กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ได้รับแจ้งจากสำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียว่า อินเดียได้ประกาศใช้นโยบายส่งออก- นำเข้า ฉบับปรับปรุงใหม่ โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2544 ซึ่งภายใต้นโยบายนี้อินเดียได้ยกเลิกมาตรการจำกัดการนำเข้าสินค้า (QRS : Quantitative Restrictions) ที่ยังเหลืออยู่อีกจำนวน 715 รายการ อันประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ 342 รายการ สินค้าเกษตรและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 147 รายการ และสินค้าอุตสาหกรรมและยานยนต์ 226 รายการ โดยมีข้อกำหนดสำหรับสินค้าต่างๆ ดังกล่าว สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. สินค้าเกษตร เช่น ข้าวสาลี ข้าว ข้าวโพด ธัญพืช ฯลฯ จัดอยู่ในหมวดการค้าของรัฐ การนำเข้าจะต้องผ่านบรรษัทการค้าวิสาหกิจ (State Trading Enterprise) เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และสินค้าอาหารต้องมีการตรวจสอบด้านสุขอนามัยตามที่กำหนดในแต่ละประเภท ทั้งนี้ในส่วนของสินค้าข้าว ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 80% บวกอัตราภาษีเพิ่มพิเศษอีก 4%
2. การนำเข้ายานยนต์ที่ใช้แล้ว กำหนดต้องเป็นพวงมาลัยขวา และมีอายุใช้งานแล้วไม่เกิน 3 ปี ตามข้อปฏิบัติใน Central Control Vehicle Rules รวมทั้งต้องมีหนังสือรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งก่อนและหลังการขนส่ง นอกจากนี้ การนำเข้าจะต้องผ่านด่านศุลกากรที่ท่าเรือเมืองมุมไบเท่านั้น
3. การนำเข้ายานพาหนะใหม่ กำหนดให้นำเข้าจากประเทศที่ผลิตเท่านั้น และต้องเป็นพวงมาลัยขวา ตามระเบียบปฏิบัติใน Motor Vehicles Act, 1998 นอกจากนี้ รูปแบบของยานพาหนะจะต้องเป็นไปตามประกาศของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของอินเดีย
ข้อกำหนดต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น ได้ใช้ปฏิบัติรวมถึงผู้ผลิตภายในประเทศอินเดียด้วย อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า อินเดียได้เพิ่มความระมัดระวังด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยของสินค้าอาหารที่นำเข้า ซึ่งอินเดียเคยออกประกาศมาแล้วครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับการปิดฉลากบนบรรจุภัณฑ์อาหาร จึงอาจส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทย เพราะสินค้าประเภทอาหารของไทยเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายในอินเดียมากขึ้น ในช่วงปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องนี้ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์จะได้เชิญภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป
การยกเลิกมาตรการนำเข้านี้นับเป็นการเปิดเสรีครั้งสำคัญของอินเดีย และโดยที่อินเดียเริ่มเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการนำเข้าจากรายได้และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาถึงโอกาสและช่องทางที่เปิดให้นี้ เข้าสู่ตลาดอินเดียก่อนคู่แข่งอื่นๆ
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ พฤษภาคม 2544--
-ปส-
1. สินค้าเกษตร เช่น ข้าวสาลี ข้าว ข้าวโพด ธัญพืช ฯลฯ จัดอยู่ในหมวดการค้าของรัฐ การนำเข้าจะต้องผ่านบรรษัทการค้าวิสาหกิจ (State Trading Enterprise) เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และสินค้าอาหารต้องมีการตรวจสอบด้านสุขอนามัยตามที่กำหนดในแต่ละประเภท ทั้งนี้ในส่วนของสินค้าข้าว ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 80% บวกอัตราภาษีเพิ่มพิเศษอีก 4%
2. การนำเข้ายานยนต์ที่ใช้แล้ว กำหนดต้องเป็นพวงมาลัยขวา และมีอายุใช้งานแล้วไม่เกิน 3 ปี ตามข้อปฏิบัติใน Central Control Vehicle Rules รวมทั้งต้องมีหนังสือรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งก่อนและหลังการขนส่ง นอกจากนี้ การนำเข้าจะต้องผ่านด่านศุลกากรที่ท่าเรือเมืองมุมไบเท่านั้น
3. การนำเข้ายานพาหนะใหม่ กำหนดให้นำเข้าจากประเทศที่ผลิตเท่านั้น และต้องเป็นพวงมาลัยขวา ตามระเบียบปฏิบัติใน Motor Vehicles Act, 1998 นอกจากนี้ รูปแบบของยานพาหนะจะต้องเป็นไปตามประกาศของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของอินเดีย
ข้อกำหนดต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น ได้ใช้ปฏิบัติรวมถึงผู้ผลิตภายในประเทศอินเดียด้วย อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า อินเดียได้เพิ่มความระมัดระวังด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยของสินค้าอาหารที่นำเข้า ซึ่งอินเดียเคยออกประกาศมาแล้วครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับการปิดฉลากบนบรรจุภัณฑ์อาหาร จึงอาจส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทย เพราะสินค้าประเภทอาหารของไทยเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายในอินเดียมากขึ้น ในช่วงปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องนี้ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์จะได้เชิญภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป
การยกเลิกมาตรการนำเข้านี้นับเป็นการเปิดเสรีครั้งสำคัญของอินเดีย และโดยที่อินเดียเริ่มเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการนำเข้าจากรายได้และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาถึงโอกาสและช่องทางที่เปิดให้นี้ เข้าสู่ตลาดอินเดียก่อนคู่แข่งอื่นๆ
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ พฤษภาคม 2544--
-ปส-