ผลการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของอาเซียน (SEOM)กับประเทศคู่เจรจา (Dialogue Partners)
สาระสำคัญของผลการประชุม SEOM —Dialogue Partners สรุปได้ดังนี้
1. การประชุมระหว่าง SEOM กับจีน ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี (SEOM+3)
ที่ประชุมพิจารณาโครงการเพื่อช่วยลดช่องว่างของระดับการพัฒนาเศรษฐกิจในกลุ่มสมาชิกอาเซียนเดิมและสมาชิกใหม่ โดยเน้นเรื่อง
ความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และการถ่ายทอดเทคโนโลยี
ด้าน IT และ e-commerce
ด้าน SME/SI
นอกจากนี้ ได้พิจารณาข้อเสนอโครงการความร่วมมือภายใต้กรอบงาน AEM+3 รวม 15 โครงการ และเห็นชอบโครงการที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในขั้นต้นนี้แล้ว 4 โครงการ คือ
(1) การพัฒนาด้านมาตรฐานอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกัน (Conformity Assessment Development Program in Industrial Standard)
(2) การฝึกอบรมเทคโนโลยีการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (Training Programme on Practical Technology for Environmental Protection)
(3) การพัฒนาด้าน IT ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน (Asian Common Skill Standard Initiatives for IT Engineer )
(4) การเสริมสร้างขีดความสามารถแข่งขันของอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็กของอาเซียน
(Strengthening the Competitiveness of ASEAN SMEs)
สำหรับโครงการอื่นๆ จีน ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี ขอศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาเข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะได้รวบรวมโครงการที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์นำเสนอต่อที่ประชุมระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี (AEM+3) พิจารณาให้ความเห็นชอบในการดำเนินโครงการภายในต้นเดือนพฤษภาคม 2544
2. การประชุมระหว่าง SEOM กับเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและ
อุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (SEOM-METI)
ที่ประชุมรับทราบว่า ญี่ปุ่นจะให้เงินช่วยเหลือในการพัฒนาด้าน IT ในอาเซียนเป็นหลักประมาณว่ากว่าร้อยละ 50 ของเงินช่วยเหลือ 15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโครงการซึ่งฝ่ายอาเซียนนำเสนอ ซึ่ง SEOM ได้เชิญญี่ปุ่นมาร่วมหารือกับคณะทำงานด้าน e-ASEAN ซึ่งได้จัดทำโครงการเตรียมไว้ส่วนหนึ่งด้วยแล้ว
สำหรับการจัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญอาเซียน-ญี่ปุ่น เพื่อศึกษาแนวทางกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ โดยรวมถึงการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างกัน ขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่ององค์ประกอบและกลไกการดำเนินงานของคณะผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอาเซียนต้องการให้องค์ประกอบคณะผู้เชี่ยวชาญมีผู้แทนภาครัฐเป็นแกนนำ และอาจมีนักวิชาการ / ผู้เชี่ยวชาญนอกภาคราชการมาร่วมด้วย แต่ญี่ปุ่นต้องการให้ภาคเอกชน และนักวิชาการเป็นแกนนำส่วนการศึกษา อาเซียนต้องการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี แต่ญี่ปุ่นต้องการเสนอต่อที่ประชุม AEM-METI ในปี 2546
3. การประชุมระหว่าง SEOM กับเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการค้าต่างประเทศและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของจีน (ASEAN-China Joint Committee on Trade and Economic Cooperation :ACJCTEC)
การประชุมครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สาม หลังจากที่ไม่มีการประชุมร่วมกันมากว่า 3 ปี ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญอาเซียน-จีน ประกอบด้วยผู้แทนภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อศึกษาแนวทางกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับจีน ซึ่งรวมถึงการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีและผลกระทบของการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของจีน ต่ออาเซียน ทั้งนี้ ผลศึกษาของคณะผู้เชี่ยวชาญ ฯ จะนำเสนอต่อการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส รัฐมนตรี และการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ตามลำดับ
