9/11/44 นายราเชนทร์ พจนสุนทร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการประชุมผู้บริหารระดับสูงเกี่ยวกับปรับโครงสร้างกระทรวงพาณิชย์ว่า ภายหลังจากที่ได้มีการกำหนดกรอบและนโยบายในการปรับโครงสร้างกระทรวงพาณิชย์ให้เป็นกระทรวงการค้า เพื่อดูแลทั้งการนำเข้า และส่งออกแล้ว ก็จะต้องมีการกำหนดรายละเอียดของโครงสร้างใหม่ให้มีความชัดเจน เพื่อนำเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) ภายใน 2 เดือน ซึ่งจะสอดรับกับการอนุมัติงบประมาณในปี 2546
“ในรายละเอียดของการปรับโครงสร้างนั้น จะมีการพิจารณาเพื่อกำหนดหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการปฏิบัติงานไปอย่างไร และงานต่างๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมาจะต้องมีการจัดสรรหน่วยงานปฏิบัติอย่างไร โดยในส่วนของกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ซึ่งมีหน้าที่ในการเจรจาการค้ากับต่างประเทศนั้น ก็อาจจะมีการปรับเป็นกรมเจรจาระหว่างประเทศตามลักษณะงาน ขณะที่กรมทะเบียนการค้าก็อาจจะปรับลักษณะงานเป็นกรมบริการธุรกิจ เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการในการพัฒนาธุรกิจภายในประเทศให้มีความเข้มแข็ง
ส่วนงานด้านการนำเข้าที่เพิ่มเติมขึ้นมา ก็จะต้องมีการจัดตั้งหน่วยงานรองรับที่ชัดเจน ว่าจะมีโครงสร้างอย่างไร เพื่อดูแลและวางมาตรการในการนำเข้าให้เป็นระบบ ไม่เกิดการเสียเปรียบสินค้า จากต่างประเทศ นอกจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ยังจะต้องมีการกำหนดนโยบายและบทบาทที่ชัดเจนเกี่ยวกับการส่งเสริมสินค้าเกษตร และการคุ้มครองผู้บริโภค ว่าจะต้องให้การดูแล ผลักดัน และช่วยเหลือในเรื่องใดใดบ้าง เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค”
ส่วนการปฏิรูประบบบริหารภายในกระทรวงนั้น จะมีการปรับให้ปลัดกระทรวงดูแลเฉพาะนโยบายหลัก และงานของสำนักงานปลัด ขณะที่มีการเพิ่มบทบาทของรองปลัดให้ดูแลงานเฉพาะด้านมากขึ้น นอกจากนั้นให้มีการปรับโครงสร้างการบริหารภายใน โดยลดขั้นตอนการสั่งการในเชิงลึก แต่ให้ปรับเป็นในเชิงกว้างมากขึ้น
นายราเชนทร์ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึง ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เกี่ยวกับมาตรการแทรกแซงราคาและโครงการรับจำนำกาแฟ ว่า คชก.ได้มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนมาตรการโดยเพิ่มเกรดของกาแฟที่รับจำนำเป็น 3 เกรด คือ กาแฟเกรดพรีเมี่ยม ความชื้นไม่เกิน 13% มีข้อบกพร่องไม่เกิน 5% รับจำนำในราคากิโลกรัมละ 21 บาท โดยรับจำนำในปริมาณ 15,000 ตัน กาแฟเกรด 1 ความชื้นไม่เกิน 13% มีข้อบกพร่องไม่เกิน 7% รับจำนำในราคากิโลกรัมละ 25 บาท รับจำนำในปริมาณ 15,000 ตัน ส่วนกาแฟเกรด 2 ความชื้นไม่เกิน 13% มีข้อบกพร่องไม่เกิน 15% รับจำนำในราคากิโลกรัมละ 21 บาท เป็นปริมาณ 12,000 ตัน ส่วนเรื่องข้าวนั้น คชก. ก็ได้อนุมัติเงินทุนหมุนเวียน 7,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในงานด้านการประชาสัมพันธ์โครงการรับจำนำ รวมทั้งการตรวจสอบคุณภาพ การติดตามโครงการ การจัดประชุมและอบรม การซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องวัดความชื้น การจ้างบุคลากรเพื่อติดตามการรับจำนำข้าวที่โรงสี
นายราเชนทร์ ยังได้กล่าวถึง การสำรวจข้อมูลสถิติการส่งออกสินค้าหลักในแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีปัญหา เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ที่มีมูลค่าการส่งออกลดลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ และคงจะไม่ลดลงไปกว่านี้แล้ว เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนไม่ผันผวนมากนัก และมีอีกหลายปัจจัย ทำให้คาดการณ์ว่าการส่งออกสินค้าหลักของไทยในปีนี้ คงจะไม่ติดลบถึง 8.1% แต่จะอยู่ในระดับ — 6% เท่านั้น โดยตัวเลขการส่งออกคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 72% ของยอดส่งออกรวม ซึ่งยังไม่ได้รวมกลุ่มสินค้าเบ็ดเตล็ด เครื่องใช้ส่วนตัวที่ไทยส่งออกรวมกันคิดเป็นสัดส่วนถึง 28% ของมูลค่าการส่งออกโดยรวม และคาดว่ายังมีโอกาสขยายตัวได้อีก
