอบตามเอกสารขอแก้ไขที่ยื่น กรมศุลกากรจะออกเอกสารหรือคืนเงินให้ตามแต่จะเหมาะสม แต่หากพิจารณาแล้วไม่เห็นด้วย กรมศุลกากรจะดำเนินการเรียกชำระภาษีตามจำนวนเดิม อย่างไรก็ตาม หากรายการที่ยื่นแก้ไขนั้นได้รับการชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว กรมศุลกากรจะถือว่ารายการขอแก้ไข (PEA) เป็นการยื่นอุทธรณ์หรือการคัดค้านตามแต่กรณี
2. Quarterly
ผู้นำเข้าต้องแจ้งแก้ไขข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นรายไตรมาส ข้อผิดพลาดดังกล่าวได้แก่ รายการข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่มิได้กำหนดให้เป็นข้อผิดพลาดสำคัญ เช่น รายการที่มีผลกระทบต่อมูลค่าภาษีน้อยกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือรายการที่ไม่เกี่ยวกับโควต้าหรือการค้าที่เป็น VRA ฯลฯ ทั้งนี้ ผู้นำเข้าต้องยื่นแสดงรายงานข้อเท็จจริงรายไตรมาส (Quarterly Tracking Reports) ต่อกรมศุลกากรภายใน 15 วันหลังจากสิ้นสุดไตรมาส โดยบันทึกลงในแผ่น Disk หรือจัดส่งทาง E-mail ตามรูปแบบในฐานข้อมูลของกรมศุลกากร
กรมศุลกากรยอมรับว่ายังไม่ได้ประเมินถึงผลกระทบจากระบบ PEA ต่อปริมาณคำร้องและระบบการตรวจสอบของกรมศุลกากรในอนาคต อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมศุลกากรจะตรวจสอบรายงานรายไตรมาส โดยให้ความสนใจแก่ผู้นำเข้าที่มีการยื่นรายการข้อผิดพลาดหลายรายการเป็นลำดับแรก
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับแนวทางและรูปแบบในการจัดทำเอกสารตาม PEA สามารถค้นหาเพิ่มเติมได้จาก Website ของกรมศุลกากรสหรัฐอเมริกา (www.customs.gov/news/whatsnewf.htm)
(ที่มา : กรมการค้าต่างประเทศ)
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 19/2543 วันที่ 1 ตุลาคม 2543--
-อน-
ในอดีตสหรัฐอเมริกาได้กำหนดวิธีการแก้ไขรายการนำเข้าให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ จนเมื่อปี 1998 สหรัฐฯ ได้ใช้ระบบ SIL คือ การยื่นหนังสือแสดงข้อมูลเพิ่มเติม โดยผู้นำเข้าจะต้องยื่นหนังสือแสดงรายการแก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้องต่อด่านศุลกากรขาเข้า ทั้งนี้ระบบ SIL มีจุดมุ่งหมายเพื่อการแก้ไขสิ่งผิดพลาดเฉพาะที่เป็นสาระสำคัญ และเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นมากในการนำเข้า อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผ่านมาผู้นำเข้ามักจะแก้ไขข้อผิดพลาดทุกรายการด้วย SIL จึงทำให้ปริมาณ SIL นั้นมีจำนวนมากเกินกว่าที่เจ้าพนักงานศุลกากรจะสามารถตรวจสอบดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งด้วยวิธีการใหม่ (PEA) ที่กรมศุลกากรได้นำมาใช้แทน ผู้นำเข้าจะสามารถแก้ไขทุกรายการที่มีข้อผิดพลาดด้วยวิธีการใหม่ดังกล่าวได้อย่างเหมาะสมรูปแบบของระบบใหม่
ระบบ PEA ได้แยกเอกสารประกอบการแก้ไขออกเป็น 2 ประเภท คือ การแจกแจงทุกครั้งของการนำเข้า (Entry-by-Entry Basis) และการแสดงเอกสารเป็นรายไตรมาส (Quarterly)
