อุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจไทยมาอย่างต่อเนื่องโดยสร้างรายได้จากการส่งออกให้แก่ประเทศเป็นอันดับ 2 (รองจากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์) มีจำนวนโรงงานมากกว่า 4,500 โรงตั้งกระจายอยู่ทั่วภูมิภาค ซึ่งก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 1 ล้านคน รวมทั้ง ยังเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศโดยคิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยประมาณร้อยละ 7 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP)
การผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยในปี 2543 ปรับตัวดีขึ้นมากแทบทุกผลิตภัณฑ์ โดยมีมูลค่าส่งออกรวม 221,633.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 14.5 (คิดเป็นมูลค่า 5,588.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากปี 2542 ร้อยละ 9.2 เทียบกับที่ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 12.8 ต่อปีในช่วงปี 2539 - 2542) และมีสัดส่วนร้อยละ 8 ของมูลค่าการส่งออกรวมทั้งประเทศ ตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร โดยเสื้อผ้าสำเร็จรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 56.1 ของมูลค่าการส่งออกสิ่งทอทั้งหมด ทั้งนี้ การขยายตัวของการส่งออกเป็นผลมาจากเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลกที่ขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะเศรษฐกิจและความต้องการของตลาดส่งออกสำคัญดังกล่าว ประกอบกับโรงงานสิ่งทอขนาดใหญ่ได้พัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตโดยปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อพัฒนาคุณภาพและรูปแบบสินค้าให้มีความทันสมัย และมีคุณภาพตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัว รวมทั้งภาครัฐให้ความช่วยเหลือกิจการ SMEs ในด้านสภาพคล่องทางการเงิน ประกอบกับการขยายการส่งออกสู่ตลาดใหม่ๆ
ในปี 2543 อุตสาหกรรมสิ่งทอไทยยังคงประสบปัญหาการอ่อนตัวของค่าเงินบาทและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นในขณะที่ไม่สามารถปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตาม เนื่องจากผู้บริโภคยังไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในระยะฟื้นตัว รวมทั้งปัญหาน้ำท่วมและผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ทำให้กำลังซื้อจากตลาดในประเทศยังคงชะลอตัว โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าระดับกลางและล่างของไทยต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากประเทศที่มีต้นทุนต่ำกว่ามาก เช่น จีน และอินเดีย ในขณะที่กลุ่มสินค้าระดับบนหรือเสื้อผ้าแฟชั่นต้องแข่งขันกับสินค้าจากประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา
สำหรับในปี 2544 คาดว่าการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยจะขยายตัวต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ชะลอลงตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทย โดยไตรมาสแรกของปี 2544 การส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอของไทย ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.1 อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะยังได้รับปัจจัยบวกช่วยสนับสนุนด้านการส่งออก จากผลของข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) และความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการเร่งขยายตลาดส่งออกไปยังตลาดใหม่ รวมทั้ง การส่งออกผ้าผืนมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นำเข้าผ้าผืนจากไทยมากขึ้น เพื่อส่งให้กับประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลางและแอฟริกา
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-
การผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยในปี 2543 ปรับตัวดีขึ้นมากแทบทุกผลิตภัณฑ์ โดยมีมูลค่าส่งออกรวม 221,633.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 14.5 (คิดเป็นมูลค่า 5,588.3 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากปี 2542 ร้อยละ 9.2 เทียบกับที่ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 12.8 ต่อปีในช่วงปี 2539 - 2542) และมีสัดส่วนร้อยละ 8 ของมูลค่าการส่งออกรวมทั้งประเทศ ตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร โดยเสื้อผ้าสำเร็จรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 56.1 ของมูลค่าการส่งออกสิ่งทอทั้งหมด ทั้งนี้ การขยายตัวของการส่งออกเป็นผลมาจากเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลกที่ขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะเศรษฐกิจและความต้องการของตลาดส่งออกสำคัญดังกล่าว ประกอบกับโรงงานสิ่งทอขนาดใหญ่ได้พัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตโดยปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อพัฒนาคุณภาพและรูปแบบสินค้าให้มีความทันสมัย และมีคุณภาพตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัว รวมทั้งภาครัฐให้ความช่วยเหลือกิจการ SMEs ในด้านสภาพคล่องทางการเงิน ประกอบกับการขยายการส่งออกสู่ตลาดใหม่ๆ
ในปี 2543 อุตสาหกรรมสิ่งทอไทยยังคงประสบปัญหาการอ่อนตัวของค่าเงินบาทและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นในขณะที่ไม่สามารถปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตาม เนื่องจากผู้บริโภคยังไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในระยะฟื้นตัว รวมทั้งปัญหาน้ำท่วมและผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ทำให้กำลังซื้อจากตลาดในประเทศยังคงชะลอตัว โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าระดับกลางและล่างของไทยต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากประเทศที่มีต้นทุนต่ำกว่ามาก เช่น จีน และอินเดีย ในขณะที่กลุ่มสินค้าระดับบนหรือเสื้อผ้าแฟชั่นต้องแข่งขันกับสินค้าจากประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา
สำหรับในปี 2544 คาดว่าการผลิตและการส่งออกของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยจะขยายตัวต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ชะลอลงตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทย โดยไตรมาสแรกของปี 2544 การส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอของไทย ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.1 อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะยังได้รับปัจจัยบวกช่วยสนับสนุนด้านการส่งออก จากผลของข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) และความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการเร่งขยายตลาดส่งออกไปยังตลาดใหม่ รวมทั้ง การส่งออกผ้าผืนมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นำเข้าผ้าผืนจากไทยมากขึ้น เพื่อส่งให้กับประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลางและแอฟริกา
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-