สภาพปัญหา ในรอบปีที่ผ่านมารัสเซียประสบปัญหาสูญเสียรายได้จำนวนมากจากอุตสาหกรรมการประมง เนื่องจากสาเหตุหลายประการ อาทิ
- การลักลอบจับปลาในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ทำให้รัฐต้องสูญเสียเงินรายได้จากการส่งออกปลาและสัตว์ทะเลที่จับได้อย่างผิดกฎหมายกว่าปีละ 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- ชาวต่างชาติหลีกเลี่ยงการชำระภาษี โดยการร่วมมือกับหุ้นส่วนชาวรัสเซียทำสัญญาปลอมเช่าเรือต่างชาติเพื่อให้ได้โควต้าจับปลารัสเซีย สัตว์ทะเลที่จับได้ทั้งหมดในกรณีนี้จะถูกลักลอบส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ในปี 2542 ปริมาณปลาที่จับได้ทั้งหมดในรัสเซียลดลงจาก 9 ล้านตัน (สมัยสหภาพโซเวียต) เหลือ 4.2 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
มาตรการแก้ไข เพื่อแก้ไขปัญหาข้างต้น คณะกรรมการประมงแห่งชาติ (State Fishing Committee) ได้มีมาตรการต่าง ๆ เพื่อปฏิรูปอุตสาหกรรมการประมง ดังนี้.-
- ตั้งแต่ปี 2545 จะไม่อนุญาตให้มีเรือที่ต่อในต่างประเทศทำการประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ รัสเซียวางแผนจะต่อเรือในประเทศจำนวน 735 ลำ ภายในปี 2558 โดยจะจัดสรรโควต้าจับปลาตลอดระยะเวลาการชำระเงินกู้ให้กับเรือเหล่านั้น โดยเชื่อว่ามาตรการนี้จะกระตุ้นให้ธนาคารรัสเซียลงทุนในอุตสาหกรรมการต่อเรือภายในประเทศรัสเซียด้วย
- ให้สิทธิพิเศษแก่เรือที่ทำการประมงในเขต 12 ไมล์ทะเล หากส่งปลาที่จับได้ให้กับโรงงานในประเทศ โดยคาดว่าปีนี้จะมีมูลค่า 1.4 - 1.5 ล้านตัน ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วร้อยละ 20
- เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการทำประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะมากขึ้น โดยให้เรือประมงในน่านน้ำรัสเซียติดเครื่องส่งสัญญาณพิเศษ ซึ่งจะทำให้สามารถตรวจตราการเคลื่อนไหวของเรือได้ตลอดเวลา รวมถึงขยายการควบคุมด้านศุลกากร โดยกำหนดให้ปลาและสัตว์ทะเลที่จับได้ในเขต 200 ไมล์ทะเล ถือเป็นสินค้าส่งออก
ทั้งนี้ คณะกรรมการการประมงฯ วางแผนจะเพิ่มมูลค่าผลผลิตสินค้าประมงรายปีให้อยู่ที่ 9 ล้านตัน ซึ่งเท่ากับสมัยสหภาพโซเวียตด้วย
อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า รัสเซียจัดเป็นประเทศที่มีผลผลิตจากอุตสาหกรรมประมงสูง 1 ใน 5 ของโลก การมีมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมการประมงที่เข้มงวดขึ้นนั้น คาดว่าจะส่งผลให้อีก 2 - 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะช่วยให้รัสเซียสามารถควบคุมการรั่วไหลของเงินตราต่างประเทศจากอุตสาห-กรรมประมงและจะช่วยให้รัสเซียมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รัสเซียน่าจะเป็นแหล่งวัตถุดิบสำหรับป้อนโรงงานอุตสาหกรรมของไทยได้ เนื่องจากเป็นแหล่งวัตถุดิบแถบทะเลแปซิฟิกที่อุดมสมบูรณ์และอยู่ใกล้ไทย
(ที่มา : กรมเศรษฐกิจ กระทรวงการต่างประเทศ)
-วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 12/2543 วันที่ 30 มิถุนายน 2543--
-อน-
- การลักลอบจับปลาในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ทำให้รัฐต้องสูญเสียเงินรายได้จากการส่งออกปลาและสัตว์ทะเลที่จับได้อย่างผิดกฎหมายกว่าปีละ 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- ชาวต่างชาติหลีกเลี่ยงการชำระภาษี โดยการร่วมมือกับหุ้นส่วนชาวรัสเซียทำสัญญาปลอมเช่าเรือต่างชาติเพื่อให้ได้โควต้าจับปลารัสเซีย สัตว์ทะเลที่จับได้ทั้งหมดในกรณีนี้จะถูกลักลอบส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ในปี 2542 ปริมาณปลาที่จับได้ทั้งหมดในรัสเซียลดลงจาก 9 ล้านตัน (สมัยสหภาพโซเวียต) เหลือ 4.2 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
มาตรการแก้ไข เพื่อแก้ไขปัญหาข้างต้น คณะกรรมการประมงแห่งชาติ (State Fishing Committee) ได้มีมาตรการต่าง ๆ เพื่อปฏิรูปอุตสาหกรรมการประมง ดังนี้.-
- ตั้งแต่ปี 2545 จะไม่อนุญาตให้มีเรือที่ต่อในต่างประเทศทำการประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ รัสเซียวางแผนจะต่อเรือในประเทศจำนวน 735 ลำ ภายในปี 2558 โดยจะจัดสรรโควต้าจับปลาตลอดระยะเวลาการชำระเงินกู้ให้กับเรือเหล่านั้น โดยเชื่อว่ามาตรการนี้จะกระตุ้นให้ธนาคารรัสเซียลงทุนในอุตสาหกรรมการต่อเรือภายในประเทศรัสเซียด้วย
- ให้สิทธิพิเศษแก่เรือที่ทำการประมงในเขต 12 ไมล์ทะเล หากส่งปลาที่จับได้ให้กับโรงงานในประเทศ โดยคาดว่าปีนี้จะมีมูลค่า 1.4 - 1.5 ล้านตัน ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วร้อยละ 20
- เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการทำประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะมากขึ้น โดยให้เรือประมงในน่านน้ำรัสเซียติดเครื่องส่งสัญญาณพิเศษ ซึ่งจะทำให้สามารถตรวจตราการเคลื่อนไหวของเรือได้ตลอดเวลา รวมถึงขยายการควบคุมด้านศุลกากร โดยกำหนดให้ปลาและสัตว์ทะเลที่จับได้ในเขต 200 ไมล์ทะเล ถือเป็นสินค้าส่งออก
ทั้งนี้ คณะกรรมการการประมงฯ วางแผนจะเพิ่มมูลค่าผลผลิตสินค้าประมงรายปีให้อยู่ที่ 9 ล้านตัน ซึ่งเท่ากับสมัยสหภาพโซเวียตด้วย
อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า รัสเซียจัดเป็นประเทศที่มีผลผลิตจากอุตสาหกรรมประมงสูง 1 ใน 5 ของโลก การมีมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมการประมงที่เข้มงวดขึ้นนั้น คาดว่าจะส่งผลให้อีก 2 - 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะช่วยให้รัสเซียสามารถควบคุมการรั่วไหลของเงินตราต่างประเทศจากอุตสาห-กรรมประมงและจะช่วยให้รัสเซียมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รัสเซียน่าจะเป็นแหล่งวัตถุดิบสำหรับป้อนโรงงานอุตสาหกรรมของไทยได้ เนื่องจากเป็นแหล่งวัตถุดิบแถบทะเลแปซิฟิกที่อุดมสมบูรณ์และอยู่ใกล้ไทย
(ที่มา : กรมเศรษฐกิจ กระทรวงการต่างประเทศ)
-วารสาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 12/2543 วันที่ 30 มิถุนายน 2543--
-อน-