ข่าวในประเทศ
1. ธปท. ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดอาร์/พีในขณะนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ยืนยันว่ายังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ตามที่มีข่าว ส่วนการที่ค่าเงินบาทอ่อนลงในขณะนี้เป็นการเคลื่อนไหวไปตามค่าเงินในภูมิภาค ซึ่ง ธปท. มีการดูแลค่าเงินอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา โดยจะไม่ปล่อยให้ค่าเงินบาทผันผวนมากเกินไปหรือเปลี่ยนแปลงถึงวันละ 0.50-1 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. (โลกวันนี้, เดลินิวส์, บ้านเมือง 12)
2. ธปท.รายงานการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ภาคเศรษฐกิจที่สำคัญในไตรมาสที่ 2 ปี 44 ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารมวลชน ในฐานะรองโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ให้ความอนุเคราะห์ทางการเงินแก่ภาคเศรษฐกิจที่สำคัญในไตรมาส 2 ปี 44 ผ่านสถาบันการเงินเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 27,365.40 ล.บาท เมื่อรวมกับเงินของสถาบันการเงินที่ให้กู้สมทบอีกร้อยละ 40-60 จำนวน 21,292.78 ล.บาท ทำให้ยอดสินเชื่อที่ให้กู้แก่ระบบเศรษฐกิจมียอดสะสมทั้งสิ้น 48,658.18 ล.บาท สำหรับภาคธุรกิจที่ขอรับความอนุเคราะห์ทางการเงินจาก ธปท.เป็นจำนวนสูงสุด ได้แก่ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์ตามระเบียบ SMEs จำนวน 13,810.60 ล.บาท รองลงมาคือการค้าพืชผลเกษตรและเลี้ยงสัตว์ได้รับความอนุเคราะห์จำนวน 1,436.92 ล.บาท เมื่อรวมกับส่วนที่สถาบันการเงินสมทบอีกทำให้ สินเชื่อรวมที่ให้แก่ธุรกิจทั้ง 2 ประเภทมีจำนวน 23,017.67 ล.บาท และ 2,456.82 ล.บาท นอกจากนี้ ธปท . มีวงเงินอนุมัติสินเชื่อให้แก่บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟซีที) เพื่อให้ความอนุเคราะห์แก่ธุรกิจ SMEs จำนวน 16,200 ล.บาท ซึ่งธุรกิจ SMEs ได้รับความอนุเคราะห์จาก ธปท.ผ่านทางไอเอฟซีทีเป็นสินเชื่อจำนวน 3,000 ล.บาท และเมื่อรวมกับส่วนที่สถาบันการเงินจ่ายสมทบทำให้ธุรกิจ SMEs ได้รับ สินเชื่อผ่านไอเอฟซีทีรวมจำนวน 5,000 ล.บาท ในส่วนการอนุมัติสินเชื่อ SMEs ของ ธปท. สะสมตั้งแต่เริ่มโครงการ ณ ไตรมาส 2 ปี 44 ธปท.ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้วจำนวน 5,958 ราย วงเงินอนุมัติ 23,854.30 ล.บาท เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก SMEs ได้รับอนุมัติเพิ่มขึ้นจำนวน 323 ราย วงเงินอนุมัติเพิ่มขึ้น 1,263.65 ล.บาท(กรุงเทพธุรกิจ 12)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมของไทยเพิ่มขึ้นในเดือน มิ.ย. 44 ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า เดือน มิ.ย. 44 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 71.1 เพิ่มขึ้นจากระดับ 69.7 ในเดือน พ.ค. 44 ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 52.6 จาก 51.8 ในเดือน พ.ค. 44 และดัชนีฯ เกี่ยวกับเศรษฐกิจในอนาคตอยู่ที่ระดับ 89.7 จาก 87.5 ในเดือน พ.ค. 44 โดยดัชนีฯ ทั้งหมดอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 เป็นเดือนที่ 14 ติดต่อกัน แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจในเศรษฐกิจในอนาคต (เดลินิวส์ 12)
ข่าวต่างประเทศ
1. ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงร้อยละ 46 ในเดือน พ.ค. 44 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 11 ก.ค.44 ก. คลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในเดือน พ.ค. 44 ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัด จำนวน 444 พัน ล. เยน (2.54 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) ลดลงร้อยละ 46 จากเดือน พ.