ทั้งสองฝ่ายตกลงให้มีการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญอาเซียน-จีน ครั้งแรกในเดือนเมษายน 2544 ณ ประเทศจีน และจะผลักดันให้นักธุรกิจทั้งสองฝ่ายมีโอกาสพบปะกัน โดยจัดประชุม ASEAN-China Business Council ในปีนี้ ณ ประเทศอินโดนีเซีย
4. การประชุมระหว่าง SEOM กับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของออสเตรเลียและ
นิวซีแลนด์ (SEOM-CER)
ที่ประชุมรับทราบผลความคืบหน้าในการเชื่อมโยงอาเซียนกับเขตการค้าเสรีออสเตรเลีย — นิวซีแลนด์(ASEAN-CER Linkage) ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่อาเซียนเป็นจำนวนเงิน 50 ล้าน A$ และ 10.8 ล้าน NZ$ ประกอบด้วยความร่วมมือด้านศุลกากร มาตรฐานและความสอดคล้อง สุขอนามัยและโรคพืช นโยบายการแข่งขันและการคุ้มครองผู้บริโภค การขนส่ง ทรัพย์สินทางปัญญา และการฝึกอบรมด้านนโยบายการค้า เป็นต้น ซึ่งออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์จะยังคงให้ความช่วยเหลือต่อไป โดยได้จัดงบประมาณไว้ให้ 45 ล้าน A$ ภายใน 3 ปี
ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความเห็นต่อข้อเสนอของออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ ในการกำหนดขอบเขตความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด (Closer Economic Partnership) ซึ่งอาเซียนยังไม่มีท่าทีร่วมกัน เกี่ยวกับหลักการ เป้าหมาย และสาขาความร่วมมือต่างๆ การอำนวยความสะดวก และการเสริมสร้างสมรรถนะแก่อาเซียนในการนี้ ที่ประชุมตกลงให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อหารือร่วมกันในการกำหนดขอบเขต ของ CEP ในรายละเอียด เพื่อนำเสนอต่อ SEOM-CER และรัฐมนตรีเศรษฐกิจของอาเซียนกับออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ (AEM-CER) ในเดือนตุลาคม 2544 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามต่อไป
ผู้แทนไทยยกเรื่องมาตรการกักกันการนำเข้ากุ้งสดเป็นการชั่วคราวของออสเตรเลีย ซึ่งมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้ากุ้งอาเซียน(ไทย เวียดนาม มาเลเซีย พม่า และสิงคโปร์) และคณะกรรมการด้านสุขอนามัย(SPS) ณ นครเจนีวา เมื่อวันที่ 14-15 มีนาคม 2544 มีมติให้ออสเตรเลียทบทวนมาตรการดังกล่าวแล้ว ออสเตรเลียได้แจ้งที่ประชุมว่า จะนำไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและแจ้งผลให้ทราบต่อไป
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 82-6623--จบ--
-สส-
สาระสำคัญของผลการประชุม SEOM —Dialogue Partners สรุปได้ดังนี้
1. การประชุมระหว่าง SEOM กับจีน ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี (SEOM+3)
ที่ประชุมพิจารณาโครงการเพื่อช่วยลดช่องว่างของระดับการพัฒนาเศรษฐกิจในกลุ่มสมาชิกอาเซียนเดิมและสมาชิกใหม่ โดยเน้นเรื่อง
ความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และการถ่ายทอดเทคโนโลยี
ด้าน IT และ e-commerce
ด้าน SME/SI
นอกจากนี้ ได้พิจารณาข้อเสนอโครงการความร่วมมือภายใต้กรอบงาน AEM+3 รวม 15 โครงการ และเห็นชอบโครงการที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในขั้นต้นนี้แล้ว 4 โครงการ คือ
(1) การพัฒนาด้านมาตรฐานอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกัน (Conformity Assessment Development Program in Industrial Standard)
(2) การฝึกอบรมเทคโนโลยีการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (Training Programme on Practical Technology for Environmental Protection)
(3) การพัฒนาด้าน IT ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน (Asian Common Skill Standard Initiatives for IT Engineer )
(4) การเสริมสร้างขีดความสามารถแข่งขันของอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็กของอาเซียน
(Strengthening the Competitiveness of ASEAN SMEs)
สำหรับโครงการอื่นๆ จีน ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี ขอศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาเข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะได้รวบรวมโครงการที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์นำเสนอต่อที่ประชุมระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี (AEM+3) พิจารณาให้ความเห็นชอบในการดำเนินโครงการภายในต้นเดือนพฤษภาคม 2544
2. การประชุมระหว่าง SEOM กับเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและ
อุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (SEOM-METI)
