ไทยและประเทศสมาชิก WTO ยื่นหนังสือคัดค้านร่างกฎหมายใหม่ของสหรัฐฯที่ให้นำภาษี
AD/CVD ไปสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ อ้างขัดต่อความตกลง WTO สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น แคนาดา เกาหลี และไทย ร่วมกันยื่นหนังสือคัดค้านต่อฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ต่อกรณีที่สหรัฐฯผ่านร่างแก้ไขกฎหมายให้นำอากรที่เก็บจากการตอบโต้การทุ่มตลาดและต่อต้านการอุดหนุน(AD/CVD) ไปจัดตั้งเป็นกองทุนให้กับอุตสาหกรรม
ภายในที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวนำไปใช้ประโยชน์ โดยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อหลักการ และความตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมการ การตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) ของ WTO เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2543 ที่ผ่านมา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา ชิลี สหภาพยุโรป อินเดีย เกาหลี เม็กซิโก นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้ ได้ต่อว่าสหรัฐฯ ในที่ประชุมว่าการนำภาษี AD ที่เก็บได้ ไปให้การช่วยเหลืออุตสาหกรรมภายในเป็นการกระทำที่เกินเลยจากที่ความตกลง AD กำหนดไว้ ทั้งนี้ประเทศสมาชิก WTO ที่คัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวอ้างว่าความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดและการต่อต้านการอุดหนุนของ WTO เปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการทุ่มตลาด และผลกระทบจากการอุดหนุนได้รับการแก้ไขความเสียหายโดยให้รัฐบาลเก็บอากร AD และ CVD จากผู้ส่งออก เท่ากับความเสียหายที่คำนวณได้ ซึ่งเป็นการแก้ไขที่พยายามสร้างสิ่งชดเชยแก่อุตสาหกรรมภายในเท่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้น ในขณะที่มาตรการใหม่ของสหรัฐฯ เป็นการชดเชยความเสียหายที่เกินกว่าที่กำหนดไว้ในความตกลง AD และเป็นการให้การคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในสองต่อ (double protection) โดยอนุญาตให้นำเงินอากรที่เก็บได้ ไปตั้งเป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมภายใน แทนที่จะนำเงินนั้นเข้าคลังแผ่นดิน นอกจากนั้นยังเห็นว่าอากรที่นำมาจัดตั้งเป็นกองทุนจัดเป็นการอุดหนุนอย่างหนึ่งตามความตกลง Subsidies ของ WTO เนื่องจากเป็นรายได้ที่รัฐควรจะได้รับแต่กลับนำมาตั้งเป็นกองทุนให้เอกชนและเป็นการอุดหนุนที่ให้เฉพาะเจาะจงแก่อุตสาหกรรมภายในที่ได้รับผลกระทบ หรือฟ้องร้องคดีการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนจากต่างชาติเท่านั้น อย่างไรก็ตามร่างกฎหมายดังกล่าว กลับได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้นจากอุตสาหกรรมภายในประเทศของสหรัฐฯที่มักเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดไต่สวนเพื่อเก็บ AD เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก เป็นต้น โดยคาดว่ามูลค่าภาษี AD/CVD ที่เก็บได้ และนำมาตั้งเป็นกองทุนจะตกประมาณ 39 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงระยะเวลา10 ปีข้างหน้า นอกจากนั้น มาตรการของสหรัฐฯ ยังอาจส่งผลกระทบกับประเทศคู่ค้า เนื่องจากทำให้อุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ไม่เลือกที่จะแก้ไขปัญหา AD โดยวิธีประนีประนอม หรือทำ price undertaking ฟกับบริษัทต่างชาติ แต่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการไต่สวนกรณีทุ่มตลาดต่อไป เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากอากร AD ที่เก็บได้ไปพัฒนาอุตสาหกรรมของตนทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2543 ที่ผ่านมา นายบิล คลินตันประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามผ่านร่างแก้ไขกฎหมาย (Byrd Amendment) ให้นำอากรที่เก็บจากการตอบโต้การทุ่มตลาดและต่อต้านการอุดหนุนไปจัดตั้งเป็นกองทุน เพื่อให้กับอุตสาหกรรมภายในที่ได้รับผลกระทบนำไปใช้ประโยชน์ อาทิ เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงการผลิต เครื่องมืออุปกรณ์ในการผลิตสินค้า การวิจัยและพัฒนา การฝึกอบรมบุคลากร การดูแลสุขภาพและเงินบำนาญของพนักงานและการปรับปรุงเทคโนโลยีในการผลิต
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ พฤศจิกายน 2543--