1. Entry-by-entry Basis
1.1 รายการข้อผิดพลาดสำคัญ ๆ ที่ผู้นำเข้าจะแจ้งในลักษณะ Entry-by-Entry มีดังนี้.-
(1) ข้อผิดพลาดในมูลค่าภาษี ซึ่งมีผลกระทบต่อมูลค่าภาษีที่เท่ากับหรือมากกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ
(2) ข้อผิดพลาดที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาษี แต่เกี่ยวข้องกับโควต้าสินค้าหรือสินค้าที่มีการควบคุมนำเข้า
โดยความสมัครใจ (Voluntary Restraint Agreement : VRA)
(3) ข้อผิดพลาดในรายการสินค้าสิ่งทอที่ไม่มีโควต้า แต่มีมูลค่านำเข้าเท่ากับ หรือมากกว่า 3,000
ดอลลาร์สหรัฐฯ
(4) ข้อผิดพลาดอื่นๆที่เกี่ยวกับประเทศแหล่งกำเนิด ปริมาณ มูลค่า เลขพิกัด HTS หรือค่าธรรมเนียม
ต่างๆ ซึ่งมีมูลค่านำเข้าตั้งแต่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไป
1.2 เอกสารที่ใช้ประกอบการยื่น PEA ในกรณีนี้ ได้แก่
(1) Cover Sheet (รับได้จากฐานข้อมูลของกรมศุลกากร)
(2) หนังสือชี้แจงการแก้ไข 2 ชุด
(3) เอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็น เพื่อประกอบการแก้ไข
ทั้งนี้ กรมศุลกากรสหรัฐฯ จะพิจารณาเอกสาร PEA ที่ขอแก้ไขก่อนเรียกชำระภาษี หากพิจารณาแล้วเห็นชอบตามเอกสารขอแก้ไขที่ยื่น กรมศุลกากรจะออกเอกสารหรือคืนเงินให้ตามแต่จะเหมาะสม แต่หากพิจารณาแล้วไม่เห็นด้วย กรมศุลกากรจะดำเนินการเรียกชำระภาษีตามจำนวนเดิม อย่างไรก็ตาม หากรายการที่ยื่นแก้ไขนั้นได้รับการชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว กรมศุลกากรจะถือว่ารายการขอแก้ไข (PEA) เป็นการยื่นอุทธรณ์หรือการคัดค้านตามแต่กรณี
2. Quarterly
ผู้นำเข้าต้องแจ้งแก้ไขข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นรายไตรมาส ข้อผิดพลาดดังกล่าวได้แก่ รายการข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่มิได้กำหนดให้เป็นข้อผิดพลาดสำคัญ เช่น รายการที่มีผลกระทบต่อมูลค่าภาษีน้อยกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือรายการที่ไม่เกี่ยวกับโควต้าหรือการค้าที่เป็น VRA ฯลฯ ทั้งนี้ ผู้นำเข้าต้องยื่นแสดงรายงานข้อเท็จจริงรายไตรมาส (Quarterly Tracking Reports) ต่อกรมศุลกากรภายใน 15 วันหลังจากสิ้นสุดไตรมาส โดยบันทึกลงในแผ่น Disk หรือจัดส่งทาง E-mail ตามรูปแบบในฐานข้อมูลของกรมศุลกากร
กรมศุลกากรยอมรับว่ายังไม่ได้ประเมินถึงผลกระทบจากระบบ PEA ต่อปริมาณคำร้องและระบบการตรวจสอบของกรมศุลกากรในอนาคต อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมศุลกากรจะตรวจสอบรายงานรายไตรมาส โดยให้ความสนใจแก่ผู้นำเข้าที่มีการยื่นรายการข้อผิดพลาดหลายรายการเป็นลำดับแรก
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับแนวทางและรูปแบบในการจัดทำเอกสารตาม PEA สามารถค้นหาเพิ่มเติมได้จาก Website ของกรมศุลกากรสหรัฐอเมริกา (www.customs.gov/news/whatsnewf.htm)
(ที่มา : กรมการค้าต่างประเทศ)
--วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 19/2543 วันที่ 1 ตุลาคม 2543--
-อน-