ที่ประชุมรับทราบว่า ญี่ปุ่นจะให้เงินช่วยเหลือในการพัฒนาด้าน IT ในอาเซียนเป็นหลักประมาณว่ากว่าร้อยละ 50 ของเงินช่วยเหลือ 15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโครงการซึ่งฝ่ายอาเซียนนำเสนอ ซึ่ง SEOM ได้เชิญญี่ปุ่นมาร่วมหารือกับคณะทำงานด้าน e-ASEAN ซึ่งได้จัดทำโครงการเตรียมไว้ส่วนหนึ่งด้วยแล้ว
สำหรับการจัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญอาเซียน-ญี่ปุ่น เพื่อศึกษาแนวทางกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ โดยรวมถึงการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างกัน ขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่ององค์ประกอบและกลไกการดำเนินงานของคณะผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอาเซียนต้องการให้องค์ประกอบคณะผู้เชี่ยวชาญมีผู้แทนภาครัฐเป็นแกนนำ และอาจมีนักวิชาการ / ผู้เชี่ยวชาญนอกภาคราชการมาร่วมด้วย แต่ญี่ปุ่นต้องการให้ภาคเอกชน และนักวิชาการเป็นแกนนำส่วนการศึกษา อาเซียนต้องการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี แต่ญี่ปุ่นต้องการเสนอต่อที่ประชุม AEM-METI ในปี 2546
3. การประชุมระหว่าง SEOM กับเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการค้าต่างประเทศและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของจีน (ASEAN-China Joint Committee on Trade and Economic Cooperation :ACJCTEC)
การประชุมครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สาม หลังจากที่ไม่มีการประชุมร่วมกันมากว่า 3 ปี ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญอาเซียน-จีน ประกอบด้วยผู้แทนภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อศึกษาแนวทางกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับจีน ซึ่งรวมถึงการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีและผลกระทบของการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของจีน ต่ออาเซียน ทั้งนี้ ผลศึกษาของคณะผู้เชี่ยวชาญ ฯ จะนำเสนอต่อการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส รัฐมนตรี และการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ตามลำดับ
ทั้งสองฝ่ายตกลงให้มีการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญอาเซียน-จีน ครั้งแรกในเดือนเมษายน 2544 ณ ประเทศจีน และจะผลักดันให้นักธุรกิจทั้งสองฝ่ายมีโอกาสพบปะกัน โดยจัดประชุม ASEAN-China Business Council ในปีนี้ ณ ประเทศอินโดนีเซีย
4. การประชุมระหว่าง SEOM กับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของออสเตรเลียและ
นิวซีแลนด์ (SEOM-CER)
ที่ประชุมรับทราบผลความคืบหน้าในการเชื่อมโยงอาเซียนกับเขตการค้าเสรีออสเตรเลีย — นิวซีแลนด์(ASEAN-CER Linkage) ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่อาเซียนเป็นจำนวนเงิน 50 ล้าน A$ และ 10.8 ล้าน NZ$ ประกอบด้วยความร่วมมือด้านศุลกากร มาตรฐานและความสอดคล้อง สุขอนามัยและโรคพืช นโยบายการแข่งขันและการคุ้มครองผู้บริโภค การขนส่ง ทรัพย์สินทางปัญญา และการฝึกอบรมด้านนโยบายการค้า เป็นต้น ซึ่งออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์จะยังคงให้ความช่วยเหลือต่อไป โดยได้จัดงบประมาณไว้ให้ 45 ล้าน A$ ภายใน 3 ปี
ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความเห็นต่อข้อเสนอของออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ ในการกำหนดขอบเขตความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด (Closer Economic Partnership) ซึ่งอาเซียนยังไม่มีท่าทีร่วมกัน เกี่ยวกับหลักการ เป้าหมาย และสาขาความร่วมมือต่างๆ การอำนวยความสะดวก และการเสริมสร้างสมรรถนะแก่อาเซียนในการนี้ ที่ประชุมตกลงให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อหารือร่วมกันในการกำหนดขอบเขต ของ CEP ในรายละเอียด เพื่อนำเสนอต่อ SEOM-CER และรัฐมนตรีเศรษฐกิจของอาเซียนกับออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ (AEM-CER) ในเดือนตุลาคม 2544 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามต่อไป
ผู้แทนไทยยกเรื่องมาตรการกักกันการนำเข้ากุ้งสดเป็นการชั่วคราวของออสเตรเลีย ซึ่งมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้ากุ้งอาเซียน(ไทย เวียดนาม มาเลเซีย พม่า และสิงคโปร์) และคณะกรรมการด้านสุขอนามัย(SPS) ณ นครเจนีวา เมื่อวันที่ 14-15 มีนาคม 2544 มีมติให้ออสเตรเลียทบทวนมาตรการดังกล่าวแล้ว ออสเตรเลียได้แจ้งที่ประชุมว่า จะนำไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและแจ้งผลให้ทราบต่อไป
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 82-6623--จบ--
-สส-