ค. 43 ที่มีจำนวน 820.5 พัน ล. เยน นับเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาอย่างยืดเยื้อได้ส่งผลกระทบให้การส่งออกของญี่ปุ่นลดลงอย่างมาก ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นเกินดุลการค้า จำนวน 252.1 พัน ล. เยน ลดลงร้อยละ 65 จากเดือนเดียวกันของปี 43 ที่มีจำนวน 724.2 พัน ล. เยน เป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 โดยการส่งออกลดลงร้อยละ 2.5 ขณะที่การนำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 จากช่วงเดียวกันของปี 43 อย่างไรก็ตาม ในเดือน พ.ค. 44 ญี่ปุ่นขาดดุลบริการจำนวน 449.5 พัน ล. เยน ส่งผลให้ดุลสินค้าและบริการขาดดุลเป็นครั้งแรกนับแต่เดือน ม.ค. 44 ทั้งนี้ จากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่น อาจเผชิญกับภาวะถดถอยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่อ่อนแอลง เป็นสัญญาณหนึ่งที่เตือนถึงแนวโน้มที่มืดมนของเศรษฐกิจ นอกจากนั้น ตัวเลขการส่งออกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ยังส่งผลกระทบต่อผลผลิตอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายทุนของบริษัท ซึ่งเคยเป็นความหวังที่สำคัญของญี่ปุ่นในการกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในปี43 (รอยเตอร์12)
2. OECD ปรับลดการคาดหมายการขยายตัวของ GDP ของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปในปี 44 รายงานจากโรม เมื่อ 11 ก.ค.44 หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ OECD ได้ปรับลดการคาดหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (GDP) ของประเทศสหภาพยุโรป ปี 44 จากร้อยละ 2.6 เหลือร้อยละ 2.5 และคาดว่าปี 45 จะสูงกว่าร้อยละ 2.5 เพียงเล็กน้อย ซึ่งปรับลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อ พ.ค.44 ที่ร้อยละ 2.7 นอกจากนี้ยังยืนยันการคาดหมายการขยายตัวของ GDP ของญี่ปุ่นในปี 44 ว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 1 และยังคงขยายตัวในอัตราเดียวกันนี้ในปี 45 ด้วย ซึ่งตัวเลขในปี 45 ของญี่ปุ่นที่ปรับแล้วนี้ต่ำกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน พ.ค.44 เพียงเล็กน้อยที่ร้อยละ 1.1 (รอยเตอร์ 11)3. อัตราเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. และดุลการค้าของเยอรมนีในเดือน พ.ค.44 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ตเมื่อ 11 ก.ค.44 สำนักสถิติกลางเปิดเผยว่า เดือน มิ.ย.44 อัตราเงินเฟ้อเทียบต่อปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 ในเดือน พ.ค.44 ซึ่งเงินเฟ้อในเดือน พ.ค.นี้เป็นอัตราสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.36 และเมื่อเทียบต่อเดือน อัตราเงินเฟ้อในเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบกับเดือน พ.ค.ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ทั้งนี้ การที่อัตราเงินเฟ้อในเดือน มิ.ย. ชะลอลง ส่วนใหญ่เนื่องมาจากการอ่อนตัวของราคาเชื้อเพลิง โดยเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.1 ลดลงมากจากเดือน พ.ค.ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15.4 ขณะเดียวกัน สำนักสถิติกลางรายงานจาก Weisbaden ว่า เดือน พ.ค.44 ยอดเกินดุลการค้าซึ่งเป็นตัวเลขเบื้องต้นมีมูลค่า 14.8 พัน ล. มาร์ก โดยการส่งออกและนำเข้ามีมูลค่า 106.9 และ 92.1 พัน ล. มาร์ก ตามลำดับ ส่วนยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมีมูลค่า 1.3 พัน ล. มาร์ก สำหรับช่วง ม.ค.-พ.ค.44 เยอรมนีเกินดุลการค้าจำนวน 64.1 พัน ล.มาร์ก และเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 3.4 พัน ล.มาร์ก (รอยเตอร์ 11)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 11 ก.ค. 44 45.535 (45.482)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 11 ก.ค. 44ซื้อ 45.3164 (45.2796) ขาย 45.6204 (45.5953)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,750 (5,700) ขาย 5,850 (5,800)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 23.43 (23.66)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.29 (15.29) ดีเซลหมุนเร็ว 14.14 (14.14)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท. ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดอาร์/พีในขณะนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ยืนยันว่ายังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ตามที่มีข่าว ส่วนการที่ค่าเงินบาทอ่อนลงในขณะนี้เป็นการเคลื่อนไหวไปตามค่าเงินในภูมิภาค ซึ่ง ธปท. มีการดูแลค่าเงินอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา โดยจะไม่ปล่อยให้ค่าเงินบาทผันผวนมากเกินไปหรือเปลี่ยนแปลงถึงวันละ 0.50-1 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. (โลกวันนี้, เดลินิวส์, บ้านเมือง 12)
2. ธปท.รายงานการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ภาคเศรษฐกิจที่สำคัญในไตรมาสที่ 2 ปี 44 ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารมวลชน ในฐานะรองโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ให้ความอนุเคราะห์ทางการเงินแก่ภาคเศรษฐกิจที่สำคัญในไตรมาส 2 ปี 44 ผ่านสถาบันการเงินเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 27,365.40 ล.บาท เมื่อรวมกับเงินของสถาบันการเงินที่ให้กู้สมทบอีกร้อยละ 40-60 จำนวน 21,292.78 ล.บาท ทำให้ยอดสินเชื่อที่ให้กู้แก่ระบบเศรษฐกิจมียอดสะสมทั้งสิ้น 48,658.18 ล.บาท สำหรับภาคธุรกิจที่ขอรับความอนุเคราะห์ทางการเงินจาก ธปท.เป็นจำนวนสูงสุด ได้แก่ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์ตามระเบียบ SMEs จำนวน 13,810.60 ล.บาท รองลงมาคือการค้าพืชผลเกษตรและเลี้ยงสัตว์ได้รับความอนุเคราะห์จำนวน 1,436.92 ล.บาท เมื่อรวมกับส่วนที่สถาบันการเงินสมทบอีกทำให้ สินเชื่อรวมที่ให้แก่ธุรกิจทั้ง 2 ประเภทมีจำนวน 23,017.67 ล.บาท และ 2,456.82 ล.บาท นอกจากนี้ ธปท . มีวงเงินอนุมัติสินเชื่อให้แก่บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟซีที) เพื่อให้ความอนุเคราะห์แก่ธุรกิจ SMEs จำนวน 16,200 ล.บาท ซึ่งธุรกิจ SMEs ได้รับความอนุเคราะห์จาก ธปท.ผ่านทางไอเอฟซีทีเป็นสินเชื่อจำนวน 3,000 ล.บาท และเมื่อรวมกับส่วนที่สถาบันการเงินจ่ายสมทบทำให้ธุรกิจ SMEs ได้รับ สินเชื่อผ่านไอเอฟซีทีรวมจำนวน 5,000 ล.บาท ในส่วนการอนุมัติสินเชื่อ SMEs ของ ธปท. สะสมตั้งแต่เริ่มโครงการ ณ ไตรมาส 2 ปี 44 ธปท.ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้วจำนวน 5,958 ราย วงเงินอนุมัติ 23,854.30 ล.บาท เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก SMEs ได้รับอนุมัติเพิ่มขึ้นจำนวน 323 ราย วงเงินอนุมัติเพิ่มขึ้น 1,263.65 ล.บาท(กรุงเทพธุรกิจ 12)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมของไทยเพิ่มขึ้นในเดือน มิ.ย. 44 ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า เดือน มิ.ย. 44 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 71.1 เพิ่มขึ้นจากระดับ 69.7 ในเดือน พ.ค. 44 ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 52.6 จาก 51.8 ในเดือน พ.ค. 44 และดัชนีฯ เกี่ยวกับเศรษฐกิจในอนาคตอยู่ที่ระดับ 89.7 จาก 87.5 ในเดือน พ.ค. 44 โดยดัชนีฯ ทั้งหมดอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 เป็นเดือนที่ 14 ติดต่อกัน แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจในเศรษฐกิจในอนาคต (เดลินิวส์ 12)
ข่าวต่างประเทศ
1. ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงร้อยละ 46 ในเดือน พ.ค. 44 รายงานจากโตเกียวเมื่อ 11 ก.ค.44 ก. คลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในเดือน พ.ค. 44 ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัด จำนวน 444 พัน ล. เยน (2.54 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ.) ลดลงร้อยละ 46 จากเดือน พ.