-ปส-
AD/CVD ไปสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ อ้างขัดต่อความตกลง WTO สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น แคนาดา เกาหลี และไทย ร่วมกันยื่นหนังสือคัดค้านต่อฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ต่อกรณีที่สหรัฐฯผ่านร่างแก้ไขกฎหมายให้นำอากรที่เก็บจากการตอบโต้การทุ่มตลาดและต่อต้านการอุดหนุน(AD/CVD) ไปจัดตั้งเป็นกองทุนให้กับอุตสาหกรรม
ภายในที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวนำไปใช้ประโยชน์ โดยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อหลักการ และความตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมการ การตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) ของ WTO เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2543 ที่ผ่านมา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา ชิลี สหภาพยุโรป อินเดีย เกาหลี เม็กซิโก นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้ ได้ต่อว่าสหรัฐฯ ในที่ประชุมว่าการนำภาษี AD ที่เก็บได้ ไปให้การช่วยเหลืออุตสาหกรรมภายในเป็นการกระทำที่เกินเลยจากที่ความตกลง AD กำหนดไว้ ทั้งนี้ประเทศสมาชิก WTO ที่คัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวอ้างว่าความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดและการต่อต้านการอุดหนุนของ WTO เปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการทุ่มตลาด และผลกระทบจากการอุดหนุนได้รับการแก้ไขความเสียหายโดยให้รัฐบาลเก็บอากร AD และ CVD จากผู้ส่งออก เท่ากับความเสียหายที่คำนวณได้ ซึ่งเป็นการแก้ไขที่พยายามสร้างสิ่งชดเชยแก่อุตสาหกรรมภายในเท่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้น ในขณะที่มาตรการใหม่ของสหรัฐฯ เป็นการชดเชยความเสียหายที่เกินกว่าที่กำหนดไว้ในความตกลง AD และเป็นการให้การคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในสองต่อ (double protection) โดยอนุญาตให้นำเงินอากรที่เก็บได้ ไปตั้งเป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมภายใน แทนที่จะนำเงินนั้นเข้าคลังแผ่นดิน นอกจากนั้นยังเห็นว่าอากรที่นำมาจัดตั้งเป็นกองทุนจัดเป็นการอุดหนุนอย่างหนึ่งตามความตกลง Subsidies ของ WTO เนื่องจากเป็นรายได้ที่รัฐควรจะได้รับแต่กลับนำมาตั้งเป็นกองทุนให้เอกชนและเป็นการอุดหนุนที่ให้เฉพาะเจาะจงแก่อุตสาหกรรมภายในที่ได้รับผลกระทบ หรือฟ้องร้องคดีการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนจากต่างชาติเท่านั้น อย่างไรก็ตามร่างกฎหมายดังกล่าว กลับได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้นจากอุตสาหกรรมภายในประเทศของสหรัฐฯที่มักเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดไต่สวนเพื่อเก็บ AD เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก เป็นต้น โดยคาดว่ามูลค่าภาษี AD/CVD ที่เก็บได้ และนำมาตั้งเป็นกองทุนจะตกประมาณ 39 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงระยะเวลา10 ปีข้างหน้า นอกจากนั้น มาตรการของสหรัฐฯ ยังอาจส่งผลกระทบกับประเทศคู่ค้า เนื่องจากทำให้อุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ไม่เลือกที่จะแก้ไขปัญหา AD โดยวิธีประนีประนอม หรือทำ price undertaking ฟกับบริษัทต่างชาติ แต่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการไต่สวนกรณีทุ่มตลาดต่อไป เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากอากร AD ที่เก็บได้ไปพัฒนาอุตสาหกรรมของตนทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2543 ที่ผ่านมา นายบิล คลินตันประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามผ่านร่างแก้ไขกฎหมาย (Byrd Amendment) ให้นำอากรที่เก็บจากการตอบโต้การทุ่มตลาดและต่อต้านการอุดหนุนไปจัดตั้งเป็นกองทุน เพื่อให้กับอุตสาหกรรมภายในที่ได้รับผลกระทบนำไปใช้ประโยชน์ อาทิ เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงการผลิต เครื่องมืออุปกรณ์ในการผลิตสินค้า การวิจัยและพัฒนา การฝึกอบรมบุคลากร การดูแลสุขภาพและเงินบำนาญของพนักงานและการปรับปรุงเทคโนโลยีในการผลิต
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ พฤศจิกายน 2543--
-ปส-