สำหรับการส่งออกโดยเฉลี่ยแต่ละเดือนในขณะนี้สูงถึง 5,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการส่งออกในปีหน้าหากสถานการณ์ต่างๆ ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากขณะนี้ ก็เชื่อว่าการส่งออกโดยรวมของไทยในปีหน้าจะขยายตัวเป็นบวกได้
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ พฤศจิกายน 2544--
-ปส-
“ในรายละเอียดของการปรับโครงสร้างนั้น จะมีการพิจารณาเพื่อกำหนดหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการปฏิบัติงานไปอย่างไร และงานต่างๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมาจะต้องมีการจัดสรรหน่วยงานปฏิบัติอย่างไร โดยในส่วนของกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ซึ่งมีหน้าที่ในการเจรจาการค้ากับต่างประเทศนั้น ก็อาจจะมีการปรับเป็นกรมเจรจาระหว่างประเทศตามลักษณะงาน ขณะที่กรมทะเบียนการค้าก็อาจจะปรับลักษณะงานเป็นกรมบริการธุรกิจ เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการในการพัฒนาธุรกิจภายในประเทศให้มีความเข้มแข็ง
ส่วนงานด้านการนำเข้าที่เพิ่มเติมขึ้นมา ก็จะต้องมีการจัดตั้งหน่วยงานรองรับที่ชัดเจน ว่าจะมีโครงสร้างอย่างไร เพื่อดูแลและวางมาตรการในการนำเข้าให้เป็นระบบ ไม่เกิดการเสียเปรียบสินค้า จากต่างประเทศ นอกจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ยังจะต้องมีการกำหนดนโยบายและบทบาทที่ชัดเจนเกี่ยวกับการส่งเสริมสินค้าเกษตร และการคุ้มครองผู้บริโภค ว่าจะต้องให้การดูแล ผลักดัน และช่วยเหลือในเรื่องใดใดบ้าง เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค”
ส่วนการปฏิรูประบบบริหารภายในกระทรวงนั้น จะมีการปรับให้ปลัดกระทรวงดูแลเฉพาะนโยบายหลัก และงานของสำนักงานปลัด ขณะที่มีการเพิ่มบทบาทของรองปลัดให้ดูแลงานเฉพาะด้านมากขึ้น นอกจากนั้นให้มีการปรับโครงสร้างการบริหารภายใน โดยลดขั้นตอนการสั่งการในเชิงลึก แต่ให้ปรับเป็นในเชิงกว้างมากขึ้น
นายราเชนทร์ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึง ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เกี่ยวกับมาตรการแทรกแซงราคาและโครงการรับจำนำกาแฟ ว่า คชก.ได้มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนมาตรการโดยเพิ่มเกรดของกาแฟที่รับจำนำเป็น 3 เกรด คือ กาแฟเกรดพรีเมี่ยม ความชื้นไม่เกิน 13% มีข้อบกพร่องไม่เกิน 5% รับจำนำในราคากิโลกรัมละ 21 บาท โดยรับจำนำในปริมาณ 15,000 ตัน กาแฟเกรด 1 ความชื้นไม่เกิน 13% มีข้อบกพร่องไม่เกิน 7% รับจำนำในราคากิโลกรัมละ 25 บาท รับจำนำในปริมาณ 15,000 ตัน ส่วนกาแฟเกรด 2 ความชื้นไม่เกิน 13% มีข้อบกพร่องไม่เกิน 15% รับจำนำในราคากิโลกรัมละ 21 บาท เป็นปริมาณ 12,000 ตัน ส่วนเรื่องข้าวนั้น คชก. ก็ได้อนุมัติเงินทุนหมุนเวียน 7,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในงานด้านการประชาสัมพันธ์โครงการรับจำนำ รวมทั้งการตรวจสอบคุณภาพ การติดตามโครงการ การจัดประชุมและอบรม การซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องวัดความชื้น การจ้างบุคลากรเพื่อติดตามการรับจำนำข้าวที่โรงสี
นายราเชนทร์ ยังได้กล่าวถึง การสำรวจข้อมูลสถิติการส่งออกสินค้าหลักในแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีปัญหา เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ที่มีมูลค่าการส่งออกลดลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ และคงจะไม่ลดลงไปกว่านี้แล้ว เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนไม่ผันผวนมากนัก และมีอีกหลายปัจจัย ทำให้คาดการณ์ว่าการส่งออกสินค้าหลักของไทยในปีนี้ คงจะไม่ติดลบถึง 8.1% แต่จะอยู่ในระดับ — 6% เท่านั้น โดยตัวเลขการส่งออกคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 72% ของยอดส่งออกรวม ซึ่งยังไม่ได้รวมกลุ่มสินค้าเบ็ดเตล็ด เครื่องใช้ส่วนตัวที่ไทยส่งออกรวมกันคิดเป็นสัดส่วนถึง 28% ของมูลค่าการส่งออกโดยรวม และคาดว่ายังมีโอกาสขยายตัวได้อีก
สำหรับการส่งออกโดยเฉลี่ยแต่ละเดือนในขณะนี้สูงถึง 5,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการส่งออกในปีหน้าหากสถานการณ์ต่างๆ ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากขณะนี้ ก็เชื่อว่าการส่งออกโดยรวมของไทยในปีหน้าจะขยายตัวเป็นบวกได้
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ พฤศจิกายน 2544--
-ปส-