ค. 43 ที่มีจำนวน 820.5 พัน ล. เยน นับเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาอย่างยืดเยื้อได้ส่งผลกระทบให้การส่งออกของญี่ปุ่นลดลงอย่างมาก ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นเกินดุลการค้า จำนวน 252.1 พัน ล. เยน ลดลงร้อยละ 65 จากเดือนเดียวกันของปี 43 ที่มีจำนวน 724.2 พัน ล. เยน เป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 โดยการส่งออกลดลงร้อยละ 2.5 ขณะที่การนำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 จากช่วงเดียวกันของปี 43 อย่างไรก็ตาม ในเดือน พ.ค. 44 ญี่ปุ่นขาดดุลบริการจำนวน 449.5 พัน ล. เยน ส่งผลให้ดุลสินค้าและบริการขาดดุลเป็นครั้งแรกนับแต่เดือน ม.ค. 44 ทั้งนี้ จากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่น อาจเผชิญกับภาวะถดถอยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่อ่อนแอลง เป็นสัญญาณหนึ่งที่เตือนถึงแนวโน้มที่มืดมนของเศรษฐกิจ นอกจากนั้น ตัวเลขการส่งออกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ยังส่งผลกระทบต่อผลผลิตอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายทุนของบริษัท ซึ่งเคยเป็นความหวังที่สำคัญของญี่ปุ่นในการกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในปี43 (รอยเตอร์12)
2. OECD ปรับลดการคาดหมายการขยายตัวของ GDP ของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปในปี 44 รายงานจากโรม เมื่อ 11 ก.ค.44 หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ OECD ได้ปรับลดการคาดหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (GDP) ของประเทศสหภาพยุโรป ปี 44 จากร้อยละ 2.6 เหลือร้อยละ 2.5 และคาดว่าปี 45 จะสูงกว่าร้อยละ 2.5 เพียงเล็กน้อย ซึ่งปรับลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อ พ.ค.44 ที่ร้อยละ 2.7 นอกจากนี้ยังยืนยันการคาดหมายการขยายตัวของ GDP ของญี่ปุ่นในปี 44 ว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 1 และยังคงขยายตัวในอัตราเดียวกันนี้ในปี 45 ด้วย ซึ่งตัวเลขในปี 45 ของญี่ปุ่นที่ปรับแล้วนี้ต่ำกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน พ.ค.44 เพียงเล็กน้อยที่ร้อยละ 1.1 (รอยเตอร์ 11)3. อัตราเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. และดุลการค้าของเยอรมนีในเดือน พ.ค.44 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ตเมื่อ 11 ก.ค.44 สำนักสถิติกลางเปิดเผยว่า เดือน มิ.ย.44 อัตราเงินเฟ้อเทียบต่อปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 ในเดือน พ.ค.44 ซึ่งเงินเฟ้อในเดือน พ.ค.นี้เป็นอัตราสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.36 และเมื่อเทียบต่อเดือน อัตราเงินเฟ้อในเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบกับเดือน พ.ค.ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ทั้งนี้ การที่อัตราเงินเฟ้อในเดือน มิ.ย. ชะลอลง ส่วนใหญ่เนื่องมาจากการอ่อนตัวของราคาเชื้อเพลิง โดยเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3.1 ลดลงมากจากเดือน พ.ค.ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15.4 ขณะเดียวกัน สำนักสถิติกลางรายงานจาก Weisbaden ว่า เดือน พ.ค.44 ยอดเกินดุลการค้าซึ่งเป็นตัวเลขเบื้องต้นมีมูลค่า 14.8 พัน ล. มาร์ก โดยการส่งออกและนำเข้ามีมูลค่า 106.9 และ 92.1 พัน ล. มาร์ก ตามลำดับ ส่วนยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมีมูลค่า 1.3 พัน ล. มาร์ก สำหรับช่วง ม.ค.-พ.ค.44 เยอรมนีเกินดุลการค้าจำนวน 64.1 พัน ล.มาร์ก และเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 3.4 พัน ล.มาร์ก (รอยเตอร์ 11)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 11 ก.ค. 44 45.535 (45.482)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 11 ก.ค. 44ซื้อ 45.3164 (45.2796) ขาย 45.6204 (45.5953)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,750 (5,700) ขาย 5,850 (5,800)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 23.43 (23.66)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.29 (15.29) ดีเซลหมุนเร็ว 14.14 (14.14)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-